บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 138 ยื้อให้เสียใจอีกทำไม

“เรื่องนี้ ผมจะคุยกับเธอเอง คุณแม่ก็อย่าให้โอกาสเธอที่เป็นไปไม่ได้อีกเลยครับ”

ลู่จิ้นยวนรู้สึกปวดหัว อดไม่ได้ที่จะนวดขมับ

สำหรับมู่เยียนหราน เขาไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่อยากจะทำให้เธอเสียเวลา ทำให้เธอรู้สึกว่ามีความหวัง ตัดไปเลยครั้งเดียวเด็ดขาดดีกว่า

สีหน้าบนใบหน้าของเย่หวานจิ้งรู้สึกหงุดหงิด ตอนนั้นรักกันจะเป็นจะตาย ทำไมตอนนี้แม้แต่เจอหน้าก็ยังไม่อยาก?

“งั้นแกพูดมาสิ ถ้าแกไม่อยากได้เธอ แกมีคนที่ชอบแล้ว?”

เย่หวานจิ้งก็ไม่ใช่ว่าต้องเป็นมู่เยียนหรานคนเดียว แต่ว่าสเปคของลู่จิ้นยวนเพอร์เฟคเกินไป

ถ้าคนอย่างที่โตมาด้วยกัน แถมทั้งสวยทั้งมีความรู้ก็ยังไม่ได้ ท่านก็นึกไม่ออกหรือว่ายังมีผู้หญิงคนไหนที่จะมองเข้าตาลู่จิ้นยวนได้

คงไม่ใช่ผู้หญิงมารยาที่เคยเข้าคุกนั่นหรอกมั้ง?

พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ สีหน้าเย่หวานจิ้งก็เปลี่ยนไป “จิ้นยวน อย่าบอกนะว่าแกยังคิดอะไรกับเวินหนิง”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แต่ว่า สายตาของเขาก็หม่นหมองลง เขาเข้าใจดี ตอนนี้ฐานะของเวินหนิง ตระกูลลู่ไม่มีทางยอมรับเธอแน่นอน โอกาสเดียวที่จะเป็นไปได้ก็คือ สืบความจริงตอนนั้นให้กระจ่าง แล้วลบล้างความผิดบนตัวเธอ จากนั้นค่อยๆให้คนในตระกูลยอมรับ

ลู่จิ้นยวนเงียบไป ก็ถือว่ายอมรับแล้ว เย่หวานจิ้งเลี้ยงเขาโตมาตั้งแต่เด็ก จะไม่เข้าใจความคิดของเขาได้ยังไง?

ใบหน้าที่อ่อนโยนก็มีความโมโหแฝงด้วย “จิ้นยวน แกจะชอบใครฉันไม่ยุ่ง แต่ว่าเวินหนิง ไม่ได้เด็ดขาด ถึงแกอยากจะทำให้เธอเป็นผู้หญิงของแก แต่เธอไม่เหมาะสม!”

เมื่อเย่หวานจิ้งนึกถึงฐานะของเวินหนิง เรื่องสกปรกที่เคยทำไว้ ก็รู้สึกเอื้อมระอา

ลูกชายของเท่าน เป็นคุณชายที่สูงส่ง เป็นทายาทที่ตระกูลลู่เลี้ยงดูมาอย่างดี จะยืดยื้อกับผู้หญิงที่เคยเข้าคุกแบบนี้ได้ยังไง นี่จะเป็นรอยด่างในชีวิตของเขาเปล่าๆ

“เรื่องนี้ ผมมีความคิดเป็นของตัวเองครับ”

ลู่จิ้นยวนไม่อยากจะโต้เถียงกับคุณแม่ รอวันที่ความจริงกระจ่าง ต้องมีวิธีแก้แน่นอน ถ้าจะเอาแต่ใส่อารมณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด

เวินหนิงที่อยู่ในห้องน้ำ เธอถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว ไม่สามารถรักษาท่าทางที่เอาหูแนบประตูแอบฟังได้อีก แต่ว่า เสียงของทั้งสองคนก็ยังลอยเข้าหูเธอเหมือนคำสาปอย่างนั้น

ปกติเย่หวานจิ้งจะพูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วมีท่าทางของคุณหญิง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงท่านที่แข็งข้อขนาดนี้

เป็นเพราะเธอ เวินหนิงไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติหรือว่ายังไงกันดี

ในสายตาของเย่หวานจิ้ง นอกจากตัวเอง ใครก็เหมาะสมที่จะอยู่กับลู่จิ้นยวน

ไม่มีใครต้อนรับเธอจริงๆ

เวินหนิงมีความคิดที่จะรีบไปจากที่นี่ ไม่อยากให้ตัวเองโดนเหยียบย่ำอีก

แต่ว่า เย่หวานจิ้งยังอยู่ข้างนอก เธอจะออกไปจากห้องน้ำก็ยังไม่ได้ก็เลย จึงต้องจำใจฟัง

จากนั้นลู่จิ้นยวนกับเย่หวานจิ้งก็พูดคุยอีกไม่กี่คำ ทั้งสองก็ไม่ได้บรรลุเป้าหมาย เย่หวานจิ้งก็เลยต้องออกไปก่อน

ท่านเข้าใจนิสัยของลู่จิ้นยวนดี ถ้าเอาแต่บังคับเขา ไม่แน่เขาอาจจะยิ่งหัวดื้อไปกว่าเดิม ถ้าอย่างนั้น……

ก็ต้องไปหาเวินหนิงแล้วล่ะ

เมื่อคิดได้ สายตาเย่หวานจิ้งก็เยือกเย็น แล้วพูดกับคนขับรถ “ไปเช็คดูว่าตอนนี้เวินหนิงอยู่ที่ไหน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

……

เมื่อได้ยินว่าคนเดินออกไปแล้ว เวินหนิงก็เลยออกมาจากห้องน้ำ

แต่ว่า บนใบหน้าเธอตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

“เธอได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?” ลู่จิ้นยวนจะไม่เข้าใจความคิดของเธอได้ยังไง คำพูดเมื่อกี้ของคุณแม่ไม่น่าฟังจริง เธอได้ยินแล้วในใจก็ต้องรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไร” เวินหนิงไม่อยากจะพูดอะไรมากกับเขา พูดไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

สถานการณ์ของเธอตอนนี้ มีอะไรให้น่าพูดอีก

“เรื่องของเธอ ผมจะรีบจัดการ ไม่ต้องกังวลหรอก คำพูดของท่านเธอไม่ต้องใส่ใจ”

ลู่จิ้นยวนเอ่ย เวินหนิงก็แค่พยักหน้า ยังไง ลู่จิ้นยวนไม่เพียงแต่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่ยังเป็นความหวังของตระกูลลู่ ถ้าคนตระกูลลู่รวมตัวกันไม่เห็นด้วย เธอก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะทนไปได้นานแค่ไหน

คิดไปด้วย เธอก็รู้สึกเหนื่อย

“ฉันอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”

พอเห็นว่าเวินหนิงอารมณ์ไม่ดี ลู่จิ้นยวนก็พูดปลอบใจเธออีก แต่ว่า ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

ผ่านไปไม่นาน อันเฉินก็มาถึง แล้วในมือก็มีชุดที่จะเปลี่ยนด้วย

“บอส คุณหนูเวิน”

เวินหนิงรีบเดินไปหา “ขอบใจนะ”

พูดจบ ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ

“เรื่องที่ผมให้เช็ค รีบเอามาให้ผม”

ลู่จิ้นยวนเข้าใจดี ถ้าไม่รีบสืบความจริงให้กระจ่างก็ไม่มีทาง ทำให้เวินหนิงรู้สึกดี “จำไว้ อย่าพูดกับคนอื่นเด็ดขาดว่าผมให้เช็คเรื่องนี้”

ถ้าเถ้าแก่หรือว่าคุณแม่รู้ ก็คงจะไปหาเรื่องเวินหนิงแน่นอน

“รู้แล้วครับ” อันเฉินพยักหน้า เห็นท่าทางลู่จิ้นยวนจริงจังกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกจริงจังกับคุณหนูเวินแล้วสิ

เวินหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็มองตัวเองในกระจก แค่ผ่านไปไม่นาน เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ในสายตาก็มีความเศร้าหมอง

เธอกำลังคิดอะไร แค่คำพูดเป็นห่วงของลู่จิ้นยวนไม่กี่คำ ก็คิดว่าทั้งสองจะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข?

ตอนจบในเทพนิยาย เป็นสิ่งที่คนโชคร้ายอย่างเธอไม่กล้าคาดหวัง

เมื่อเวินหนิงปรับอารมณ์ตัวเองแล้วก็ออกมา บนใบหน้าก็ไม่มีความไม่สบอารมณ์เมื่อกี้ แต่กลับเรียบนิ่งมาก

“เราไปกันเถอะ” เวินหนิงพูดกับอันเฉิน

เวินหนิงไม่ได้หันไปมองลู่จิ้นยวนด้วยซ้ำ ในเมื่อไม่มีความหวังอะไรแล้ว จะยื้อให้เสียใจอีกทำไม?

“เวินหนิง……” ลู่จิ้นยวนเห็นแผ่นหลังที่เธอเดินจากไป ในใจก็หม่นหมองไปไม่น้อย

ดูเหมือนว่า เรื่องนี้ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด

อันเฉินส่งเวินหนิงกลับบ้าน ระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันเลย

อันเฉินรู้สึกได้ว่าอารมณ์เวินหนิงไม่ดีมากนัก ในใจก็สงสัย

ทั้งๆที่บอสช่วยเธอสืบหาความจริงแล้ว ทำไมอารมณ์เธอถึงได้เศร้าหมองไปกว่าเดิม?

เวินหนิงก็ขี้เกียจที่จะพูด ตอนนี้เธอแค่อยากหาที่สักที่เงียบๆ แล้วแยกออกจากโลกภายนอก

“ฉันไปก่อนนะ” เมื่อเวินหนิงถึงที่หมาย ก็โบกมือลาอันเฉิน จากนั้นก็เดินขึ้นตึก

อันเฉินเลยโทรไปรายงานลู่จิ้นยวน แล้วอยู่ที่นี่อีกสักพักค่อยจากไป

พอเวินหนิงกลับถึงบ้าน ก็วิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที ให้น้ำร้อนกระทบกับร่างกายตัวเอง เธออยากจะให้ความคิดในหัว ถูกน้ำซัดให้หายไป

อย่างนี้ เธอก็ไม่ต้องโดนคนอื่นกล่าวหา ไม่ต้องโดนคนอื่นดูถูก ก็ไม่ต้องโดนคนอื่นพูดว่าแม้แต่จะเป็นคนรักของคนที่ตัวเองชอบก็ไม่มีสิทธิ์

กำลังคิด โทรศัพท์ของเวินหนิงก็ดัง

เธอเดินไป พอเห็นชื่อบนนั้น ก็ขมวดคิ้ว

ยวี๋เฟยหมิงโทรมา

ลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกดรับ “มีเรื่องอะไร?”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset