บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 246 วันประกาศผลสอบ / ตอนที่ 247 ชื่อติดประกาศ

ตอนที่ 246 วันประกาศผลสอบ

 

 

อวิ๋นเซียงฉืออยู่อย่างซึมกระทือในตำหนักอวี้หยวนมาสามวัน ในที่สุดก็ถึงวันประกาศผลสอบ วันที่เคยรอคอยอย่างที่สุดกลับกลายเป็นวันที่น่าหวาดหวั่นอย่างที่สุดของเซียงฉือ

 

 

พอตื่นนอนก็นั่งเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาสาดส่องใบหน้าเซียงฉือ แต่นางยังคงนั่งอยู่นานโดยไม่พูดจา ในสมองนิ่งสงบอย่างยิ่งทำให้นางรู้สึกเหมือนตนเองถูกสูบพลังออกไปจนหมด

 

 

แม้จะอ่อนล้าแต่ก็ไม่รู้สึกหดหู่ เพียงแต่นางไม่รู้ว่าตนเองได้สูญเสียสิ่งใดไป เพียงแค่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

 

 

เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่หน้าประตูดังขึ้นไม่ขาด ระยะนี้เซียงซือกลายเป็นคนดังของตำหนักอวี้หยวน คำพูดคำเดียวของกุ้ยเฟยก็ย้ายนางกลับเข้าตำหนักอวี้หยวนได้ อีกทั้งทุกคนยังรู้ว่านางได้รับความใส่ใจจากกุ้ยเฟย และสามารถสอบผ่านทั้งหกวิชาในการสอบรอบสองได้ วันหน้าต้องได้เป็นข้าราชสำนักสตรีคนหนึ่งอย่างแน่นอน

 

 

การรู้จักปรับตัวตามสภาพการณ์เป็นเรื่องปกติของคนในวัง แม้แต่หลิ่วเหยียนที่เป็นปรปักษ์กับเซียงฉือมาตลอด ตอนนี้ก็ยังสมาคมด้วยอย่างอบอุ่น คิดว่าคงเพราะคำสั่งของกุ้ยเฟย ต่อเบื้องหน้าทั้งคู่จึงดูสมัครสมานสามัคคีกันดี

 

 

ถึงหลิ่วจุ้ยจะสนิทสนมกับเซียงฉือ แต่ก็ไม่ได้เคียดแค้นชิงชังอะไรเซียงซือ ดังนั้นตื่นขึ้นเช้านี้จึงยืนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ริมหน้าต่างข้างนอก

 

 

เซียงฉือปรับสีหน้าแววตาและลอบหัวเราะ

 

 

“เซียงซือมีอนาคตที่ดีเป็นเรื่องที่สมควรยินดี จะมามัวหน้านิ่วคิ้วขมวดทำไมกัน”

 

 

เซียงฉือพูดกับตนเองเช่นนั้นแล้วจึงลุกขึ้นอย่างเปี่ยมพลัง ล้างหน้าล้างตาแล้วแต่นางไม่ได้ไปดูกระดานประกาศผลสอบ แต่ไปเลือกอาภรณ์ให้กุ้ยเฟยตามปกติเมื่อสวมแต่งให้เรียบร้อยแล้วก็อยู่ข้างๆ ช่วยกุ้ยเฟยเลือกแบบ

 

 

หลายวันมานี้กุ้ยเฟยมีอารมณ์อยากจะปักถุงดิ้นเงินดิ้นทองให้ฝ่าบาท เซียงฉือจึงกลายมาเป็นอาจารย์ ทั้งสองคนมักจะนั่งด้วยกันในห้องตลอดบ่าย แต่กุ้ยเฟยไม่ถนัดงานเย็บปักเท่าใดนัก

 

 

ถ้าไม่ใช่เพื่อฝ่าบาทนางคงหมดความอดทนไปนานแล้ว หลายวันมานี้ปักลวดลายได้หลายแบบ แต่กุ้ยเฟยยังรู้สึกไม่พอใจจึงให้เซียงฉือช่วยนางหาลวดลายอยู่ตลอด

 

 

เซียงฉือไม่ยินดียินร้าย ยิ้มอย่างอบอุ่นคุกเข่าอยู่ข้างกายกุ้ยเฟย แต่ละเข็มล้วนปักได้อย่างเหมาะเจาะ วันนี้กุ้ยเฟยเลือกลายดอกท้อเจิดจ้า สีสันก็เข้ากันได้อย่างอบอุ่นหวานละมุน

 

 

กุ้ยเฟยชื่นชอบมังกรทองเสมอมา แต่มักไม่สามารถทำได้ถูกวิธี เซียงฉือก็จนปัญญา นางต้องพูดอยู่หลายวันถึงจะทำให้กุ้ยเฟยยอมละทิ้งได้ และวันนี้นางให้ความสนใจกับแบบดอกท้อ

 

 

ดังนั้นจึงได้ใส่ใจฝึกหัด ในตำหนักสงบเงียบมาได้หลายวันอย่างยากจะเกิดขึ้น คงเป็นเพราะการสอบข้าราชสำนักสตรีครั้งนี้ มีการแบ่งคนที่สอบได้ไปยังกองงานต่างๆ ซึ่งหัวหน้ากองปรึกษากันเป็นที่พอใจยิ่ง จึงได้อยู่กันอย่างสงบสุขไม่มีเรื่องราวใด

 

 

ทั้งยังผิงตาอิ้งที่เป็นเรื่องแสลงที่สุดของกุ้ยเฟยที่อยู่ในตำหนักเจิ้งหยางมาตลอดนั้น ได้ยินว่าฮ่องเต้ยังไม่ได้ร่วมหมอนกับนาง เพียงให้นางอยู่เขียนคัดงานอักษรกุ้ยเฟยจึงได้วางใจลงไปหลายส่วน

 

 

ส่วนเซียงซือที่นางเตรียมไว้ช่วงนี้ยิ่งเป็นที่พอใจ นางคงรู้สึกว่าวันหน้าผิงผิงคนนั้นจะต้องไร้ประโยชน์ เซียงซือสวยหวาน นิสัยฉลาดน่าเอ็นดู หากนางมีใจก็จะส่งเสริมนางสักครั้ง

 

 

ได้กำลังเสริมเช่นนี้ นางย่อมจะอารมณ์ดียิ่ง

 

 

ส่วนซูเฟยเพราะระยะนี้องค์หญิงน้อยป่วยไข้จึงไม่มีเวลาสนใจสิ่งอื่นใด ดังนั้นภายในวังจึงสงบราบรื่น

 

 

ในวันประกาศผลสอบ นางกำนัลตำหนักต่างๆ พากันไปดูใบประกาศในตำหนักเหวินอิง ถึงแม้สุดท้ายแล้วคนที่สอบติดจะมีเพียงสิบกว่าคน แต่เพราะในวังยากนักจะมีเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ ทุกคนจึงต่างเบิกบานรวมตัวกันกระจายข่าวไปมา

 

 

เซียงฉือไม่มีนิสัยเช่นนั้น ตั้งแต่นางกลับมาตำหนักอวี้หยวนก็ไม่ได้รับข่าวคราวจากใต้เท้าเหอเลย ถึงตอนนี้จึงท้อแท้ใจ นางเคยลองไปหาใต้เท้าเหออีก แต่ก็ถูกทหารองครักษ์ใช้สารพัดวิธีขอร้องแกมผลักไสนางกลับมา

 

 

 

 

ตอนที่ 247 ชื่อติดประกาศ

 

 

เซียงฉือคุกเข่าอยู่ข้างกายกุ้ยเฟยช่วยนางปักกระเป๋า พอได้ยินเสียงเดินกันขวักไขว่าที่ด้านนอกก็รู้ว่าพวกสาวๆ ที่ไปเฮฮากันกลับมาแล้ว

 

 

ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบชื่นชมถึงเซียงซือที่ติดรายชื่อเกียรติยศไม่ขาดปาก เซียงฉือไม่ทันระวังจึงถูกเข็มในมือตำเข้าเนื้อหนัง

 

 

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากผิวเนื้อขาวผ่อง

 

 

เซียงฉือมองดูขมวดคิ้วแน่น ที่ว่าสิบนิ้วประสานใจนั้น ช่างเจ็บถึงใจจริงๆ

 

 

นางดูดเลือดออกแล้วกุมนิ้วไว้ไม่พูดอะไร หลิ่วจุ้ยที่ปอกเปลือกลิ้นจี้ให้กุ้ยเฟยที่ด้านข้างเห็นเซียงฉือแล้วก็เจ็บปวดเช่นกัน

 

 

กุ้ยเฟยก็ได้ยินเสียงนั้นจึงมองอย่างครุ่นคิดไปที่นอกประตูและรู้สึกไม่พอใจกับเสียงหัวเราะของพวกนาง ขมวดคิ้วถามขึ้น

 

 

“ด้านนอกมีเรื่องอะไรกันอึกทึกคึกโครมเสียจริง ให้พวกนางแยกย้ายไป!”

 

 

กุ้ยเฟยช่วงนี้หมกมุ่นอยู่กับงานปักจนลืมไปว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบ พอได้ยินเสียงยินดีอึงมี่ของพวกนางทำให้นางเสียสมาธิจึงไม่พอใจนัก

 

 

เซียงฉือได้ยินคำสั่งแต่ยังไม่ทันลุกขึ้น หลิ่วจุ้ยกลับขานรับขึ้นก่อนแล้วผลักประตูออกไป

 

 

เพียงครู่เดียวบรรดาสาวใช้ด้านนอกก็พากันแยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว

 

 

เซียงฉือเห็นหลิ่วจุ้ยหายออกไปนานยังไม่กลับมา ถึงแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ยังคงอยู่กับกุ้ยเฟยต่อไป

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งกุ้ยเฟยเริ่มรู้สึกง่วง เมื่อดูเวลาเห็นว่าเป็นเวลางีบของกุ้ยเฟยแล้ว เซียงฉือจึงเก็บงานที่ยังไม่เสร็จขึ้น แล้วปรนนิบัติให้กุ้ยเฟยเข้านอน

 

 

นางเก็บของเสร็จแล้วคิดจะไปพักผ่อนสักครู่ ก็เห็นหลิ่วจุ้ยกวักมือเรียกนางจากช่องประตู เซียงฉือไม่รู้ว่ามีเรื่องอันใด แต่เมื่อเห็นกุ้ยเฟยหลับแล้วจึงหมุนกายเขย่งเท้าเดินออกนอกห้องไป

 

 

พอพ้นประตูมาได้ก็ถูกหลิ่วจุ้ยดึงแขนไว้พาเดินห่างออกไปด้วยฝีเท้าเบาและเร็ว สีหน้ายินดีปรีดา

 

 

“พี่หลิ่วจุ้ยจะพาข้าไปไหนกัน”

 

 

เซียงฉือถูกหลิ่วจุ้ยดึงแขนจนรู้สึกเจ็บอดไม่ได้ต้องถามออกไป แต่หลิ่วจุ้ยเดินตัวปลิวจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง

 

 

“ไม่ต้องถามแล้ว รีบตามข้ามาไวๆ มีเรื่องดี เรื่องดีมากๆ เลย!”

 

 

เซียงฉือได้ยินนางพูดเช่นนั้นและเห็นหน้าตานางยิ้มแย้มเต็มที่จึงไม่ถามอะไรอีก แล้วรีบวิ่งตามนางไป พระอาทิตย์ตอนเที่ยงในฤดูร้อนลอยขึ้นสูงโด่ง อากาศร้อนอบอ้าวอย่างยิ่ง หากไม่จำเป็นจริงๆ แล้วในเวลาพักเที่ยงเช่นนี้ผู้คนในแต่ละตำหนักมักจะไม่ออกมาเดินกัน

 

 

ดังนั้นบนทางสายเล็กจึงไม่มีใคร แต่หลิ่วจุ้ยยังยิ้มเกลื่อนใบหน้า ราวกับไม่รับรู้ถึงอากาศร้อนดุจไฟเผาจากพระอาทิตย์บนฟ้า

 

 

“พี่หลิ่วจุ้ย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดท่านถึงได้ยิ้มเบิกบานใจแบบนี้ โอ๊ย วิ่งแทบจะไม่ไหวแล้วนี่ ท่านจะไปที่ไหนกันแน่”

 

 

เซียงฉือถูกนางลากให้วิ่งตาม แต่ไม่ได้มีกำลังดีเท่ากับหลิ่วจุ้ย เมื่อมาวิ่งอยู่ใต้แสงแดดเช่นนี้จึงรู้สึกร้อนระอุไปทั้งตัว

 

 

“เร็วเข้าๆ!”

 

 

หลิ่วจุ้ยมองนางแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นดึงนางวิ่งขึ้นหน้าต่อไป

 

 

ไปอีกไม่เท่าไรก็มองเห็นตำหนักเหวินอิง เซียงฉือตะลึง ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ

 

 

“พี่หลิ่วจุ้ย?”

 

 

เซียงฉือมองหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างไม่สู้เข้าใจด้วยสายตางงงวย สถานที่นี้นางมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วในความคิดฝันยามตื่นขึ้นกลางดึก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวาดหวั่น

 

 

“ยังไม่รีบไปอีก เด็กโง่ มีชื่อของเจ้าบนนั้นด้วยนะ!”

 

 

หลิ่วจุ้ยหัวเราะแล้วผลักศีรษะนาง แต่เซียงฉือไม่โกรธสักนิด นางยังคงยืนงงอยู่เช่นนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

 

 

“ท่านพูดว่าอะไรนะ”

 

 

“พี่หลิ่วจุ้ย เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ”

 

 

น้ำเสียงเซียงฉือเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ นางมองดูสิ่งปลูกสร้างโชติช่วงเบื้องหน้า นางหยุดรออย่างน้อยใจอยู่เบื้องหน้าเพื่อรอฟังคำตอบของหลิ่วจุ้ย

 

 

หลิ่วจุ้ยก็ดีใจ จึงพูดออกไปอย่างหนักแน่นจริงจัง

 

 

“อวิ๋นเซียงฉือ การสอบข้าราชสำนักสตรีมีชื่อของเจ้าถูกประกาศออกมาด้วย เจ้าทำสำเร็จแล้ว!”

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset