บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 624 ชิวเว่ยเต้า / ตอนที่ 625 ชีวิตที่สุขสงบ

ตอนที่ 624 ชิวเว่ยเต้า  

 

 

นิ้วมือหรงจิงบนเข็มขัดหยกเคาะเบาๆ สองครั้ง เสียงเล็บที่เคาะลงบนนั้นฟังดูน่าสงสัย  

 

 

ชิวเว่ยเต้ารู้ดีว่าตอนนี้หรงจิงกำลังใคร่ครวญจึงไม่คิดจะรบกวนเขา แต่หากไม่รบกวนในเวลานี้ เขาก็เกรงว่าจะสูญเสียโอกาสนี้ไป  

 

 

หรงจิงเลิกคิ้วมองเขาและพูดว่า  

 

 

“เรารู้สึกว่าท่านพูดมีเหตุผล เราไม่สนใจว่าที่นั่นมีอะไร แต่เราต้องการให้ท่านช่วยเราหาความกระจ่าง ตรวจดูให้รู้แจ้งว่าคนพวกนั้นต้องการอะไร ชีพจรมังกร ราชบัลลังก์ หรือขุมทรัพย์”  

 

 

หรงจิงหันไปมองชิวเว่ยเต้า ดวงตาเข้มงวดขึ้นมา  

 

 

“เราไม่สนใจว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร สำหรับเราแล้วพวกมันคือโจร เราต้องการให้พวกมันตายอยู่ที่นั่นทั้งหมด ไม่ว่าเทือกเขาสวินหลงจะมีความลับอะไร จะต้องทำให้หายไปไม่เหลือซากอย่างเงียบเชียบ”  

 

 

“นักพรตชิวจะทำได้หรือไม่”  

 

 

เสียงของหรงจิงแฝงความยั่วยุแต่ชิวเว่ยเต้าเตรียมรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงประสานมือตอบทันที  

 

 

“กระหม่อมย่อมสามารถทำได้พะย่ะค่ะ เพียงแต่…”  

 

 

หรงจิงสะบัดมือเดินเข้าไปในตำหนักหน้า  

 

 

ชิวเว่ยเต้าติดตามไปเพื่อจะพูดอะไรต่อ แต่หรงจิงพูดขึ้นทันที  

 

 

“เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งเสมอมากับคนที่สามารถช่วยแบ่งเบาความกังวลของเราได้ ขอเพียงท่านทำได้ ต้องการอะไรเราจะหาวิธีช่วยท่านให้สำเร็จ แต่ถ้าหากทำไม่สำเร็จ เราจะไม่ให้สัญญาอะไรกับท่าน”  

 

 

“มังกรเหินจะคอยช่วยเหลือท่าน เราต้องการเพียงผลลัพธ์”  

 

 

ซูกงกงเปิดประตูตำหนักให้หรงจิงเขาจึงเดินเข้าไปทันที ชิวเว่ยเต้าฟังคำพูดหรงจิงแล้วสีหน้านิ่งลง ในใจดีใจอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้หรงจิงจะไม่ได้ให้คำตอบพวกเขา แต่ยาวนานต่อนี้ไป ฝ่าบาทเช่นนี้ก็คือขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา  

 

 

ชิวเว่ยเต้าหมุนกายจากไป สีหน้าผิดหวังในตอนต้นตอนนี้มีความคาดหวังขึ้นมา หอเด็ดดาวเคยเป็นหน่วยงานของเทพพยากรณ์ที่ฝ่าบาทเคยเชื่อมั่นที่สุด แต่หรงจิงเป็นพวกทำงานบนความเป็นจริง เป็นเพราะเรื่องไทเฮาทำให้หน้าตาของหอเด็ดดาวเสียหายหมดสิ้น หากไม่กลับตัวจากเรื่องนี้ คิดว่าหอเด็ดดาวคงจะสูญหายไปจริงๆ แล้ว  

 

 

ไม่ว่าชิวเว่ยเต้าจะคิดอย่างไรหรงจิงก็เดินเข้าห้องไปแล้ว อากาศหนาวเย็นข้างนอกแผ่เข้ามาในห้อง หรงจิงรู้สึกถึงกระแสความอุ่นวูบมาตรงหน้า  

 

 

เขามองเข้าไปในผ้าม่านโปร่งสีแดงแล้วยิ้ม ถอดเสื้อนอกออกแล้วเดินเข้าไป  

 

 

บนเตียงที่อุ่นสบายมีสาวงามผิวพรรณผุดผาดอยู่คนหนึ่ง ความดื่มด่ำจากการร่วมรักปรากฏความอิ่มเอมอยู่บนใบหน้านาง หรงจิงเข้าใกล้นางแต่ไม่คิดว่าไอเย็นบนร่างของเขาจะทำให้เซียงฉือที่หลับอยู่ถึงกับขดตัว  

 

 

เมื่อเห็นนางเช่นนั้นเขาจึงเว้นระยะห่างแล้วนอนลงอย่างสงบ มองดูนางแต่แล้วเขาก็นอนไม่หลับ  

 

 

เขาทิ้งทุกอย่างเพื่อจะทำให้นางยิ้ม เขาควบม้าเร็วมาตลอดบ่ายจากตำหนักเจิ้งหยาง แล้วยังมาเข้าพิธีซับซ้อนกับนางเช่นนี้อีก เขาเหนื่อยจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่อาจหลับลงได้  

 

 

ครู่ก่อนยังง่วงอยู่บ้าง แต่เพราะถูกอวิ๋นเซียงฉือยั่วเย้าจนบัดนี้จึงยังแจ่มใสอย่างยิ่ง  

 

 

ความอบอุ่นในร่างกายค่อยๆ กลับคืนมา อวิ๋นเซียงฉือเหมือนกับสัมผัสได้ถึงการกลับมาของเขา ร่างของนางขยับเข้าหาโดยที่ไม่รู้ตัว แขนนางทาบเบาๆ กับแขนเขา การสัมผัสที่นุ่มนวล ทำให้จิตใจเขากระเพื่อมไหว  

 

 

“ไม่รู้ทำไมเราจึงได้ลุ่มหลงเด็กกะโปโลอย่างเจ้าเช่นนี้ กับแค่มือเพียงข้างเดียวเท่านั้น”  

 

 

หรงจิงลูบมือน้อยๆ ของเซียงฉืออย่างระมัดระวัง ทาบไว้กับริมฝีปากแล้วจูบแผ่วเบา จากนั้นก็ยิ้มจับมือน้อยนั้นวางบนใบหน้าตนเอง ทาบนิ้วมือลงลูบคลำหลังมือนางเบาๆ  

 

 

เซียงฉือเหมือนจะรู้สึกตัว หดนิ้วมือกลับอย่างไม่อยู่นิ่ง  

 

 

“เจ้าตัวดี”  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 625 ชีวิตที่สุขสงบ  

 

 

ยามเช้า ภายในตำหนักหน้าของตำหนักฉุนหวา แสงแดดไม่แรงกล้าสายหนึ่งค่อยๆ ส่องแยงตาอวิ๋นเซียงฉือ  

 

 

นางเชิดปากอย่างไม่พอใจนักแล้วพลิกตัวกลับ หรงจิงตื่นขึ้นมานานแล้ว เผยแผ่นอกกว้างนั่งเอนกายอิงหมอนมองดูอวิ๋นเซียงฉืออยู่เช่นนั้น  

 

 

สายตาเขาที่มองดูนางเหมือนถูกตรึงให้มองอยู่เช่นนั้น รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปาก ไม่ได้คิดสิ่งใดในสมอง  

 

 

รู้สึกแต่เพียงว่าเท่านี้ก็เป็นสุขยิ่งนัก  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือสัมผัสถึงแสงอาทิตย์หรือจะเป็นเสียงที่เบายิ่ง นางจึงขยี้ตาคิดจะลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วบนกายมีสิ่งหนึ่งขวางไม่ให้นางทำเช่นนั้น  

 

 

นางยกแขนขึ้นเล็กน้อยแล้วก็พบว่าถูกกดไว้จริงๆ ขณะที่หันหน้ากลับก็ชนเข้ากับใบหน้ายิ้มกริ่มของหรงจิงเข้าเต็มเปา  

 

 

“ฝ่าบาท…”  

 

 

เซียงฉือลุกลี้ลุกลนขึ้นทันใด หลังจากเรียกออกไปคำหนึ่แล้ว ก็มุดสวบเข้าไปในผ้าห่ม  

 

 

แต่ว่าผ้าห่มผืนน้อยอย่างน่าสงสาร หรงจิงเอาแต่หัวเราะไม่ออกเสียงแล้วยังคงอยู่ในอากัปกิริยาเดิม มองดูเซียงฉือไม่ขยับ  

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นเซียงฉือจึงค่อยๆ ยื่นศีรษะออกมาจากข้างใน  

 

 

หรงจิงหมดความอดทนแล้ว เขาดึงผ้าห่มในมือนาง รั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมกอดเขา  

 

 

“ฝ่าบาท”  

 

 

นางเพิ่งตื่นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้เมื่อหวนคิดถึงเรื่องเข้าห้องหอเมื่อคืนนี้แล้ว บังเกิดความเขินอายขึ้นมา  

 

 

หรงจิงสัมผัสถึงลมหายใจนางวนเวียนอยู่ข้างริมฝีปาก อดใจไม่ไหวจึงประทับจูบลงไปทันที การฉกชิงอย่างเผด็จการนี้เซียงฉือไม่ทันต่อต้านแต่ดื่มด่ำไปกับการจู่โจมที่นุ่มนวลของเขา  

 

 

เป็นนานหรงจิงจึงยอมปล่อยนาง ท่าทางเขาผ่อนคลายอารมณ์เบิกบาน  

 

 

“เรารอเจ้านานแล้ว…”  

 

 

หรงจิงพูดจบก็กางมือน้อยที่นางใช้ป้องหน้าอกออก แล้วกุมมือน้อยที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นไว้เคล้นคลึงแรงๆ  

 

 

“เฝ้าบาทถึงเวลาตื่นบรรทมแล้ว ทรงต้องเข้าประชุมราชสำนักเช้ามิใช่หรือเพคะ”  

 

 

หรงจิงได้ยินคำพูดของนางก็หัวเราะขึ้นมา เขี่ยจมูกนางแล้วพูดว่า  

 

 

“หลายวันก่อนเราจัดการเอกสารราชการในช่วงนี้ที่สะสมไว้จนเสร็จสิ้นเพื่อจะแลกกับวันหยุดสามวัน เพียงเพราะต้องการใช้เวลาสามวันกับชายาที่รักให้เต็มที่โดยที่ไม่มีใครมารบกวน จะมีก็เพียงเรากับเจ้าเท่านั้น”  

 

 

คำพูดหรงจิงดึงดูดใจไม่มีใดเปรียบปาน อวิ๋นเซียงฉือรู้สึกล่องลอย  

 

 

แต่ยังไม่ทันที่นางจะพูดอะไร หรงจิงก็ได้มอบจูบของเขาอย่างอดรนทนไม่ไหว เร่าร้อนกว่าเมื่อครู่ก่อน  

 

 

“ซี้ด…”  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือทนไม่ได้ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวของหรงจิงจึงช้าลง  

 

 

“ทำไมหรือ ไม่สบายตัวหรือ”  

 

 

หรงจิงลุกขึ้นช้าๆ เขากอดเซียงฉือไว้ในอ้อมแขนพลิกกลับมากึ่งนั่งบนเตียง อวิ๋นเซียงฉือขวยเขินอิงแอบซบไหล่เขา  

 

 

“ฝ่าบาทไม่ต้องใส่พระทัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกไม่สบาย…”  

 

 

หรงจิงฟังแล้วกลับอุ้มนางขึ้นมา ใช้ปลายจมูกชนใบหน้านางเบาๆ คำพูดที่สนิทชิดเชื้อทำให้เซียงฉือหมดทางต้านทาน  

 

 

“เราบุ่มบ่ามเกินไป ขอกอดเจ้าไว้สักครู่ก็แล้วกัน…”  

 

 

อวิ๋นเซียงฉือฟังคำพูดนั้นก็เข้าใจหรงจิง นางขยับกายแนบชิดยิ่งขึ้น แล้วแหงนหน้ามองดูใบหน้าทุกข์ทนของเขา หัวเราะเบาๆ ประกบริมฝีปากเข้าหาอย่างขวยเขิน  

 

 

เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายจูบหรงจิงก่อนเช่นนี้ นางแหงนหน้าขึ้นช้าๆ กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ แล้วจูบลงบนริมฝีปากเขาอย่างเงอะงะ  

Related

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset