บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 274 ฝนราตรี / ตอนที่ 275 อุทกภัย

ตอนที่ 274 ฝนราตรี

 

 

หรงจิงมองและติดตามสายตานาง กระทั่งเห็นรายงานในมือที่นางกำลังอ่านอยู่ ดูเหมือนจะมีความยุ่งยากเพราะเซียงฉือขมวดคิ้วมุ่นอ่านอย่างจริงจัง

 

 

เขามองนางนิ่ง  เห็นท่าทางจริงจังของนางเช่นนั้นแล้ว จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา

 

 

“ท่าทางใจจดจ่อของนาง ดูดีไม่เลว”

 

 

หรงจิงไม่คิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกจากปากเขา ดวงตาก็กระเพื่อมขึ้นทันใด เซียงฉือราวกับได้ยินคำพูดนี้เช่นกันจึงอึ้งไป

 

 

หรงจิงรีบหันหน้ากลับทันที ทำราวกับรายงานตรงหน้าทำให้เขาต้องเค้นสมอง ขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเหมือนใช้ความคิดอย่างหนัก เซียงฉือหันไปเห็นหรงจิงนั่งสำรวมเรียบร้อยและกำลังใช้ความคิดหนักเช่นนั้นจึงส่ายหน้าน้อยๆ พึมพำขึ้นว่า

 

 

“หรือว่าข้าจะฟังผิดไป?”

 

 

นางพึมพำเช่นนั้นแล้วก็ก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อ จัดการแยกประเภทแบ่งหมวดหมู่เป็นที่เรียบร้อย

 

 

หรงจิงเห็นนางหันกลับไปแล้วก็ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก เลิกมองนางแล้วตั้งใจอ่านรายงาน

 

 

เซียงฉือนำเอกสารส่วนหนึ่งที่เขียนบันทึกลงไปแล้ววางเรียงตามประเภท และจัดเอกสารส่วนที่ตนเห็นว่าเป็นเรื่องด่วนไว้ในมือ ลุกขึ้นแล้วนำรายงานพวกนั้นไปวางไว้ข้างกายหรงจิง

 

 

แล้วหมุนกายเดินออกมาโดยไม่พูดอะไร ในราตรีเงียบสงบพลันมีฝนตกลงมาเปาะแปะ

 

 

เซียงฉือมองออกด้านนอกหน้าต่างด้วยความสงสัย หรงจิงได้ยินเสียงเช่นกันจึงเงยหน้าพร้อมกับนาง

 

 

“ฝนตกหรือ”

 

 

เสียงแหบๆ ของหรงจิงดังขึ้นจากด้านหลังเซียงฉือ นางโค้งกายตอบว่า

 

 

“เพคะฝ่าบาท คืนนี้มีฝน”

 

 

หรงจิงมองดูเซียงฉือ เขาวางเอกสารถามสารทุกข์สุขดิบในมือลง แล้วหยิบรายงานชุดแรกจากสามชุดที่เซียงฉือเพิ่งส่งมาขึ้นเปิดอ่าน

 

 

เป็นรายงานเรื่องอุทกภัยของผู้ว่าการมณฑลเสฉวนหลิวเจิ้นหมิน มณฑลเสฉวนเป็นพื้นที่ทางการเกษตรที่สำคัญของแคว้นเซียวจิ่งตลอดมา การเก็บเกี่ยวเมื่อต้นปีนี้นับว่าอุดมสมบูรณ์ดีอยู่ แต่เนื่องจากฝนตกติดต่อกันตลอดเดือน ทำให้เขื่อนกั้นน้ำพังทลาย ดังนั้นจึงส่งรายงานขอพระราชทานอภัยโทษ

 

 

เซียงฉือเขียนสรุปสาระสำคัญของรายงานฉบับนี้ว่า

 

 

‘ผู้ว่าการมณฑลเสฉวนหลิวเจิ้นหมินทูลว่า มณฑลเสฉวนมีฝนตกต่อเนื่องตลอดเดือน ทำให้น้ำในแม่น้ำชิงล้นเอ่อ หวั่นเกรงว่าเขื่อนจะถูกทำลายตลอดเวลา ใต้เท้าหลิวได้อพยพชาวบ้านขึ้นสู่ที่สูงแล้วและถวายรายงานต่อฝ่าบาท ขอให้ส่วนกลางจัดสรรงบประมาณในการต่อเติมเขื่อนให้สูงขึ้น’

 

 

หรงจิงอ่านที่เซียงฉือเขียนแล้วอ่านรายงานของผู้ว่าการมณฑลเสฉวนหลิวเจิ้นหมินอีกครั้ง เขาหันกลับไปมองเซียงฉือแล้วยิ้ม คิดถึงเรื่องคำสั่งให้เข้ารับตำแหน่งทันทีที่เซียงฉือเคยบอกกับเขาในครั้งนั้นแล้วเหมือนจะเข้าใจได้ลึกซึ้ง เขามองดูสายฝนพรำด้านนอกแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น

 

 

“เซียงฉือ เจ้าเสนอรายงานของหลิวเจิ้นหมินผู้ว่าการมณฑลเสฉวนขึ้นมา มีความเห็นอย่างไรบ้าง”

 

 

เซียงฉือกำลังมองดูฝน พอถูกหรงจิงถามขึ้นเช่นนี้จึงหันกลับไปอย่างสงสัย

 

 

แล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง ใคร่ครวญในใจ

 

 

เซียงฉือได้ยินคำถามของหรงจิงแต่ไม่รู้เจตนาของเขา ข้าราชสำนักสตรีสามารถถกเรื่องการเมืองได้ แต่ว่าโดยระดับขั้นของนางแล้ว ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมปรึกษาหารือข้อราชการในท้องพระโรงด้วยซ้ำไป แต่หรงจิงถามขึ้นเช่นนี้ คงเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ดงอ้อ ที่นางปากมากพูดเรื่องคำสั่งเข้ารับตำแหน่งทันทีซึ่งเป็นความคิดของนางกับเหอเจี่ยนสุย

 

 

ถึงเซียงฉือจะเข้าใจในตัวหรงจิงพอควร แต่เป็นความเข้าใจที่นางมีต่อ ‘หรงฉู่’ ในตอนนั้น ไม่ใช่ความเข้าใจต่อฮ่องเต้ในขณะนี้

 

 

หรงจิงถามแต่ไม่เห็นนางตอบ เมื่อเห็นนางก้มหน้าอยู่จึงเอ่ยขึ้นว่า

 

 

“เซียงฉือ ข้าถามขึ้นมาเช่นนั้นเอง เจ้าคิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น ไม่ต้องจริงจังนัก” ถึงหรงจิงจะปลอบเซียงฉือเช่นนี้ แต่สำหรับนางในตอนนี้ คงได้แต่ฝืนเอ่ยปากออกมา

 

 

“เพคะ ฝ่าบาท”

 

 

 

 

ตอนที่ 275 อุทกภัย

 

 

เซียงฉือหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นน้อยๆ มองดูสายฝนเบื้องนอกแล้วคิดถึงสถานะความเป็นหญิงของตน พูดขึ้นว่า

 

 

“ทูลฝ่าบาท เมื่อครู่ก่อนฝนจะตก หม่อมฉันรู้สึกรุ่มร้อนในอก แต่พอฝนตกแล้วจึงรู้สึกโล่งสบายขึ้นไม่น้อย ในอากาศยังมีกลิ่นดินโชยขึ้นเป็นระลอก แต่ทว่าประชาชนในมณฑลเสฉวนตอนนี้มิได้เป็นเช่นนี้ พวกเขาอาศัยฝนฟ้าเพื่อปากท้อง ฝนตกน้อยพวกเขาจะทุกข์ใจ ฝนตกมากเกินไปพวกเขาก็ยิ่งทุกข์ร้อน”

 

 

“หม่อมฉันได้แต่เพียงทุกข์แทนพวกเขาและฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นพระประมุขของราษฎรย่อมต้องเป็นที่พึ่งแก่พวกเขา แต่ว่าพวกเราต่างไม่รู้ว่าสวรรค์ท่านพอใจจะให้ฝนตกหนักตอนไหน หรือจะหยุดตกเมื่อไร”

 

 

“สวรรค์ท่านก็ช่างก่อกรรมทำเข็ญกับมนุษย์จริงๆ!”

 

 

เซียงฉือจ้องมองอากาศมืดครึ้มด้านนอกแล้วกระทืบเท้าพูดขึ้นอย่างแค้นเคือง

 

 

หรงจิงเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะพรืดออกมา เจ้าเด็กคนนี้ ขมวดคิ้วราวกับกำลังห่วงใยเขาเสียหนักหนา

 

 

เปรี้ยง!

 

 

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจากฟากฟ้า เซียงฉือถึงกับคอหดราวกับกระต่ายน้อยที่ตกใจกลัว หรงจิงหัวเราะ จับแขนนางไว้พูดว่า

 

 

“คิดว่าเจ้าเป็นพวกไม่หวั่นเกรงอะไรเลยเสียอีก ข้าอยู่นี่ทั้งคนเจ้าไม่ต้องกลัว”

 

 

เซียงฉือถูกเขาจับแขนไว้ก็รู้สึกอบอุ่นใจ นางหมุนกายแล้วแลบลิ้นพูดว่า

 

 

“นินทาใครลับหลังไม่ได้เลยจริงๆ ท่านเทพยดาก็ช่างใจแคบเหลือเกิน”

 

 

หรงจิงเห็นท่าทางซุกซนของนางเช่นนั้นอดไม่ได้ต้องหัวเราะเสียงดัง ฝนที่ตกหนักนี้ทำให้ซูกงกงตกใจตื่น เมื่อเห็นข้างนอกฝนตกจึงเดินออกจากด้านในมุม ในมือถือเสื้อคลุมแล้วเดินย่องออกไปปิดประตูหน้าต่างข้างนอก

 

 

พอกลับเข้ามาข้างในก็เห็นภาพตรงหน้า เขาถือเสื้อคลุมไว้ในมือ ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปหรือไม่จึงหยุดยืนนิ่งงันอยู่ที่นอกประตู

 

 

หรงจิงเห็นซูกงกงเข้าก่อนจึงเรียกขึ้น

 

 

“ซูกงกง จุดไม้จันทน์ขจัดไอชื้นเสียหน่อย”

 

 

ซูกงกงที่ยืนอยู่ที่เดิมได้รับคำสั่งก็รีบหันกายออกนอกห้องไป เซียงฉือมองเห็นในมือของเขาถือผ้าคลุมสีเหลืองสดใส เข้าใจว่าจะมาสวมให้ฝ่าบาท แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงออกไปเสียก่อน

 

 

หรงจิงคลายมือแล้วบิดขี้เกียจขยับเขยื้อนเส้นสาย

 

 

“ข้าชักรู้สึกปวดหัว”

 

 

เสียงของหรงจิงดังลอยมา เซียงฉือตกตะลึง ความหมายของคำพูดนี้คือต้องการให้นางนวดให้ หรือให้นางตามหมอหลวงมา นางยืนตะลึงอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

 

 

หรงจิงรออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นเซียงฉือมีปฏิกิริยาอย่างไรจึงลืมตาขึ้นมองดูท่าทางกระวนกระวายของเซียงฉือแล้วเอ่ยปากขึ้นมา

 

 

“เซียงฉือ ข้าปวดหัว”

 

 

เซียงฉือเบิ่งตาโตมองดูหรงจิง น้ำเสียงของเขาเหมือนกำลังออดอ้อน เซียงฉือรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าหมายถึงจะให้นางลงมือจึงเดินเข้าไปด้านหลังหรงจิง วางนิ้วชี้กับนิ้วกลางทาบลงที่ขมับของหรงจิงแล้วลงมือนวดให้เขา

 

 

เซียงฉือไม่กล้าส่งเสียง เพียงลงมือนวดขมับให้เขา หรงจิงมีท่าทางไม่พอใจ ขมวดคิ้วน้อยๆ

 

 

“เบาไป”

 

 

เซียงฉือได้ยินแล้วจึงเพิ่มแรงที่มือ แต่หรงจิงก็ยังคงขมวดคิ้ว

 

 

“หนักเกินไปแล้ว”

 

 

เซียงฉือจึงผ่อนลงหน่อย แต่ก็ไม่อาจได้แรงที่เหมาะสมสักที ยังดีที่ซูกงกงเข้ามาไม่นานหลังจากนั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงส่งสัญญาณแก่เซียงฉือ แล้วตนเองเดินเข้าไปทำการนวดแทนนาง

 

 

เซียงฉือเข้าใจเจตนาจึงนำไม้จันทน์ที่ซูกงกงยกมาไปจุดรมที่ด้านข้าง

 

 

แล้วมายืนที่ข้างๆ มองดูการนวดของซูกงกง

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset