บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 225

ตอนที่ 225 พบหรงฉู่ 

 

 

เซียงฉือเดินไปถึงใต้ต้นดอกท้อที่อยู่ไม่ห่างจากเบื้องหน้าหรงจิงนัก เงยหน้ามองเห็นหรงจิงแต่ไกล 

 

 

นางตกใจตามสัญชาตญาณเมื่อจู่ๆ พบคนเข้าเช่นนี้และคิดจะรีบผละไป แต่เห็นเป็นหรงจิงที่ดูโดดเดี่ยวอย่างยิ่งกำลังดื่มสุราคลายกลุ้มอยู่เพียงลำพัง 

 

 

ชุดทะมัดทะแมงสีดำ ใบหน้าที่เย็นเยือกเป็นปกติกับกระบี่สีทองที่วางอยู่ข้างกาย 

 

 

สงสัยจะถูกฝ่าบาทตำหนิติโทษมากระมัง เซียงฉือคิดแล้วเกิดความรู้สึกเห็นใจเขา แต่เพราะการอบรมเลี้ยงดูที่ดี ทำให้นางไม่คิดจะไปรบกวนเขา 

 

 

นางจึงเพียงยืนมองอยู่ด้านข้าง เห็นคิ้วที่ขมวดมุ่นของเขากับมือที่ยกสุราดื่มสั่นระริกไม่หยุด นางส่ายศีรษะ ใช่ว่านางจะเป็นคนไร้น้ำใจ แต่เพราะเรื่องของหลิวชิงทำให้นางรู้ว่าลดการมีเรื่องลงสักเรื่อง ดีกว่าไปเพิ่มให้มากเรื่องขึ้นมาเป็นไหนๆ 

 

 

วันนั้นหากไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากเห็นเป็นเหตุ นางคงไม่ต้องไปรับความลำบากอยู่ในคุก เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเคยมีความผิดพลาดเป็นครูแล้ว เซียงฉือจึงหมุนกาย 

 

 

แต่ด้านหลังนางมีเสียงฝีเท้าและเสียงกระซิบกระซาบของพวกขันทีหลายคนดังขึ้นมา 

 

 

เซียงฉือตกตะลึงในทันที นางหันไปมองหรงจิงที่หดหู่เศร้าสร้อย ใจไม่คิดอยากยุ่งกับเขา แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้หากต้องเห็นเขาถูกลงโทษอีกครั้ง 

 

 

นางจึงหมุนตัวกลับแล้ววิ่งเข้าไปหาหรงจิง 

 

 

“ชู่ว!” 

 

 

เมื่อวิ่งถึงข้างกายเขา เห็นเขาในสภาพปล่อยตัวแต่ไม่มีเวลาพอให้จัดแจง นางจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากเขา แล้วผลักไสนำเขาเข้าไปในหอทิงเฟิง 

 

 

ขันทีจากข้างๆ พวกนั้นคงเพียงแค่เดินผ่านมา พอเดินไปได้สักหน่อยก็อ้อมออกไปจากหอทิงเฟิง เซียงฉือเบิ่งตาโตมองดูด้านนอกประตู เหลียวมองรอบด้านแล้วจึงได้วางใจ 

 

 

ยังดีที่ไม่เดินเข้ามา มิเช่นนั้นพวกนางคงยากที่จะแก้ตัว โทษทัณฑ์ของการดื่มสุราในวังขณะปฏิบัติหน้าที่ สถานเบาคือการเฆี่ยนสิบห้าแส้  และตีจนพิการหากเป็นโทษสถานหนัก เซียงฉือคลำดูหัวใจ รู้สึกว่าตนเองตกใจไม่น้อย เมื่อปลอบจนตัวเองสงบแล้วจึงหันไปดูหรงจิง 

 

 

“เจ้านั่นเอง? สาวน้อย” 

 

 

บนกายเขามีกลิ่นสุรารุนแรง แต่เซียงฉือไม่ได้รู้สึกรังเกียจกลิ่นนี้นัก แต่กลับรู้สึกหวานเลี่ยน 

 

 

“ท่านนี่นะเหตุใดจึงชอบดื่มสุรานัก เป็นทหารรักษาพระองค์แท้ๆ หากถูกผู้บังคับบัญชาเห็นท่านในสภาพนี้ มีหรือจะไม่ถูกทำโทษ!” 

 

 

หรงจิงถึงจะดื่มไปไม่น้อยแต่ยังไม่ถึงขั้นเมามาย ขันทีพวกนั้นเดินผ่านมาเขาจึงย่อมรู้ แต่เพราะเห็นเซียงฉือฉุดกระฉากแขนเสื้อเขาพาหนีเช่นนั้นแล้วเกิดรู้สึกสนุกขึ้นมาจึงคร้านที่จะแสดงตน 

 

 

เขาไม่รู้ว่าชอบการแสร้งเป็นหรงฉู่ในการพบกับนางครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่เมื่อไร 

 

 

“ลงโทษข้า? ก็ถูกลงโทษทุกวันอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักครั้งจะเป็นไรไป แต่ว่า เมื่อครู่เจ้าช่วยข้า ใช่ไหม” 

 

 

หรงจิงร่างกายสูงใหญ่ ตอนนี้ฟุบทั้งร่างอยู่บนตัวนาง เซียงฉือเพียงรู้สึกเหมือนเหนือศีรษะเป็นความมืดผืนหนึ่ง คล้ายตะวันที่ถูกเมฆดำบดบัง 

 

 

ต่อเมื่อได้ยินคำพูดของเขานางจึงรีบผลักเขาออกแล้วเหลือบตามองเขา 

 

 

“ข้าน่ะ นับว่าวันนี้ได้ตอบแทนบุณคุณท่านที่ช่วยเหลือข้าในวันนั้นแล้ว ต่อไปพวกเราก็ไม่ติดค้างกันอีก!” 

 

 

“อ้อ ถ้าท่านเชื่อฟังสักหน่อยผู้บังคับบัญชาคงจะไม่ดุว่าท่าน ตั้งแต่เห็นท่านครั้งแรกก็รู้สึกว่าท่านจะต้องเป็นคนที่ใครว่าอะไรไม่ได้ แต่เพราะท่านจิตใจดีงาม คนดีย่อมได้รับการทำดีตอบ ถูกไหม” 

 

 

หรงจิงมองดูเซียงฉืออารมณ์ดีอย่างยิ่ง เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าตนเองจะมีอารมณ์ดีเช่นนี้ได้หากมีใครมารบกวนการดื่มสุราของตน 

 

 

วันนี้เขาได้รับความอัดอั้นตันใจจากราชสำนักฝ่ายหน้าและรู้สึกไม่ยินยอม ตอนนี้พอได้เห็นรอยยิ้มราวบุปผาของนางแล้วจึงดีขึ้นไม่น้อย 

 

 

“เจ้านี่ร้ายกาจนัก เกลี้ยกล่อมคนก็เก่ง มีวาทะศิลป์ สมควรจะไปเป็นข้าราชสำนักที่ร้ายกาจได้” 

 

 

เขากรอกสุราไปอึกหนึ่ง มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก ชี้ไปที่เซียงฉือแล้วจึงพูดออกไป

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset