บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 110 ระยะห่างที่ห่างไกล

เวินหนิงก็แค่คิดไปครู่เดียว ลู่จิ้นยวนก็กลับมาแล้ว “จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เตรียมของเสร็จหรือยัง?”

เวินหนิงพยักหน้า เธอก็ไม่รู้ว่าจะเตรียมของอะไร ที่นี่เป็นห้องพักฟื้นวีไอพีที่ลู่จิ้นยวนจัดการให้ ของใช้ทุกอย่างก็ครบถ้วน ประหยัดเวลามาก เธอแค่เอาชุดที่จะเปลี่ยนมาก็เท่านั้น

“งั้นไปเถอะ” ลู่จิ้นยวนพยักหน้า แล้วรับถุงในมือเวินหนิงไปด้วย

การกระทำอย่างไม่รู้ตัวของเขาแบบนี้ ก็ทำให้เวินหนิงอบอุ่นใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของพยาบาลเมื่อกี้หรือเปล่า เธอก็เลยเรียกลู่จิ้นยวนไว้ “ลู่จิ้นยวน ฉัน……ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

ลู่จิ้นยวนหันกลับมา พยักหน้าให้เธอพูด แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูตัวหนังสือบนนั้น ก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว

มู่เยียนหรานโทรมา

“ผมไปรับโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

พูดไปด้วย ลู่จิ้นยวนก็เดินออกไปด้วย

เมื่อกี้เวินหนิงยืนใกล้ลู่จิ้นยวนมาก เพราะฉะนั้น เธอก็เลยเห็นตัวหนังสือบนโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน

มู่เยียนหราน……

คุ้นหูมาก เธอนึกย้อนไปด้วย ก็จำได้อย่างรวดเร็วว่าคือใคร

คงจะเป็น คนที่เคยคบกับลู่จิ้นยวน ผู้หญิงที่อยู่ต่างประเทศมั้ง

มือเวินหนิงที่วางอยู่บนท้องน้อยก็กำแน่นขึ้น เมื่อกี้มีวินาทีหนึ่ง เธออยากจะพูดเรื่องเด็กคนนี้ออกมา แต่ว่า……

พอนึกถึงชื่อนั้น แล้วนึกถึงท่าทางที่คนรอบข้างลู่จิ้นยวน ล้อเขาเล่น เวินหนิงก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที

เธอดูเหมือน หลงตัวเองเกินไป ยังดี ที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรออกมา

……

ลู่จิ้นยวนรับโทรศัพท์ของมู่เยียนหรานข้างนอก ครั้งก่อนที่ไปจากเธอที่นั่น ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ค่อยๆอ่อนลง

ลู่จิ้นยวนเคยให้คนส่งของขวัญราคาแพงให้มู่เยียนหราน ก็ถือว่าเป็นคำขอโทษที่ไปกระทันหันวันนั้น แต่เธอก็ไม่เคยติดต่อตัวเองเลย

ด้วยนิสัยของลู่จิ้นยวน ในเมื่อขอโทษคนอื่นแล้วแต่คนอื่นไม่รับ เขาก็ไม่หน้าด้านแล้วทำอะไรอีก

ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายมู่เยียนหรานก็ยอมอ่อนข้อให้

“จิ้นยวน คืนนี้ฉันกลับประเทศ นายไปรับฉันหน่อย ได้ไหม”

มู่เยียนหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง ถ้าเป็นแต่ก่อน คงจินตนาการไม่ออกว่าเธอจะพูดแบบนี้กับลู่จิ้นยวน

แต่ก่อนลู่จิ้นยวนเอาใจเธอมาก ถ้าเธอจะเอาดาวบนฟ้า เขาก็จะพยายามแล้วเอาดาวมาให้

แต่ตอนนี้……

ตอนนั้น มู่เยียนหรานได้รับของขวัญของลู่จิ้นยวน ในใจก็รู้สึกหงุดหงิด เขาทิ้งตัวเองไว้คนเดียวอย่างนั้น แม้แต่การแสดงตอนงานวันจบของเธอก็ไม่ได้ดู แค่ของขวัญชิ้นเดียวแบบนี้ ดูไม่ใส่ใจเลย

มู่เยียนหรานคิดไว้ว่า จะต้องรอคำขอโทษจากลู่จิ้นยวนให้ได้ จากนั้นก็พูดอะไรที่น่าฟังแล้วให้อภัยเขา แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากวันนั้นลู่จิ้นยวนก็ไม่เคยติดต่อเธอเลย

เธอค่อยรู้ตัว ผ่านช่วงเวลาที่ห่างกันนานขนาดนี้ ลู่จิ้นยวนไม่ใช่ผู้ชายที่เห็นว่าเธอสำคัญกว่าชีวิตตัวเองแล้ว เธอจะเอาแต่ใจอีกไม่ได้ ถ้าเธออยากจะได้หัวใจของเขากลับมา ก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน

เพราะฉะนั้น พอเรียนจบ มู่เยียนหรานก็ตัดสินใจกลับประเทศเลย

นี่ก็ถือว่าเป็นการรุกเข้าหาก่อนไม่ใช่หรอ? ความรู้สึกของพวกเขานานขนาดนั้น ขอแค่เธอยอมอ่อนข้อให้ ลู่จิ้นยวนก็ไม่มีทางปฏิเสธ

“จิ้นยวน ฉันกลับมาคนเดียว ดึกขนาดนั้น……แล้วในสนามบินก็กว้างขนาดนั้น ฉัน……ฉันกลัว”

ลู่จิ้นยวนเงียบไปสักพัก แล้วคิด “ได้ เดี๋ยวผมไปรับ”

มู่เยียนหรานก็เลยโล่งอกไป

“เดี๋ยวฉันจะส่งรายละเอียดให้นาย ขอบใจนะ จิ้นยวน”

ลู่จิ้นยวนยิ้ม ไม่คิดเลยว่ามู่เยียนหรานจะเกรงใจกันขนาดนี้ “ไม่ต้อง เราเป็นเพื่อนกัน ที่ช่วยเธอก็สมควรแล้ว”

พูดจบ ลู่จิ้นยวนก็วางสายทันที

แต่มู่เยียนหรานกลับนิ่งไปนานมากกับคำว่าเพื่อน

เพื่อน……เหรอ?

ระหว่างพวกเขา ตอนนี้เป็นแค่เพื่อนแล้ว

แต่ว่า ผ่านไปไม่นาน ใบหน้าของมู่เยียนหรานก็กลับมีรอยยิ้มที่เหมือนได้รับชัยชนะ เพื่อนแล้วยังไง จะพัฒนาเป็นแฟนไม่ได้เหรอ

เธอไม่เชื่อว่าลู่จิ้นยวนจะลืมเธอไปอย่างนี้

……

ลู่จิ้นยวนคุยโทรศัพท์เสร็จ ก็กลับมาที่ห้องพักฟื้น ในใจเขายังจำได้ว่าเมื่อกี้เวินหนิงมีอะไรจะพูดกับเขา

ดูท่าทางของเธอ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องสำคัญมาก

ลู่จิ้นยวนเดินกลับมาในห้องพักฟื้น เวินหนิงก็กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ พอเห็นว่าเขากลับมา ก็แกล้งทำเป็นไม่มีอะไร “นายกลับมาแล้วหรอ? งั้นเราไปกันเถอะ”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว “เมื่อกี้ เธอมีอะไรจะพูดกับผมไม่ใช่เหรอ?”

เวินหนิงไม่คิดเลยว่าเขายังจะจำเรื่องนี้ได้ คิดไปคิดมา แล้วยิ้ม “อ่อ เป็นเพราะช่วงนี้นายยุ่งมาก ก็เลยอยากจะขอบคุณ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำอาหารเอง อยากจะถามว่านายอยากกินอะไร?”

เวินหนิงพูดข้ออ้างกลบเกลื่อน สำหรับความคิดที่ไร้สาระจนตัวเองทนไม่ได้เมื่อกี้ เธอโยนทิ้งไปไกลแล้ว

ยังโชคดี ที่เธอยังไม่ได้พูดก็โดนขัดจังหวะ ไม่งั้นตอนนี้ต้องอึดอัดแน่นอน

“หื้อ?” เมื่อลู่จิ้นยวนได้ยินเธอพูดแบบนี้ คิ้วที่คิ้วขมวดเข้มก็คลายออก แล้วมุมปากก็มีรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าเธอยังจะสำนึกได้”

เวินหนิงไม่รู้จะพูดยังไง อะไรเรียกว่าไม่คิดว่าจะมีสำนึก แต่ก่อนเธอไม่มีหรอ?

แต่ว่า พอคิดไปแล้ว เธอก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยทำอะไรเพื่อขอบคุณลู่จิ้นยวนเลย ก็เลยรู้สึกร้อนตัว “แต่ก่อนฉันแค่คิดไม่ถึงก็เท่านั้น”

ลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้เอาแต่ตามตื้อ “น้ำใจผมรับไว้ แต่ว่าอาหารที่เธอทำไม่ค่อยอร่อย ผมพาเธอออกไปกินข้างนอกดีกว่า”

ลู่จิ้นยวนยังจำได้ขึ้นใจกับซุปที่เค็มจะตายของเธอครั้งนั้น แล้วอีกอย่าง เธอก็ยังเป็นคนท้อง จะทำกับข้าว?

อย่าให้กลิ่นอาหารลอยมาแตะจมูกแล้วอ้วกก็ยากแล้ว

เวินหนิงคิดไปคิดมา ก็คิดเหมือนกัน แล้วอีกอย่าง เธอก็เป็นห่วงด้วยว่าตัวเองทำกับข้าวแล้วจะอยากอ้วก “งั้นได้ งั้นฉันจะเลี้ยงนายเอง นายเลือกที่มาเลย……”

คำพูดสุดท้ายนี้ เวินหนิงพูดอย่างไม่มั่นใจเลย ถ้าคนอย่างลู่จิ้นยวนเลือกร้านอาหารมิชลิน แล้วจะกินอาหารที่แพงๆ กระเป๋าเธอแบนแน่

“ในเมื่อเธอจะเลี้ยง งั้นเธอเลือกที่เลย”

ลู่จิ้นยวนมองออกว่าเวินหนิงกำลังคิดอะไรอยู่ ในใจก็แอบหัวเราะ ก็เลยไม่ได้ทำให้เธอลำบาก แล้วให้เธอเลือกเอง

ในใจเวินหนิงก็แอบโล่งอก โดนสายตาของผู้ชายคนนั้นมอง ใบหน้าก็เริ่มแดง แล้วอดไม่ได้ที่จะไอกลบเกลื่อน

นี่ก็โทษเธอไม่ได้ ระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวน มีฐานะแตกต่างกันมาก ในสายตาเขาอาจจะเห็นว่าแค่ไม่กี่บาท แต่สำหรับเธอกลับเป็นของฟุ่มเฟือยที่ไม่มีปัญญาซื้อ

คิดไปด้วย ในใจเวินหนิงก็รู้สึกหม่นหมอง

ระยะห่างระหว่างเขากับเธอ ห่างกันขนาดนั้น แต่เมื่อกี้เธอกลับมีชั่ววินาทีหนึ่ง คิดว่าเด็กในท้องจะสามารถดึงระยะห่างที่ห่างไกลของพวกเขาเข้ามาได้

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset