บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 149 ฉันต้องการคุณ

เวินหนิงที่มีสติเลือนรางไปแล้ว แต่ก็ยังพอที่จะนึกออกว่าเมื่อสักครู่ยวี๋เฟยหมิงได้ทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าสิ่งที่เขาถ่ายเอาไว้ทั้งหมดนั้นเผยแพร่ออกไปล่ะก็ ไม่อาจที่จะคิดถึงผลลัพท์ที่ตามมาได้เลย

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่า องค์ชายแห่งตระกูลยวี๋นั้นจะสกปรกโสมมถึงขนาดนี้”

ลู่จิ้นยวนเดินเข้าไปหาช้าๆ จ้องสบสายตาไปที่ยวี๋เฟยหมิงที่ยังคงมีท่าทีสงบจิตสงบใจอยู่ ทันใดนั้นเอง ก็เตะเข้าไปที่จุดสำคัญกล่องดวงใจของเขาเข้าไปอย่างเต็มแรง!

ลู่จิ้นยวนแต่เดิมทีก็เคยเรียนศิลปะศาสตร์การป้องกันตัว เขาที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง การขยับตัวเพียงครั้งเดียวของเขานั้น ไม่มีทางที่จะสามารถนำไปเปรียบเทียบกับพละกำลังของเวินหนิงได้

ยวี๋เฟยหมิงก็เจ็บจนเหงื่อแตกพลั่กในทันที สองขาอ่อนแรง สุดท้ายก็คุกเข่าลงไปที่พื้นอย่างอเนจอนาถ

“อ๊า! ลู่จิ้นยวน แกมันบ้าไปแล้ว!”

“หาคนมาพามันออกไป” ลู่จิ้นยวนพูดเสร็จก็ไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป ออกคำสั่งกับอันเฉินไปหนึ่งประโยค และเดินเข้าไปภายในห้องก็มองเห็นกล้องถ่ายวีดีโอเครื่องนั้น นั่ยน์ตานิ่งขึงเย็นเยียบ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยทุบให้ตกแตกลงมาที่พื้นทันที

อุปกรณ์ราคาแพงแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างน่าสงสาร ลู่จิ้นยวนมองหนึ่งทีแล้วหยิบการ์ดความจำที่อยู่ในกองเศษซากนั้นออกมา เวินหนิงก็คงจะได้ผ่อนคลายสภาพจิตใจลงไปได้บ้าง

น้ำเสียงอันแหบพร่าของลู่จิ้นยวน “ไปเรียกหมอมา! ”

ลู่จิ้นยวนออกคำสั่งกับอันเฉิน จากนั้นก็หาห้องที่ว่างอยู่เจอและเดินเข้าไปข้างในนั้น

แมรี่ดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เดิมทีก็ไม่ได้คิดอยากจะไปขวางทางถ่วงแข้งขาอะไรหรอก แต่เมื่อได้เห็นท่าทีที่ดูรุนแรงนั้นของลู่จิ้นยวน ก็กลับกลายเป็นว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ผู้ชายคนนี้ดูแล้วก็เหมือนกับว่าจะใส่ใจเวินหนิงมากเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอกมั้ง

ขณะที่คิด แม่รี่ก็ไม่กล้าที่จะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป เพราะว่าอันเฉินเองก็ได้สังเกตถึงพนักงานทำความสะอาดที่คอยยืนดูเหตุการณ์อันดุเดือดนี้มาโดยตลอด จึงทำได้เพียงต้องลี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน

คนก็ไปกันหมดแล้ว ยวี๋เฟยหมิงที่ดิ้นพล่านไปมาอยู่บนพื้นสักครู่ ก็มีความคิดที่จะลุกขึ้นมาแล้วหนีจากไป แต่ก็กลับถูกอันเฉินกดให้หยุดอยู่กับที่เอาไว้

“คุณยวี๋ครับ ต้องขออภัยด้วย ขอความกรุณาให้ความร่วมมือกับเราด้วยครับ เมื่อสักครู่คุณชายลู่ออกคำสั่งมาแล้วว่าให้ผมดูแลท่านให้เป็นอย่างดีครับ”

“กูขอบอกมึงให้รู้ไว้เลยนะ ว่ากูเนี่ยเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลยวี๋ พวกมึงกล้าคิดจะทำอะไรกูนะ ตระกูลยวี๋ไม่ปราณีปล่อยเรื่องให้จบไปแค่นี้แน่ แล้วมึงเป็นได้แค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ ยังคิดจะกล้าวางอำนาจออกคำสั่งกับกูอีกเหรอ”

“ตระกูลยวี๋จะว่าอย่างไรก็ต้องไปคุยกับหัวหน้าผมเอาเองครับ แต่ว่าตอนนี้คุณห้ามไปไหนทั้งนั้น! ”

อันเฉินมองดูชายที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงที่อยู่เบื้องหน้าอย่างสมเพชเวทนาหนึ่งที ตามที่เขาได้เห็นมาว่าลู่จิ้นยวนนั้นถูกยั่วโมโหให้โกรธมากแค่ไหน เขาจะต้องไม่ปล่อยยวี๋เฟยหมิงไปอย่างง่ายๆ โดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงตระกูลยวี๋ก็ตาม………

การที่จะบ่อนทำลายให้พินาศสิ้นซากไปนั้น เรื่องเวลาก็ไม่ใช่ปัญหาเลย!

…………

ลู่จิ้นยวนอุ้มเวินหนิงไปไว้ที่อีกห้อง ระหว่างที่อุ้มไปนั้นเวินหนิงก็ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมอกของเขาตลอดทาง ตอนนี้เธอแทบจะสูญเสียการควบคุมไปหมดแล้ว คิดเพียงแต่ว่าอยากจะระบายความอึดอัดทรมานที่อยู่ข้างในนี้ออกมา

ลู่จิ้นยวนเองก็รู้สึกไม่ดี แต่เมื่อคิดว่าในท้องของเธอมีเด็กอยู่อีกหนึ่งคน เขาจึงไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิด ทำได้แต่เพียงสะกดกลั้นไฟที่คุกรุ่นในอกแล้ววางเธอลงบนเตียง “ตั้งสติหน่อยเวินหนิง เดี๋ยวหมอก็มาแล้วนะ”

ทว่าเวินหนิงในตอนนี้นั้นฟังคำเขาไม่ได้ความแล้วว่ากำลังพูดอะไรอยู่ รู้สึกแค่ว่าเสียงนี้ช่างคุ้นเคย และยังฟังรื่นหูอีกด้วย อย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยสงบใจขึ้นมาอย่างที่อธิบายไม่ถูก

“อืออ แต่ฉันทรมาน……….” เวินหนิงฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างของตัวเอง

ลู่จิ้นยวนจึงเบนสายตาออกไม่หันไปมองเธอ

หลังจากที่เสื้อผ้าหลุดออกหมดแล้ว เวินหนิงก็รู้สึกว่าความรู้สึกทรมานนั้นไม่ได้น้อยลงไปเลย ดังนั้นเธอจึงยันกายขึ้นมา อาศัยประโยชน์จากการที่ลู่จิ้นยวนไม่มีท่าทีตอบกลับอะไร และพลันเข้าไปสวมกอดเข้าที่รอบคอ บริเวณบ่าของเขา ริมฝีปากที่นุ่มราวกับเยลลี่ก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ลู่จิ้นยวนหลบไม่ทัน ถูกพรมจูบลงไปทั่วทั้งร่าง นัยน์ตาที่ดำสนิทก็พลันดูลุ่มลึกราวกับว่าจะทำให้ตกลงไปในห้วงแห่งความมืดนั้น ลึกจนมองไม่เห็นแม้แต่ก้นบึ้ง

เพียงแค่ว่า………แก่นความเป็นชายนั้นไม่ได้สงบลงไปเสียทีเดียว “เดี๋ยวคุณหมอก็จะมาแล้ว เธออดทนอีกหน่อย! ”

ขณะที่พูดก็สะกดกลั้นความพลุ่งพล่านและแกะร่างอันบอบบางของหญิงสาวให้ออกจากตัว

“ฉันไม่ต้องการหมอ ฉันต้องการคุณ………”

อาจจะเป็นเพราะด้วยฤทธิ์ของยา หรืออาจจะเป็นเพราะลู่จิ้นยวนโผล่มาช่วยชีวิตเธอได้อย่างทันท่วงทีอีกครั้ง น้ำเสียงของเวินหนิงไร้ซึ่งความโอหัง สายตาของลู่จิ้นยวนยิ่งดำมืดขึ้นทุกที

คำที่เวินหนิงกล่าวออกมาเมื่อสักครู่ทำให้เขามีความรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

“เธออยากให้ฉันทำจริงๆ งั้นเหรอ”

ลู่จิ้นยวนผละถอยออกไปเล็กน้อยให้มีช่องว่างระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง จากนั้นก็ช้อนคางเธอแล้วเอ่ยถาม

ลู่จิ้นยวนนั้นมีความหยิ่งในศักศรีดิ์สูงมาก เขาจะไม่บังคับหญิงสาวที่สติเลือนรางเด็ดขาด

“อื้ม”

เวินหนิงพยักหน้า ตอบกลับมาอย่างไม่ลังเล

นัยน์ตาที่เย็นเยียบของเขามาโดยตลอดก็พลันมีความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นมา ไฟลุกโชติช่วงรุ่มร้อนขึ้นมาราวกับอยากจะกลืนกินผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าลงไปทั้งตัว

ลู่จิ้นยวนหรี่ตาลง “ฉันคือใคร เวินหนิง ดูให้ชัดสิว่าฉันคือใคร”

“คุณคือลู่จิ้นยวน ฉันดูไม่ผิดหรอก……..” เวินหนิงพูดออกมาอย่างว่าง่ายถึงสิ่งที่ลู่จิ้นยวนอยากจะได้ยิน หลังจากที่เธอเอ่ยปากพูดชื่อนี้ออกไปแล้ว ราวกับว่าฝ่ายชายได้ฉีกกระชากร่างอันเย็นชาที่แสดงไว้ของตนอย่างสมบูรณ์แบบ ประทับรอบจูบลงไปบนริมฝีปากของเวินหนิงอยากรุนแรงบ้าคลั่ง

ในเมื่อเธอก็ตกลงยิมยอมพร้อมใจ งั้นการที่เขาจะปฏิเสธซ้ำไปมาสักกี่ครั้งก็คงจะดูเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผล

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset