บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 155 ผ่านไปหมดแล้ว

เขาไม่รู้ว่าเวินหนิงเคยลำบากมามากขนาดไหน?

“ต่อจากนี้ไปจะไม่มีทางอีกแล้ว”

ลู่จิ้นยวนจับมือของเวินหนิงไว้แล้วจูบลงเบา ๆ บนนิ้วมือเรียวที่ขาวผ่องนั้นสองสามครั้ง ท่าทางที่อ่อนโยนของเขาแบบนั้น ราวกับแมลงปอเล่นน้ำ ทำให้เวินหนิงมีความรู้สึกเหมือนถูกปกป้อง

“ผ่านไปหมดแล้ว น่าจะ…ผ่านไปแล้วแหละ…”

เวินหนิงพูดพึมพำ มองดูชายหนุ่มตรงหน้า เธอมักรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง

คนแบบลู่จิ้นยวนจะทำแบบนี้ต่อเธอ เดิมทีก็น่าเหลือเชื่อพอแล้ว เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะติดกับต่อไปอีกดีไหม

ความรู้ที่ถูกปกป้องแบบนี้ มันดึงดูดใจเป็นอย่างมาก ก็เหมือนกับต้นฝิ่น เมื่อได้ลองครั้งนึงแล้วก็ยากที่จะเลิก

“มันผ่านไปแล้ว เชื่อฉันสิ” ลู่จิ้นยวนเข้าใจดีว่าเวินหนิงยังไม่แน่ใจ ดังนั้นเขาให้สัญญากับเธอโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เวินหนิงยิ้มกริ่ม ณ ตอนนี้ เธอไม่อยากคิดอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ไม่อยากคิดถึงตระกูลลู่ มู่เยียนหราน และอีกมากมายก่ายกอง เธอเพียงแค่อยากถลำลึกเข้าไปในเรื่องดี ๆ ที่ลู่จิ้นยวนมอบให้ แม้ว่าอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม

ลู่จิ้นยวนดูเหม่อลอยนิดหน่อย ในความทรงจำของเขาเวินหนิงยิ้มน้อยมาก หรืออาจจะเป็นเพราะมีเรื่องในใจเยอะเกินไป เธอมักจะขมวดคิ้วและเศร้าหมองอยู่เสมอ เขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าอายุแค่ยี่สิบสาม เป็นช่วงวัยที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย

“เธอยิ้มสวย จากนี้ไปยิ้มเยอะ ๆ หน่อย”

ลู่จิ้นยวนพูดจบ เขาค่อย ๆ ปัดผมที่กระจัดกระจายอยู่ข้างแก้มของเวินหนิงออก

เวินหนิงไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เธออิงอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่มอย่างเชื่อฟัง รับความอบอุ่นแบบนั้นที่ทำให้รู้สึกสงบจิตสงบใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “อ่อใช่ ยวี๋เฟยหมิง…เขายอมรับหรือยัง?”

เมื่อครู่ลู่จิ้นยวนบอกว่าจะไปหายวี๋เฟยหมิง แบบนั้นแล้วมีความคืบหน้าอะไรบ้างไหมนะ?

“…” ลู่จิ้นยวนคิดไม่ถึงว่าเธอจะถามเรื่องนี้ขึ้น “ยังต้องรอไปก่อน”

“เขาไม่ยอมพูดความจริงออกมา?” เวินหนิงกำหมัดแน่น ความโมโหแวบผ่านดวงตา

คนแบบยวี๋เฟยหมิง ทำให้ผู้อื่นเสียหายแต่ตนเองได้รับประโยชน์ ไม่เห็นคุณค่าชีวิตคนอื่น เขาจะพูดออกมาได้ยังไง นี่เป็นปัญหาจริง ๆ

“ฉันจะให้มันพูดออกมาให้ได้โดยเร็ว”

สำหรับยวี๋เฟยหมิงแล้ว ลู่จิ้นยวนเกลียดเขาอย่างเป็นที่สุด แต่ถ้าเขาไม่พูด ก็ไม่สามารถทรมานบังคับเขาจนต้องรับสารภาพได้ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วถึงเขาจะรับสารภาพแต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับเวินหนิงได้

“ฉัน…พรุ่งนี้พวกเราไปหาเขาด้วยกันได้ไหม?” เวินหนิงครุ่นคิด แล้วเอ่ยปากขึ้น

อย่างน้อยเธอก็อยากรู้ความคืบหน้าของเรื่องนี้

ลู่จิ้นยวนมองดูดวงตาที่จริงจังของเธอ ก็เข้าใจว่าเธอให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขนาดไหน “เธอพักฟื้นให้หายดี แล้วฉันจะพาเธอไป”

เมื่อได้ยินลู่จิ้นยวนรับปาก เวินหนิงสบายใจขึ้นเยอะ ชายหนุ่มทายาบนขาให้เธออย่างระมัดระวัง แล้วก็อุ้มเธอนอนลงบนเตียงใหญ่ของคนไข้

เวินหนิงพยักหน้า รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนไม่ได้มีท่าทีผิดปกติอะไร ความรู้สึกประหม่าก่อนหน้านี้ก็คลี่คลายลง ความง่วงค่อย ๆ ครอบงำ แล้วเข้าสู่ความฝันไปช้า ๆ

ลู่จิ้นยวนมองดูเธอที่หลับใหลอย่างสงบ เขาจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ใช่ที่ ผู้หญิงคนนี้นี่ยังไงกัน หลับเร็วขนาดนี้ ความระมัดระวังน้อยจนน่าสงสาร

แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร ทำได้เพียงรับชะตากรรมเดินเข้าห้องน้ำไป…

แสงอาทิตย์เช้าตรู่สาดส่องเข้ามาในห้อง เวินหนิงยืดเอวบิดขี้เกียจ ถึงรู้สึกได้ว่าข้างกายมีคนอยู่ เธอลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่จิ้นยวนที่กำลังหลับใหลอยู่

อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ชายหนุ่มทำงานเหนื่อยไปหน่อย ดวงตาของเขาหมองคล้ำมากขึ้น ดูท่าทางเหนื่อยล้ามาก จึงไม่ได้ปลุกเขา

เวินหนิงมองเขาอย่างเลื่อนลอย ไม่พูดไม่ได้ว่าสวรรค์ทรงโปรดลู่จิ้นยวนมากเกินไปจริง ๆ ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบบวกกับอวัยวะบนใบหน้าที่งดงามกว่าดารา แม้จะหลับตา ก็มีเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาไปได้

เวินหนิงมองไปมองมา จนใจลอยนิดหน่อย เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบไล้โครงหน้านั้น

ลู่จิ้นยวนถูกเธอสัมผัส เดิมดีเขารู้สึกตัวแล้ว เขาไม่ได้รีบลืมตาขึ้น แต่ปล่อยให้เวินหนิงลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างไม่เกรงใจ

เขาอยากดูว่าผู้หญิงคนนี้อยากทำอะไรกันแน่

แต่ว่าเวินหนิงลูบไล้อยู่ครู่หนึ่ง หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เธอทำอะไรอยู่เนี่ย ถึงได้ลูบไล้ใบหน้าของลู่จิ้นยวนในเวลานี้ มันน่า…

ความอับอายแวบผ่านในใจของเวินหนิง เธอกำลังจะดึงมือกลับ แต่กลับถูกชายหนุ่มจับเอาไว้ “ทำไม เช้าตรู่…จะยั่วยวนฉันเหรอ หือ?”

เวินหนิงคิดไม่ถึงว่าลู่จิ้นยวนจะตื่นเร็วขนาดนี้ อยากจะดึงมือกลับแต่สู้แรงชายหนุ่มไม่ไหว เธอไม่คิดจะสู้ต่อ จึงทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่องคุย “นายตื่นแล้วเหรอ ฉันจะลุกขึ้นแล้ว เดี๋ยวอยากจะกินอะไร?”

ลู่จินยวนเหล่ตามองเธอ แล้วดึงเธอกลับเข้ามาในอ้อมกอดของตนเอง “ถ้างั้นกินเธอได้ไหม?”

เวินหนิงถูกเขาล้อจนเลือดขึ้นสมอง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าลู่จิ้นยวนจะมีด้าน…ที่ชั่วร้ายขนาดนี้

ใครพูดว่าเทวดาห้ามมีกาม เป็นคำโกหกทั้งนั้น

“นายอย่าล้อเล่น…” เวินหนิงขัดขืน ตอนที่ลู่จิ้นยวนกำลังจะลงมือ จู่ ๆ เวินหนิงท้องร้องขึ้น

แก้มของเธอแดงระเรื่อไปหมดด้วยความอาย แต่ก็โทษเธอไม่ได้ เพราะว่าตั้งครรภ์อยู่ หลังจากผ่านการแพ้ท้องระยะแรกของการตั้งครรภ์ไปแล้ว ความอยากอาหารของเธอเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะ แถมหิวเร็วกว่าปกติ

ตอนนี้น่าจะเป็นอาการปกติ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกลู่จิ้นยวนได้ยินแบบนี้ ภาพลักษณ์ของเธอหายไปหมดแล้ว

ลู่จิ้นยวนกลั้นหัวเราะไม่ไหว เพียงแต่อาการแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขายหน้า แต่กลับรู้สึกว่าน่ารักมากขึ้น

“ดูท่าแล้วเธอไม่ได้พูดมั่ว แต่เธอหิวจริง ๆ”

เวินหนิงขายหน้าเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะพูดอะไรดี ลู่จิ้นยวนไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจอีก ในเมื่อตอนนี้เธอต้องการสารอาหาร เขาลุกขึ้นนั่ง “เปลี่ยนชุด ไปกินข้าวกัน”

เวินหนิงพยักหน้า เปลี่ยนชุดเสร็จก็ไปกินข้าวเช้ากับลู่จิ้นยวน ผ่านการพักผ่อนหนึ่งวัน ความปวดร้าวบนตัวลดลงไม่น้อย

“นายไปบริษัทเถอะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่เป็นอะไร มีคุณน้าพยาบาลอยู่ดูแลฉัน”

หลังจากทานข้าวเช้ากับลู่จิ้นยวนเสร็จ เวินหนิงใช้ให้เขาไปทำงานอย่างเอาใจใส่ แล้วตนเองก็กลับไปห้องพักคนไข้

ลู่จิ้นยวนไม่ได้รีบร้อนกลับบริษัท ในตอนนี้เขามีเรื่องหนึ่งที่จะต้องจัดการก่อน

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset