บุปผาเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 206

ตอนที่ 206 หลอกล่อเหยื่อ 

 

 

หลิวหมัวหมัวหน้างอเป็นจวักดูก็รู้ว่านางกำลังไม่พอใจ มั่วมั่วยังคงยืนลอบทอดถอนใจอยู่กับที่ เป็นแบบที่พี่หลิ่วเหยียนบอกไว้จริงๆ 

 

 

หลิวหมัวหมัวยึดกล่องอาหารไว้อย่างเหนียวแน่น มั่วมั่วแรงน้อยกว่าไม่สามารถดึงให้หลุดได้ ต้องโอดครวญในใจว่าตนเองทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่างจริงๆ 

 

 

หลิวหมัวหมัวเลิกคิ้วที่หนาและดำของตน มองดูมั่วมั่วอย่างเหยียดหยาม 

 

 

“เจ้าคนนี้นี่ ข้าดูเจ้าไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย เป็นนางกำนัลอาวุโสของตำหนักอวี้หยวนจริงหรือ หรือว่าแอบอ้างพระราชเสาวนีย์ของกุ้ยเฟย” 

 

 

“บังอาจมาพูดจากับข้าแบบนี้ คอยดูเถอะว่าข้าทำงานยุติธรรมแค่ไหน จะให้เจ้าเข้าไปอยู่ในคุกใหญ่สักคืน!” 

 

 

สีหน้าหลิวหมัวหมัวเกรี้ยวกราดต่างกับความนุ่มนวลและมีอัธยาศัยของเมื่อครู่ลิบลับ ทำให้มั่วมั่วเริ่มหวาดกลัว แต่ในใจกลับยิ่งเชื่อมั่นหลิ่วเหยียนอย่างเต็มเปี่ยม 

 

 

นั่นเพราะนางรู้ทุกอย่างจริงๆ จึงทำให้ยิ่งเชื่อถือคำพูดของนาง 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงหยิบถุงเงินออกมาจากข้อมือ แล้วยิ้มส่งให้หลิวหมัวหมัว พูดว่า 

 

 

“หมัวหมัวอย่าโกรธไปเลย ในเมื่อนางกำนัลอาวุโสในตำหนักเราถูกจับมาคนหนึ่ง กุ้ยเฟยจึงต้องหาอีกคนหนึ่งขึ้นมาแทน จากนี้พวกเราก็คุ้นเคยกันแล้วล่ะนะ นี่เป็นของขวัญแรกพบหน้าที่ข้าขอมอบให้ หวังว่าหมัวหมัวเป็นผู้ใหญ่จะไม่ถือสาผู้น้อย” 

 

 

มั่วมั่วพูดจบหลิวหมัวหมัวก็ไม่ได้สนใจอะไรนาง แต่ชั่งดูน้ำหนักของถุงเงินในมือ และคงเพราะพอใจกับน้ำหนักนั้น จึงไม่ได้มองมั่วมั่วอย่างเ**้ยมเกรียมอีก 

 

 

อีกทั้งน้ำเสียงก็อ่อนลงมาไม่น้อย 

 

 

“ถึงจะเป็นคนใหม่แต่ก็รู้ธรรมเนียมดีนี่นะ วันหน้าจะได้ไปมาหาสู่กันได้ ในกองคดีเรามีกฎระเบียบว่าตอนกลางคืนคุกใหญ่จะต้องลั่นดาลหนาแน่น แต่วันนี้ข้าจะเสี่ยงกับการถูกบั่นคอ เปิดประตูให้เจ้าก็แล้วกัน” 

 

 

“ข้ารับเงินบ้างคงไม่เกินเลยไปกระมัง ใช่ไหมแม่นาง” 

 

 

หลิวหมัวหมัวพูดจบก็หัวเราะร่าเก็บถุงเงินไว้แล้วเตรียมเดินนำนางเข้าไปในเรือนจำ 

 

 

ขณะนั้นสวี่อี้พยักหน้าให้กับหมัวหมัวที่ด้านหลังอีกคนหนึ่ง แล้วดูนางรีบเร่งเดินออกไป 

 

 

“หลิวหมัวหมัว? ทำอะไรล่ะนี่ ใต้เท้าสวี่อี้กำชับไว้แล้วว่าวันนี้ในเรือนจำมีหลักฐานสำคัญเก็บไว้อยู่ เหตุใดจึงยังปล่อยให้ใครเข้ามาง่ายๆ แบบนี้อีก” 

 

 

หวังหมัวหมัวที่รีบเร่งตามมาพูดขึ้นอย่างดุๆ แล้วเดินขึ้นไปจับตัวหลิวหมัวหมัวไว้ ทั้งสองคนส่งสายตากันไปมา ส่วนมั่วมั่วได้ยินคำพูดของพวกนางแล้วใจก็ระทึกขึ้น 

 

 

หลิวหมัวหมัวจึงพูดขึ้นบ้างว่า 

 

 

“โธ่เอ๊ย หวังหมัวหมัวเจ้าลืมไปแล้วหรือไง หลักฐานนั่นน่ะใต้เท้าสวี่เอาไปเก็บไว้ในห้องหนังสือของนางนานแล้ว ก็แค่สมุดเล็กๆ เล่มหนึ่ง ข้าว่าคงไม่มีอะไรสำคัญหรอกน่า ส่วนแม่นางคนนี้เป็นคนของตำหนักอวี้หยวนที่กุ้ยเฟยส่งมา” 

 

 

ทั้งคู่ส่งลูกกันไปมา และยังเอ่ยถึงที่เก็บหลักฐานออกมาอย่างชัดแจ้ง มั่วมั่วก็ไม่ได้โง่เขลานัก เมื่อได้ยินดังนั้นจึงรู้ว่าเป้าหมายของนางในครั้งนี้ไม่ใช่ในเรือนจำเพราะฉะนั้นถึงจะเข้าไปในตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ 

 

 

มั่วมั่วคิดได้เช่นนั้น นางมองหมัวหมัวทั้งสองด้วยสีหน้ายุ่งยาก หลิวหมัวหมัวจึงส่งสายตาให้มั่วมั่วให้นางยัดเงินให้หวังหมัวหมัว ส่วนหวังหมัวหมัวยังคงปักหลักยืนขวางอยู่ตรงกลางไม่ให้นางผ่านไปเหมือนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ก็ไม่ปาน 

 

 

มั่วมั่วพ่นลมเย็นออกจมูกพูดขึ้นว่า 

 

 

“ในเมื่อไม่สะดวกก็จะไม่เข้าไปแล้ว ขอรบกวนหมัวหมัวช่วยนำกล่องอาหารนี้ให้แม่นางเซียงฉือด้วยเถิด” 

 

 

แล้วจึงวางกล่องอาหารลงในมือของหลิวหมัวหมัว น้ำเสียงไม่พอใจนัก จากนั้นหันกายเตรียมออกไป หลิวหมัวหมัวดึงนางไว้พูดว่า 

 

 

“แม่นางบอกไม่ใช่หรือว่ากุ้ยเฟยมีรับสั่งมาถึง” 

 

 

“แล้วจะไม่เข้าไปได้หรือ?” 

 

 

หลิวหมัวหมัวมองมั่วมั่วอย่างจริงจัง ดูยังจะร้อนรนกว่ามั่วมั่วเสียอีก

บุปผาเคียงบัลลังก์

บุปผาเคียงบัลลังก์

ครอบครัวตระกูลอวิ๋นต้องโทษทั้งตระกูล บ้านแตกสาแหรกขาด ผู้ชายถูกเนรเทศ ผู้หญิงต้องเข้าวังเพื่อเป็นนางกำนัล แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ อวิ๋นเซียงฉือ ก็ไม่เคยหมดหวัง ชีวิตในวังหลวงแม้เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีแต่นางก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้าง รวมไปถึง หรงฉู่ องครักษ์หนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญ เขาคอยช่วยเหลือนางหลายอย่าง และในระหว่างนั้นเองความจริงเรื่องตระกูลของนางก็ค่อยๆ เริ่มปรากฏขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset