บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 147 ยอมตาย

เวินหนิงตื่นตระหนกตกใจ เดิมทีเธอคิดที่จะเถียงเขาไปอีกสักสองสามประโยค แต่ยวี๋เฟยหมิงกลับมือไวตาไว จับเข้าไปที่ข้อมือของเธอโดยใช้แรงที่มีอยู่มากกว่า สร้างความรู้สึกที่เจ็บเข้าไปถึงกระดูกให้แก่เธอ

ของที่อยู่ในมือก็ค่อยๆ ล่วงหล่นลงสู่พื้นไป

ยวี๋เฟยหมิงเห็นดังว่าก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยียบ “เวินหนิง เธอมีแผนอยู่แค่นั้น ยังคิดจะมาหือกับฉันงั้นเหรอ”

เป็นไอ้กะล่อนซ่อนตัวตนอยู่ในสนามรักมาแล้วตั้งหลายปี ยวี๋เฟยหมิงสามารถบอกได้เลยว่าเห็นลูกไม้มาต่างๆ นานามากมาย ถ้าหากว่าไม่ระแวดระวังเอาไว้ ก็คงจะถูกแบล็คเมล์ไปตั้งนานหลายรอบแล้ว

“ปล่อย! ” เวินหนิงตกใจ จ้องเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง เธอชะล่าใจเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าสัญชาตญาณการระวังตัวของยวี๋เฟยหมิงจะแรงขนาดนี้ เธอคิดติ้นเกินไปแล้ว!

“ปล่อยอย่างงั้นเหรอ เธอคิดวางแผนกับฉัน ก็ต้องจ่ายราคาให้สมน้ำสมเนื้อกันสิ เอาอย่างนี้ละกัน หลังจากที่พวกเราทำกันเสร็จแล้ว ฉันจะถ่ายรูปพวกเราเอาไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ถือสะว่าเป็น………บทเรียนให้เธอละกันนะ”

ขณะที่พูด ยวี๋เฟยหมิงก็ขยับกายเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายของเวินหนิง เวินหนิงจิตใจว้าวุ่นสับสนไปหมด เรื่องในครั้งนี้ ไม่คิดเลยว่าจะพลาดแล้วกลายมาเป็นเช่นนี้ไปได้ เธอประเมิณยวี๋เฟยหมิงต่ำเกินไปแล้ว

ขณะที่คิดดังว่า เวินหนิงก็ดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลัง โบกมือไม้อย่างสะเปะสะปะไปทั่ว ฟาดตีลงไปตามร่างกายของยวี๋เฟยหมิง ทำให้ความโกรธที่สุมเก็บเอาไว้แต่เดิมของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ “ยอมดีๆ ไม่เอา แต่จะทำด้วยน้ำตาใช่ไหม”

เมื่อพูดขึ้น ก็ไม่สนใจความเจ็บที่เวินหนิงใช้มือทุบลงไปตามร่างกาย แต่กลับใช้ข้อดีในด้านพละกำลังที่มีเหนือกว่ากดเธอลงไปอย่างแรง หลังจากนั้นก็ดึงเอาผ้าคาดเอวของเสื้อคลุมอาบน้ำมารัดข้อมือเอาไว้อย่างแน่นหนา “ไหนดูสิ เป็นแบบนี้แล้วจะดิ้นยังไง”

เวินหนิงพยายามใช้มือคู่นั้นที่ถูกมัดเอาไว้ดิ้นขัดขืนให้หลุดออกอย่างสุดกำลัง แต่กลับถูกบีบรัดจนแน่นยิ่งขึ้นไปอีก ยวี๋เฟยหมิงดูท่าทีที่ขัดขืนอย่างสุดชีวิตของเธอ ก็พลันยิ้มออกมาอย่างเย็นเยียบ ลงจากเตียงไปหยิบยาน้ำถุงเล็กๆ ขึ้นมาแล้วโบกไปที่ข้างหน้าของเวินหนิง “ตอนนี้ยังจะเสแสร้งอยู่อีกงั้นเหรอ งั้นฉันจะให้เธอลองเจ้านี่ ไอ้นี่น่ะของดีมากเลยนะ”

เวินหนิงหวาดกลัวจนถอยหลังกรูด เธอก็พอรู้อยู่ว่าโดยปกติแล้วยวี๋เฟยหมิงนั้นใช้ชีวิตเละเทะมาก แต่เขากลับพกของสิ่งนี้ติดตัวเอาไว้ด้วย หรือว่าเขาก็เป็นไอ้สารเลวคนหนึ่งงั้นเหรอ

ทว่ามือของเธอถูกมัดเอาแบบนี้ แม้ว่าจะพยายามหนีมาโดยตลอด แต่ก็กลับถูกยวี๋เฟยหมิงคว้าข้อเท้าเอาไว้ “ทำตัวดีๆ หน่อยสิ แล้วจะไม่เจ็บ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันกลัวว่าอีกเดี๋ยวเราจะรุนแรงกันเกินไป กลัวว่าจะเผลอทำให้ไอ้สิ่งมีชีวิตในท้องเธอตายไปสะก่อน”

เวินหนิงได้ยินดังว่าก็ราวกับว่าถูกฟ้าผ่าลงมากลางหัว เขามันไม่ใช่มนุษย์ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปมีสันดานแบบนี้มาได้จากที่ไหน ในที่สุดเธอก็ชักข้อเท้าของตนออกจากมือของยวี๋เฟยหมิงได้ แล้วพลันถีบเข้าไปที่แผ่นอกของคนตรงหน้าอย่างเต็มแรง หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าวิ่งหนีออกไปข้างนอกด้วยเท้าเปล่า

“แม่ง ยัยผู้หญิงเวรนี่” ยวี๋เฟยหมิงถูกถีบเข้าเต็มรักไปหนึ่งที แผ่นอกเจ็บร้าวระบมไปหมด ไฟสุมในอกยิ่งโหมกระพือมากยิ่งขึ้น คิดเพียงแต่ว่าจะลากเวินหนิงกลับมาเล่นงานให้หนักสักหนึ่งที

เวินหนิงวิ่งมาจนถึงประตู เธอคิดจะเปิดประตูออก แต่ว่ามือก็ถูดมัดพาดเอาไว้ทางด้านหลัง จึงทำได้เพียงใช้ฟันขบกัดไปที่มือจับประตู เธอพยายามเปิดประตูออกเพื่อให้หนีออกไปได้ แต่ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลังมาติดๆ ความสิ้นหวังในใจเธอก็ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นอย่างทบทวี

หรือว่าทุกอย่างจะจบสิ้นแบบนี้

ยวี๋เฟยหมิงยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ “ดูเธอในตอนนี้สิ เหมือนกับหมาตัวหนึ่งไม่มีผิด เดี๋ยวต่อไปฉันจะให้เธอคุกเข่าลงกับพื้น แล้วอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากฉัน”

เวินหนิงร้อนรนจนน้ำตาแทบจะไหลลงอาบแก้ม และแล้วยวี๋เฟยหมิงก็สาวเท้ามาอีกไม่กี่ก้าวตามเธอมา แล้วทึ้งผมเธอเพื่อหยุดเอาไว้

เวินหนิงมองเขาอย่างแค้นเคือง ไอ้หน้าตัวเมีย เธอไม่คิดที่จะละทิ้งความหวังแม้จะมีอยู่ริบหรี่ ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างอดไว้ไม่อยู่ “ช่วยด้วย จะถูกฆ่าแล้ว! ใครก็ได้มาช่วยหน่อย! ”

ยวี๋เฟยหมิงมองเธอหนึ่งที “ไม่มีประโยชน์ กำแพงพวกนี้เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ต่อให้เธอร้องแหกปากจนคอแตกก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้เอาไปคิดหาวิธีว่าจะทำตัวให้ผ่อนคลายมีความสุขได้อย่างไรดีกว่าเหรอ ไม่อย่างนั้นเธอก็จะยั่วน้ำโหให้ฉันโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ นะ”

ขณะที่พูดยวี๋เฟยหมิงก็ทึ้งผมของเวินหนิงและเดินไปที่เตียงทีละก้าวๆ อย่างช้าๆ หนังหัวเจ็บแสบอย่างที่สุด ทำให้เวินหนิงไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้ดิ้นขัดขืน เธอทำได้เพียงหลับตาลงแน่น

หรือว่าก็คงทำได้แต่รอให้ยวี๋เฟยหมิงทรมานเธออย่างไร้สิ้นซึ่งความหวังไปแบบนี้……..

ยวี๋เฟยหมิงเดินเข้ามาหาแล้วบีบคางของเวินหนิง กรอกยาชนิดเหลวนั้นลงคอของเธอไป แม้ว่าเวินหนิงจะพยายามไม่กลืนยาประหลาดนั้นลงไป แต่ปากก็ไม่มีทางประกบปิดลงมาได้ เธอจึงทำได้เพียงจ้องกลับไปด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างโกรธแค้น โมโหจนไม่มีแรงที่จะสะกดกลั้นความโกรธที่จะระเบิดนี้ไว้ได้

เพียงทว่าชั่วขณะถัดมานั้นยาก็เริ่มออกฤทธิ์ เวินหนิงรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างของตัวเองถูกโยนลงไปในกลางกองไฟที่สุมจนร้อน สภาพอากาศรอบตัวเธอร้อมรุ่นขึ้นมา ทำให้ภาพตรงหน้าของเธอดูพร่าเลือน

ทว่าสติที่คงเหลืออยู่อันน้อยนิดนั้นก็ยังคงส่งเสียงประท้วงอย่างกึกก้อง เธอไม่สามารถยอมให้ยวี๋เฟยหมิงทำให้สำเร็จตามแผนได้ เธอยอมตายเสียดีกว่าที่จะยอมถูกคนแบบนี้ขืนใจหยามเกียรติ

……….

ลู่จิ้นยวนเดินทางมาถึงโรงแรมที่เวินหนิงอยู่อย่างรวดเร็ว

ยวี๋เฟยหมิงเป็นผู้ถือหุ้นในโรงแรมแห่งนี้ เมื่อมีความสัมพันธ์เช่นนี้การกุมความลับของที่นี่ก็คงจะดีอย่างถึงที่สุด เพราะฉะนั้นเขาเลยมักจะหิ้วผู้หญิงมาฆ่าเวลาทำเรื่องสนุกกันที่นี่

ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ลู่จิ้นยวนถามว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนด้วยใบหน้าอันเย็นเยียบนั้น พนักงานยังคงมีใจช่วยปกปิดให้อยู่

“เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้าเราครับ”

สีหน้าของลู่จิ้นยวนดูแย่ราวกับพร้อมที่ฆ่าคนที่อยู่ตรงหน้าเสียให้ได้ เป็นเรื่องส่วนตัว?

“อันเฉิน นายมาจัดการ”

พูดเสร็จลู่จิ้นยวนก็ยกเท้าก้าวจะขึ้นไปตามหาคน พนักงานตื่นตกใจเป็นอย่างมาก คิดจะไปห้ามเอาไว้ ก็กลับถูกอันเฉินขู่จนตกใจไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว “อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ ถ้าไปยั่วอารมณ์โกรธของคุณชายลู่เข้าล่ะก็ ก็สามารถที่จะทำให้โรงแรมแห่งนี้ล้มละลายได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้น! ”

ลู่จิ้นยวนมองดูห้องที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนที่เรียงรายกระจัดจายกันอยู่ เขาสามารถระบุได้แค่พื้นที่อาณาบริเวณโดยคร่าวๆ ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเวินหนิงอยู่ที่ไหน

ขณะที่ฝ่ายชายกำลังโมโหอย่างหัวเสียนั้น แมรี่ที่แต่งตัวปลอมเป็นพนักงานงานทำความสะอาดของโรงแรมที่รอข่าวความคืบหน้าอยู่ข้างนอกก็เดินมา มองดูท่าทีที่ร้อนรนของเขา แล้วยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากพูดขึ้นมาก็ถูกลู่จิ้นยวนจับเข้าที่บ่า

“เห็นผู้หญิงคนหนึ่งไหม สูงประมาณนี้ ผมยาวๆ”

“ฉัน………..” แมรี่เข้าใจในทันทีว่าเขามาหาเวินหนิง เมื่อเห็นสภาพอารมณ์ของชายคนนี้แล้วเธอเองก็ร้อนใจตามไปด้วย

อีกทั้ง เวินหนิงก็เข้าไปนานแล้วมากแล้ว ถ้าดูตามหลักการแล้วเธอควรจะออกมาตั้งนานแล้ว

“เหมือนจะเคยเห็นอยู่นะคะ” ขณะพูดแมรีก็พยักหน้าตามไปด้วย พาลู่จิ้นยวนเดินมาถึงห้องที่เวินหนิงอยู่ อีกทั้ง เธอยังไม่จากไปในทันที กลับอยู่รอดูสถานการณ์ข้างในก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรต่อ

ก็ในเมื่อนี่คือเพื่อนของไป๋อี้อัน เธอเองก็ไม่อาจที่จะมองดูเธอมีปัญหาแล้วไม่เข้าไปยุ่งได้หรอก

ลู่จิ้นยวนเดินไปหยุดอยู่หน้าบานประตูที่ถูกปิดอยู่อย่างแน่นสนิท จากนั้นก็ใช้มือทุบลงไปอย่างแรงหลายที “เวินหนิง ออกมา!”

ด้วยความโมโห น้ำเสียงของฝ่ายชายนั้นใส่อารมณ์ลงไปอย่างไม่ยั้งเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่คิดว่าเวินหนิงไม่ฟังคำของเขาแล้ววิ่งแจ้นมาในสถานที่แบบนี้อยู่กันสองต่อสองกับยวี๋เฟยหมิงแล้ว เขาอยากจะลากผู้หญิงคนนี้ออกมาจากข้างในแล้วมาสั่งสอนเสียหนึ่งทีให้สมกับที่ทำเขาโกรธอยู่แบบนี้

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset