บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 146 ไม่ได้ซื่อตรงขนาดนั้น

ความโกรธและความรู้สึกไม่ยินยอมพวยพุ่งขึ้นมาในจิตใจ แต่มู่เยียนหรานก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น เธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ด้านนั้นของตัวเอง “แต่ว่า ถ้าคุณออกไปคนเดียวแบบนี้ ฉันก็ไม่มีหน้าไปพบเถ้าแก่ลู่แล้วนะคะ”

ลู่จิ้นยวนเห็นว่ามู่เยียนหรานปักหลักอย่างแน่วแน่ไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างง่ายๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นมาอีกระดับ “จอดรถข้างหน้า”

มู่เยียนหรานได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชานั้นของเขา ความรู้สึกก็มาถึงขีดสุดแล้ว “จิ้นยวน นี่คุณต่อต้านฉันถึงขนาดนี้เชียวเหรอ หรือว่าพวกเราไม่ใช่เพื่อนกัน ฉันไม่เข้าใจคุณเลยแม้แต่น้อย”

“เป็นเพื่อนก็ต้องมีการรักษาระยะห่างระหว่างกัน หยุดรถเดี๋ยวนี้”

ลู่จิ้นยวนตอบกลับอย่างเรียบๆ เช่นนั้น ทำให้มือของมู่เยียนหรานที่กำอยู่ที่พวงมาลัยรถแน่นขึ้นไปอีก เส้นเลือดปูดโปนออกจนจะระเบิดให้ได้ ทว่าเธอก็ไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบก่อน หรือไม่กล้าแสดงท่าทีเรียกร้องความสนใจอะไรเสียด้วยซ้ำ เช่นนี้แล้วเธอก็ทำได้เพียงหยิบยื่นเขาไปให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว” อดกลั้นความกรุ่นโกรธเอาไว้ มู่เยียนหรานจอดรถส่งให้ลู่จิ้นยวนลงไป อันเฉินที่รออยู่ก่อนเป็นเวลานานมากแล้ว เมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้นก็ชะงักอย่างงุนงงไปเล็กน้อย

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” ลู่จิ้นยวนไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดเลย ถามออกไปอย่างตรงๆ ทันที

“ตอนนี้น่าจะไปที่โรงแรมโซเฟียต้า บอสครับ คนที่คุณหนูเวินพึ่งจะติดต่อด้วยคือยวี๋เฟยหมิงครับ”

ขณะที่อันเฉินพูดนั้น ก็พลางสังเกตท่าทีของลู่จิ้นยวนไปด้วย กลัวว่าประโยคนี้จะไปจุดประกายความโกรธขึ้งของลู่จิ้นยวนเข้าได้

สีหน้าของลู่จิ้นยวนเงียบขรึม ขณะนั้นนัยน์ตาสีดำมืดสนิทก็ดูเยียบเฉียบขึ้นมา ดีมาก สรุปแล้วเวินหนิงไม่ฟังคำที่เขาพูดเลย ราวกับว่าเป็นเพียงลมที่พัดผ่านข้างหูไป แล้วยังกล้าไปเปิดห้องกับคนประเภทนั้นแล้วงั้นเหรอ

“ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” ริมฝีปากของลู่จิ้นยวนขยับเอ่ยพูดคำไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างเย็นๆ ทันทีที่นั่งลงที่ที่นั่งผู้โดยสารข้างหลัง อันเฉินก็ไม่กล้าที่จะเฉยเมยแม้แต่น้อย รีบเคลื่อนรถพุ่งออกไปทันที

มู่เยียนหรานที่ไม่ได้จากไปไหนและมองดูอยู่จากที่ไกลๆ สายตาเธอจับจ้องไปที่เงาของรถที่พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูง กำหมัดแน่น ใช้เล็กจิกเข้าไปที่ฝ่ามืออย่างแรง มือที่ปกติจะเรียวยาวสวยคู่นั้นก็ปรากฏรอยจ้ำสีแดง แต่เธอกลับไม่ได้สนใจสังเกตเห็นมันเลยเสียด้วยซ้ำ

ไม่มีการลังเลใจ มู่เยียนหรานตามไปด้วยในทันที

เธออยากจะรู้นักว่าเวินหนิง ผู้หญิงแบบนั้นจะมีเสน่ห์อะไรมากมายขนาดนั้น ที่กลับทำให้ลู่จิ้นยวนไม่ยอมแม้แต่ที่จะร่วมงานพบปะของครอบครัว แล้วไปหาเธอเช่นนี้

……….

เวินหนิงไปตามที่อยู่ที่ยวี๋เฟยหมิงส่งมาให้จนเจอโรงแรมนั้น

หลังจากที่ถึงโรงแรม เวินหนิงไม่ได้เร่งรีบที่จะเข้าไปข้างใน แต่กลับรอคนๆ หนึ่งที่บริเวณประตูทางเข้า

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอบอกแผนการนี้ให้กับไป๋อี้อันรู้ เพื่อที่จะได้ให้แผนนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบลื่น เขาเลยส่งข้อมูลติดต่อของคนคนหนึ่งมาให้ กล่าวคือ คนๆ นี้มีประสบการณ์ในการรับมือกับคนเจ้าชู้ประเภทนี้อย่างยวี๋เฟยหมิงได้เป็นอย่างดี

เวินหนิงรออยู่สักพัก ก็เห็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์และเซ็กซี่มากเดินเข้ามาหา ทันทีที่เห็นเธอ ผู้หญิงคนนั้นก็สอดส่องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าหนึ่งที “คนที่ไป๋อี้อันบอกมาก็คือเธองั้นเหรอ”

เวินหนิงพยักหน้า ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มตอบ “ฉันชื่อแมรี่”

ในทันทีต่อมาเวินหนิงก็อธิบายแผนการที่เธอคิดเอาไว้ให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง ตอนนี้เธอได้เตรียมอุปกณ์ป้องกันตัวมาด้วยไม่กี้ชิ้น แถมยังมียานอนหลับชนิดบดผงอยู่อีกหนึ่งห่อ เธอคิดเอาไว้ว่าจะอดใจรอไปก่อน รอให้ยวี๋เฟยหมิงมึนง่วงงุน หลังจากนั้นก็ทำให้เขาที่ไม่ระมัดระวังตัวนอนหลับไป สุดท้ายแล้วก็ถ่ายรูปเขาเอาไว้สักไม่กี่รูป แล้วจึงให้เข้าคายเรื่องที่ไม่ควรให้คนอื่นรู้ออกมาให้หมด

เพียงทว่าหลังจากที่เวินหนิงกล่าวจบ แมรี่ก็กลั้นความขบขันเอาไว้ไม่ไหวระเบิดหัวเราะออกมา “ยานอนหลับ? ไอ้ของแบบนี้มันเห็นผลช้าจะตาย ยังไม่ทันได้รอให้เขาหลับไปก่อน เธอก็คงโดนเขาจับกินเสร็จไปแล้วล่ะมั้ง แล้วที่มากไปกว้่านั้นนะ เธอแน่ใจหรอว่าคนที่มีชื่อเสียงออกไปมั่วอยู่ข้างนอกตลอดแบบเขาจะมาใส่ใจกับรูปไม่กี่รูปแบบนี้ เขาไม่ใช่ผู้หญิงนะ ถ้าโดนแฉออกมาก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายเลยเสียด้วยซ้ำไป”

เวินหนิงถึงกับขมวดคิ้ว ที่แมรี่พูดมาก็มีเหตุผล แต่ว่านี่ก็เป็นความคิดเดียวที่เธอสามารถคิดออกมาได้ ตัวของเธอเองนั้นก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทั้งขู่เข็ญบีบบังคับหรือหลอกล่อด้วยผลประโยชน์กับยวี๋เฟยหมิงได้

“เรื่องนี้ ให้ฉันจัดการเอง” แมรี่ตบบ่าของเธอเบาๆ ในมือของเธอยัดถุงมาให้หนึ่งใบ ในนั้นมีผ้าเช็ดมืออยู่หนึ่งผืน ดูแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย

“ผ้าผืนนี้เคลือบไปด้วยสารอีเทอร์ เพียงแค่เธอหาโอกาสเอาสิ่งนี้ไปอุดจมูกไว้เพียงไม่กี่วินาที แค่นี้ก็สามารถทำให้เขาอยู่ในสภาวะกึ่งไม่ได้สติไปหลายชั่วโมง พอถึงตอนนั้น ฉันก็จะให้เขาพูดสิ่งที่ไม่สมควรจะพูดที่เธออยากจะรู้ออกมาให้หมด”

เวินหนิงมองดูถุงใบน้อยๆ นั้นโดยไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย “โอเค รอฉันทำสำเร็จก่อน แล้วจะโทรหาคุณ”

พูดเสร็จ เวินหนิงก็ซ่อนของสิ่งนี้เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อตน จากนั้นก็เดินเข้าข้างในไปอย่างสงบใจราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

เวินหนิงหาห้องเจอโดยดูจากข้อมูลที่ยวี๋เฟยหมิงส่งมาให้ เคาะประตูห้องไม่กี่ที ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว

ยวี๋เฟยหมิงที่ทนรอแทบไม่ไหวอยู่ตั้งแต่แรกนั้น เมื่อได้เห็นเวินหนิงที่ยังคงแต่งตัวตามฉบับปกติก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “เธอมาทั้งแบบนี้เนี่ยนะ”

ในใจเวินหนิงแค่นยิ้มเย็น เขาคิดว่าจะมาแบบไหนกันล่ะ คิดว่าเธอจะแต่งตัวสวยสดงดงามแบบเวินหลานมายั่วยวนเขาอย่างสุดกำลังอย่างงั้นเหรอ

เธอมองเขาก็รู้สึกรังเกียจขยะแขยงขึ้นมาแล้ว จะให้ไปทำเรื่องน่าเบื่อแบบนั้นเพื่อเขาได้อย่างไรกัน

“หรือว่าคุณจะตื้นเขินกับเรื่องพวกนี้ มองแต่รูปลักษณ์ที่อยู่ข้างนอก” แม้ในใจของของเวินหนิงจะรู้สึกว่าเป็นการลดเกียรติที่ต้องมาทำเรื่องแบบนี้ แต่เพื่อที่จะทำให้ยวี๋เฟยหมิงอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ ก็เลยตั้งใจวาดรอยยิ้มออกมาให้

เวินหนิงในความทรงจำของยวี๋เฟยหมิงนั้นเป็นคนที่ระมัดระวังตัวแจ ถึงขนาดที่ดูแล้วรู้สึกไม่น่าสนใจเลยทีเดียว แต่เพียงท่าทางง่ายๆ ของเธอแบบนี้ ก็สร้างความรู้สึกดึงดูดที่โดดเด่นออกมาจากฝูงชน ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ขณะนั้นเอง ก็สะกดกลั้นอารมณ์ที่เอาไว้ไม่ไหวแล้ว จึงรีบดึงเวินหนิงเข้ามาในห้อง “งั้นฉันก็อยากเห็นว่าภายใต้ชุดพวกนั้น เธอได้เตรียมอะไรมาไว้บ้าง”

ยวี๋เฟยหมิงมองไปตามร่างกายเธอด้วยความกระหาย ราวกับกำลังคิดว่าภายใต้เสื้อผ้าอันรัดกุมของเธอนั้นจะมีความตื่นเต้นแบบไหนซ่อนเอาไว้อยู่

“ก็ต้องเป็นสิ่งที่ทำให้คุณพึงพอใจอยู่แล้ว” เวินหนิงพูด แสร้งเดินอย่างเข้าคู่กับไปยวี๋เฟยหมิงถึงบริเวณข้างเตียง

ยวี๋เฟยหมิงร้อนใจจนกำลังจะกดเธอขึงลงกับเตียง แต่เวินหนิงกลับยกมือขึ้นมาก่อน “คุณไม่คิดว่ามันจะเร็วเกินไปเหรอ”

ยวี๋เฟยหมิงขมวดคิ้วยุ่ง “งั้นเธออยากจะทำแบบไหน”

เวินหนิงอ้อมตัวเขาไปอยู่ข้างหลัง “ช่วงนี้ฉันไปเรียนวิธีการนวดมา ถ้าไม่อย่างนั้น คุณอยากจะลองดูไหมคะ”

เดิมทียวี๋เฟยหมิงไม่มีอารมณ์ที่จะทำ แต่ว่าเวินหนิงกลับยืนกรานอย่างหนักแน่นว่านี่เป็นเรื่องสำคัญ จะทำให้เขาพอใจได้อย่างแน่นอน ดังนั้นก็เลยยอมตามดังว่าไป

เวินหนิงให้ยวี๋เฟยหมิงนอนลงบนเตียงยกมือขึ้นไปทำท่านวดตามที่เคยเริ่มเรียนเพื่อนวดคลายกล้ามเนื้อให้ลู่จิ้นยวน

ใช้แรงไม่หนักไม่เบา ยวี๋เฟยหมิงก็เริ่มมีความสุขผ่อนคลายไปกับการบริการที่เอาใจใส่แบบนี้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพัก เขาก็หลับตาลง นัยน์ตาของเวินหนิงมืดขรึมขึ้นมาทันที หยิบของที่แมรี่พึ่งให้มาในกระเป๋าเสื้ออย่างเบามือ ขณะที่กำลังจะเอาไปปิดจมูกตามที่เธอบอกมานั้น ชั่วขณะนั้นเอง จู่ๆ ดวงตาของฝ่ายชายก็เบิกโพลงลืมตาขึ้น เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ในมือเธอ สายตาก็เย็นเยียบขึ้นมาทันที

เวินหนิงตกใจ “ฉันแค่หยิบขึ้นมาเช็ดเหงื่อเท่านั้นเอง”

ยวี๋เฟยหมิงยิมออกมาอย่างเย็นยะเยือก “เวินหนิง เธอคิดว่าฉันโง่อย่างงั้นเหรอ นี่คือของที่พวกใต้ดินใช้กันเพื่อทำให้คนสลบไป สุดท้ายแล้วเธอเองก็ไม่ได้ซื่อตรงขนาดนั้นสินะ”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset