บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 234-235

ตอนที่ 234 เหอจิ่นเซ่อ 

 

 

เซียงฉือนั่งลงตรงที่นั่ง เห็นเหอจิ่นเซ่อกำลังอ่านตำราอยู่จึงไม่ได้ไปรบกวน ข้าราชสำนักสตรีอื่นอีกสี่คนที่อยู่ด้านข้างต่างกำลังจิบชาอยู่ราวกับไม่มีใครเห็นเซียงฉือที่นั่งอยู่เบื้องหน้าในที่นั้น 

 

 

เซียงฉือก็ไม่กล้ารบกวน จึงตั้งใจสังเกตดูตำรากับสีชาในมือของข้าราชสำนักสตรีแต่ละคน ดูจนเบื่อจึงเบนสายตาตามการพลิกหน้าตำราของเหอจิ่นเซ่อ ติดตามดูไปทีละหน้าๆ 

 

 

เซียงฉือมีความรู้สึกภายหลังเข้ามาแล้วว่าที่นี่ไม่ได้ง่ายดายนัก ภายในห้องยังมีผู้สมัครสอบอยู่อีกหลายคน ต่างกำลังส่งเสียงกระซิบกระซาบกันอยู่ 

 

 

สภาพสนามสอบที่แตกต่างไม่เหมือนใครในการสอบรอบสองของการสอบข้าราชสำนักสตรีที่คึกคักนั้นปรากฏขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรก เซียงฉืออดที่จะสงสัยไม่ได้นางนั่งพิจารณาอย่างถ้วนถี่ หวังว่าจะสามารถหาเบาะแสอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ 

 

 

ได้ยินมาว่าตั้งแต่เหอจิ่นเซ่อเข้ามารับหน้าที่เป็นข้าราชสำนักสตรีคนแรกในกองราชเลขาเป็นต้นมา การสอบที่ต่อเนื่องกันมาแต่ละครั้งล้วนมีรูปแบบใหม่ไม่ซ้ำใครที่แม้แต่คนข้างๆ ก็ไม่อาจรู้ได้ มีคนจำนวนมากที่ถูกเตะออกจากกองไปโดยที่ยังไม่รู้ว่าตนเองไปทำอะไรเข้า 

 

 

และตอนนี้เซียงฉือก็กำลังน้อมรับการสอนสั่งนี้อยู่ 

 

 

มีแต่ความเงียบไปทั่ว ไม่มีใครลุกขึ้นต้อนรับกระทั่งบอกกับพวกนางว่าจะเริ่มสอบตอนไหนและสิ้นสุดการสอบเมื่อไร 

 

 

เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปครู่หนึ่ง เซียงฉือถูกหนังสือของเหอจิ่นเซ่อดึงดูดเข้าไปแล้ว และแล้วสตรีสวมชุดสีชมพูรากบัวคนหนึ่งที่ด้านข้างรวบรวมความกล้าแล้วถามขึ้นมา 

 

 

“เรียนถามใต้เท้า ไม่ทราบว่าการสอบของกองราชเลขาจะเริ่มเมื่อไหร่เจ้าคะ” 

 

 

ถึงหญิงสาวคนนี้ออกจะบุ่มบ่ามไปบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ในห้องนี้ต่างมองนางด้วยความขอบคุณ 

 

 

เพราะนางถามเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าถามออกไป 

 

 

เซียงฉือก็ถอนใจโล่งอกด้วยเช่นกัน ในที่สุดก็มีคนถามออกมาจนได้ เหอจิ่นเซ่อได้ยินคำถามนั้นก็ไม่โกรธ นางขยับมือ บรรดาข้าราชสำนักสตรีที่เกียจคร้านตามสบายเมื่อครู่ต่างรีบพากันเก็บอาการแล้วขยับเครื่องแต่งกายนั่งกันเรียบร้อย 

 

 

ท่าทางดูราวกับกำลังเผชิญหน้ากับข้าศึกหนัก 

 

 

เซียงฉือก็รู้สึกแปลกใจว่าในสถานที่แบบนี้จะสอบอะไรกันแน่ 

 

 

“เจ้าชื่ออะไร เลขที่เท่าไหร่” 

 

 

น้ำเสียงของเหอจิ่นเซ่อช่างสมกับตัวนาง เยือกเย็นอย่างยิ่ง พอถามออกไปเช่นนี้ ทำให้หญิงสาวที่ถามคำถามเมื่อครู่สั่นเทิ้มขึ้น ตอบออกไปอย่างหวั่นเกรง 

 

 

“หลี่ผิงเอ๋อร์ หมายเลขสิบแปดเจ้าค่ะ” 

 

 

นางไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ตอบออกไปอย่างซื่อๆ เหอจิ่นเซ่อเงยหน้าขึ้นมองนางแล้วยิ้มน้อยๆ คนมากมายในห้องนั้นล้วนได้เห็นรอยยิ้มที่เจิดจ้าของนาง 

 

 

ดั่งวสันต์น้ำแข็งละลายเป็นสายน้ำ งดงามถึงขั้นล่มเมืองได้ ริมฝีปากบางของนางเผยอขึ้นน้อยๆ มีเสียงเสนาะหูเล็ดลอดออกมา 

 

 

“เช่นนั้นขอแสดงความยินดีด้วย การสอบของเจ้าสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าสอบไม่ผ่าน หมายเลยสิบแปดหลี่ผิงเอ๋อร์ เชิญออกไปได้!” 

 

 

นางเอ่ยคำพูดโหดร้ายออกมาได้อย่างนุ่มนวล เป็นการตัดอนาคตของหญิงสาวคนนั้นลงในพริบตา หลี่ผิงเอ๋อร์กัดฟันแน่น ยังคิดที่จะพูดอะไรอีก 

 

 

แต่เหอจิ่นเซ่อสะบัดมืออย่างหมดความอดทน ทันใดนั้นข้าราชสำนักสตรีสองคนก็มานำนางออกไปทันที 

 

 

“การสอบของกองราชเลขาเริ่มไปนานแล้ว ตอนนี้ข้าจะถามคำถาม คนที่รู้ก็เชิญตอบ” 

 

 

น้ำเสียงเหอจิ่นเซ่อเย็นลงอีกครา แต่ในใจของเซียงฉือนั้นเริ่มหวั่นไหว เหอจิ่นเซ่อบอกว่าการสอบได้เริ่มไปแล้ว แต่นางเหมือนกับยังไม่รับรู้สิ่งใดเลย 

 

 

สมองนางเริ่มสับสน พยายามฝืนบังคับตัวเองนั่งให้สงบสุขอยู่บนเก้าอี้ ไม่กล้าเคลื่อนไหว 

 

 

“คำถามแรก เมื่อครู่ในห้องนี้มีข้าราชสำนักสตรีอยู่กี่คน แต่ละคนเมื่อครู่ทำอะไรกันอยู่บ้าง” 

 

 

เซียงฉือรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ยังคิดทบทวนอย่างละเอียด จากนั้นจึงยกมือขึ้น 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 235 ข้อสอบเหอจิ่นเซ่อ 

 

 

เซียงฉือยกมือ ตามด้วยหญิงสาวข้างๆ บางคนที่พากันยกมือขึ้นช้าๆ แต่ว่าเหอจิ่นเซ่อยังไม่ต้องการให้คนตอบคำถาม นางรออยู่ครู่หนึ่ง 

 

 

“พวกที่ไม่รู้ เชิญออกไปซะ” 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ หญิงสาวที่มีอยู่สิบกว่าคนเมื่อครู่จึงลดลงเหลือเพียงห้าคนในทันที 

 

 

เซียงฉือนึกปลง พวกหญิงสาวที่คิดจะโต้แย้งพอสบเข้ากับสายตาเย็นเยียบของเหอจิ่นเซ่อเข้าก็ต้องพากันออกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง 

 

 

เซียงฉือมองดูฝ่ายตรงข้าม ไม่รู้ว่านางกำลังคิดทำอะไร 

 

 

“ยังเหลืออีกห้าคน จะถามคำถามที่สอง ข้าราชสำนักสตรีสวมกระโปรงผ่าหน้าสีชมพู ปักปิ่นระย้าทอง นับจากด้านซ้ายแล้วเป็นคนที่เท่าไหร่และเมื่อครู่กำลังทำอะไรอยู่ ใครสามารถบรรยายได้บ้าง” 

 

 

เหอจิ่นเซ่อก็แปลกนัก นางยังไม่ได้ถามคำตอบข้อแรก ก็ถามคำถามที่สองต่อเลย 

 

 

เพราะมีประสบการณ์จากครั้งก่อน ดังนั้นหญิงสาวที่เหลืออีกสี่คนจึงพากันยกมือ 

 

 

แต่เซียงฉือลังเลจึงค้างมือไว้ครึ่งทาง ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น 

 

 

“ข้าขอบังอาจถามใต้เท้า เมื่อครู่มีใต้เท้าสวมกระโปรงสีชมพูผ่าหน้าอยู่สองท่าน ท่านหนึ่งปักปิ่นหงส์ระย้าทอง อีกท่านปักปิ่นหงส์ระย้าหยกเลี่ยมทอง ไม่ทราบว่าใต้เท้าหมายถึงท่านใดเจ้าคะ” 

 

 

เมื่อเซียงฉือพูดขึ้น เหอจิ่นเซ่อที่ก้มหน้าอยู่พลันเงยหน้าขึ้นมองนาง 

 

 

“เจ้า ชื่ออะไร” 

 

 

เซียงฉือรู้สึกตกใจ หรือว่านางไม่ควรเอ่ยปาก หรือจะเป็นอยากให้ดีแต่กลายเป็นแย่ไปเสียแล้ว 

 

 

นางคิดอย่างสับสน แต่ไม่กล้าที่จะไม่ตอบ 

 

 

“อวิ๋นเซียงฉือ หมายเลขห้าสิบสามเจ้าค่ะ” 

 

 

เสียงของเซียงฉือไม่ดังนัก แต่ทุกคนก็ได้ยินชัดเจน หญิงสาวอีกสี่คนข้างหลังพากันกระซิบกระซาบ เหมือนกับคำถามของเซียงฉือมีข้อน่าสงสัย 

 

 

“พวกเจ้าอีกสี่คนรู้หรือไม่” 

 

 

เหอจิ่นเซ่อได้ยินคำตอบนางแล้วก็พยักหน้า จากนั้นถามอู๋เก๋อหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังเซียงฉือ 

 

 

ทั้งสี่คนต่างมองหน้ากันแล้วส่ายศีรษะ ลุกขึ้นเตรียมออกไป 

 

 

“พวกเรารู้สึกละอายใจ ไม่ได้มีความละเอียดลออเหมือนแม่นางเซียงฉือ ใต้เท้าเหอ ใต้เท้าทุกท่าน ลำบากทุกท่านแล้ว” 

 

 

หญิงสาวคนนั้นลุกขึ้นทำความเคารพอย่างนอบน้อม นางไม่ได้สังเกตให้ละเอียดจริงๆ พอได้ยินเซียงฉือพูดเช่นนั้นจึงรู้ว่าตนเองห่างชั้นกับนางมากนัก จึงไม่มีความจำเป็นต้องรั้งรออยู่ต่อ ส่วนอีกสามคนก็เข้าใจเหตุผลนี้เช่นกันจึงพากันลุกขึ้น 

 

 

“พวกข้าขอลาเจ้าค่ะ” 

 

 

แล้วจึงพากันหมุนตัวจะจากไปอย่างหงอยๆ ทว่าจู่ๆ เหอจิ่นเซ่อก็พูดขึ้น “สี่คนนี้สอบผ่าน อวิ๋นเซียงฉืออยู่ก่อน” 

 

 

เซียงฉือไม่รู้ว่าคำพูดนี้หมายความเช่นไรจึงได้แต่ยืนงงอยู่ในที่เดิม 

 

 

เหอจิ่นเซ่อเงยหน้า เมื่อเห็นสี่คนเมื่อครู่ออกไปแล้วจึงได้ถามขึ้น 

 

 

“เจ้าคืออวิ๋นเซียงฉือสินะ ข้าขอถามเจ้า จำได้หรือไม่ว่าเมื่อครู่ข้าอ่านหนังสืออะไรอยู่ เนื้อหาเกี่ยวกับอะไร” 

 

 

พลันเหอจิ่นเซ่อถามขึ้น เซียงฉือไตร่ตรองสักครู่แล้วจึงเอ่ยปาก 

 

 

“วิถีชาและหมากของอาจารย์ชิ่งหยาง เมื่อครู่ใต้เท้ากำลังอ่านบทความเกี่ยวกับชา ‘ฉาเว่ยซานเซิง’ เจ้าค่ะ” 

 

 

เซียงฉือตอบทีละคำถามอย่างไม่กล้าปิดบัง นางคิดว่าตนเองคงจะปากมากจนทำให้เหอจิ่นเซ่อไม่พอใจ ตอนนี้จึงได้แต่ฝืนต่อสู้ให้ตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย 

 

 

นางรออยู่นานจึงเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของเหอจิ่นเซ่อที่มองดูนาง 

 

 

“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะใต้เท้า” 

 

 

อวิ๋นเซียงฉือมองนางอย่างไม่เข้าใจจึงได้ถามขึ้นอย่างสั่นๆ 

 

 

เมื่อเหอจิ่นเซ่อเห็นนางแบบนั้นกลับหัวเราะขึ้นมา 

 

 

“อวิ๋นเซียงฉือเจ้าเป็นคนฉลาดจริงๆ มิน่าเล่าเหลียนชินอ๋องจึงได้ตั้งใจแนะนำเจ้าไว้กับข้า” 

 

 

“ใช้ได้ ไม่เลวเลย ความคิดอ่านรอบคอบถี่ถ้วน กล้าหาญเฉียบขาด ยากนักที่จะมีหญิงสาวที่ฉลาดและละเอียดรอบคอบอย่างเจ้า” 

 

 

พูดจบนางก็หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง ดูต่างจากใบหน้าเยือกเย็นอย่างที่เป็นเสมอมา มีอัธยาศัยไมตรีดียิ่ง 

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset