บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 247 แกคิดว่าฉันคิดแบบนั้นหรือ

นายท่านลู่พูดออกมาอย่างเรียบง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจความท้าทายที่มิอาจโต้แย้งได้

ลู่จิ้นยวนขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน ดูท่าแล้วท่านปู่จะตัดสินใจแน่วแน่ไม่ให้เขาหนีไป ถึงขนาดที่ว่าไปหาคนมาเพื่อใช้วิธีจัดการกับเขาด้วยกำลัง

เขาจึงทำได้เพียงแสร้งทำตัวตามน้ำไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นกลับไปแล้วค่อยคิดดูใหม่อีกที

“ผม………เข้าใจแล้วครับ”

ลู่จิ้นยวนเปิดปากขึ้นพูด ริมฝีปากบางของเขาขยับพูดขึ้นอย่างยากลำบาก มู่เยียนหรานจึงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “จิ้นยวน คุณกลับไปถึงแล้วก็พักผ่อนสักหน่อยเถอะ ฉันเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับไว้ให้คุณแล้ว มีคนมาร่วมไม่เยอะหรอก แล้วก็พอดีเลยกับที่……..คุณจะได้พบคุณพ่อกับคุณแม่ของฉันแล้ว”

ลู่จิ้นยวนฟังที่มู่เยียนหรายเอ่ย ในใจก็มีความรู้สึกลำบากที่พูดไม่ออกขึ้นมา “เข้าใจแล้ว ฉันเหนื่อยมากขอพักก่อนแล้วกันนะ”

ทันใดนั้นเขาก็หลับตาลง และเริ่มพักผ่อนด้วยการหลับตาลงไปทั้งแบบนั้น ทำสีหน้าเย็นชาใส่ให้มู่เยียนหรานอย่างไม่มีแม้แต่ความเกรงใจให้สักนิดเดียว

มู่เยียนหรานรู้สึกว่าตัวเธอนั้นถ่อมตนจนลงไปติดแทบผืนดินแล้ว

ปกติแล้วคนอื่นมักจะเชิดชูเธอ ทำเสมือนราวกับว่าเธอเป็นดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าแล้วกราบไว้สรรเสริญ แต่เมื่อมาอยู่กับลู่จิ้นยวนแล้ว เธอกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าเคารพนั้นเขียนอย่างไร เพราะในเมื่อการหมั้นนั้นก็เป็นตัวเธอเองที่เป็นฝ่ายร้องขอมาจนแทบจะฉีกทึ้งใบหน้าตัวเอง

ในสายตาของมู่เยียนหรานนั้นปรากฏความรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมา เธอไม่ยอมที่จะให้สถานการณ์แบบนี้ยืดเยื้อคงอยู่ไปเป็นเวลานานได้หรอก เธอจะรอวันที่จิ้นยวนตกหลุมรักเธอเข้าอีกครั้ง

“งั้นคุณก็พักผ่อนให้สบายนะคะ คนขับรถขับให้ช้าลงหน่อย”

อดกลั้นฝืนยิ้มออกมา มู่เยียนหรานกำชับด้วยความระมัดระวัง นายท่านลู่พยักหน้าพึงพอใจกับการกระทำของเธอเป็นอย่างมาก มีคนที่ดีแบบนี้มาคอยดูแลลู่จิ้นยวน ต่อให้เขาหลับตาลงไปก็สบายใจลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหนีออกไปได้เป็นการชั่วคราว ลู่จิ้นยวนจึงหลับตาลง แต่เขาก็ไม่อาจที่จะหลับลงได้ เพียงแค่เขาปิดเปลือกตาลงมา เขาก็เห็นภาพเวินหนิงที่มีเลือดท่วมอยู่ตรงหน้า

ไร้สิ้นซึ่งความหวังเช่นนั้น ไร้ความช่วยเหลือแบบนั้น ถ้าหากว่าเขาไม่ไปช่วย แล้วจะมีใครที่สามารถไปช่วยเธฮได้กัน……….

ลู่จิ้นยวนเผลอกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว เขาต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เวินหนิง และจะต้องตามกลับมาโดยเร็วที่สุด

ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของลู่จิ้นยวนก็ดังขึ้น หลังจากที่คนพวกนั้นไปตรวจสอบที่พักของเวินหนิงแล้ว พบว่าตัวเธอนั้นได้หายตัวไปแล้ว อีกทั้งคนที่ก่อเหตุนี้ยังรอบคอบมาก ถึงขนาดที่ว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรที่เด่นชัดไว้เลย

ใช้ประโยชน์จากข้อผิดพลาดของพวกเขาอย่างที่แม้แต่เทพเทวดาหรือภูติผีก็ไม่อาจรู้ แล้วมาลักพาตัวออกไปได้

“คุณลู่ครับ คุณหนูเวินถูกลักพาตัวไปแน่นอนครับ พวกเราจะรีบออกตามหาทันที ชดใช้ความผิดพลาดในครั้งนี้ที่ได้เกิดขึ้นไป”

ลู่จิ้นยวนรีบลืมตาขึ้นอ่านข้อความนั้นทันที ใบหน้าที่งดงามราวกับถูกแกะสลักอย่างประณีตก็ราวกับถูกเคลือบไปด้วยชั้นน้ำแข็งอันเย็นเยือก

ที่แท้แล้วความฝันเขาก็ไม่ได้เสียเปล่า แต่เป็นลางบอกเหตุ ลางที่บอกว่าเวินหนิงกำลังเจอกับอันตรายเข้าแล้วจริงๆ

มือที่กำแน่นของฝ่ายชายนั้นอดไม่ได้ที่จะทุบลงไปที่เบาะที่นั่ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาที่ได้เตรียมการเอาไว้มากมาย คิดวางแผนอย่างรอบคอบเสียร้อยตลบแต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้ ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเวินหนิง เขาจะต้องรีดเลือดออกมาจากคนพวกนั้นมาเป็นค่าตอบแทนที่ไม่ทำงานทำการละเลยหน้าที่

มู่เยียนหรานตกใจกับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวของเขา ดูสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของเขา ในใจก็พลันรู้สึกเป็นกังวลตามขึ้นมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน โดยปกติแล้วจะเป็นการยากมากที่จะได้เห็นลู่จิ้นยวนแสดงอารมณ์แบบนี้ออกมาให้เห็น หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรเข้าแล้วจริงๆ

ลู่จิ้นยวนรีบส่งข้อความไปให้อันเฉินโดยทันที ให้เขารีบกลับต่างประเทศไปเสีย แม้ว่าคนที่จ้างมาพวกนั้นจะพูดว่าจะชดใช้ความผิดที่ได้เกิดขึ้นอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ในสายตาของเขา คนพวกนั้นไม่คุ้มค่าที่จะได้รับความเชื่อถือเสียด้วยซ้ำ

อันเฉินได้รับข้อความที่สั้นและกระชับมาก ถึงขนาดที่ว่าไม่ได้บอกว่าให้เขาไปทำอะไรที่นั่น แต่อยู่กับลู่จิ้นยวนมาแล้วหลายปี เขาเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของลู่จิ้นยวน คนคนนั้นไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มีเหตุผลโดยเด็ดขาด ดังนั้นจึงรีบซื้อตั๋วเครื่องบินที่เป็นเที่ยวบินเร็วที่สุดไปต่างประเทศโดยทันที

“จิ้นยวน………..นี่คุณ…….” มู่เยียนหรานมองดูสีหน้าที่เคร่งขรึมของลู่จิ้นยวน เธอคิดที่จะเอาใจใส่เขาด้วยความระมัดระวัง แต่ฝ่ายชายก็ทำเพียงส่งสายตาเย็นเยือกกลับมาให้เธอ

ในใจลึกๆ พลันเกิดความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมา หลายวันที่ผ่านมานี้ เธอได้ละทิ้งซึ่งความหยิ่งยโสโอหังทั้งหมดของเธอลงไป พยายามเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ตัวเองให้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ที่ตระกูลลู่จะโปรดปราน แต่ว่าเดิมทีลู่จิ้นยวนก็ไม่เห็นคุณค่าในตัวเธออยู่แล้ว

“จิ้นยวน คุณ……..ไม่เห็นด้วยที่จะหมั้นกับฉันหรือเปล่า”

น้ำเสียงของมู่เยียนหรานมีความเศร้าโศกปนสะอื้นเจือมาด้วย ตั้งใจพูดออกมาเสียงดัง เพื่อให้นายท่านลู่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ

ลู่จิ้นยวนก็มีความรู้สึกรำคาญใจแต่แรกอยู่แล้ว เห็นมู่เยียนหรานที่ทำตัวไม่ได้รับความชอบธรรมอย่างน่าสมเพชก็ไม่มีอารมณ์ที่คิดจะปลอบประโลมเธอแต่อย่างใด “ถ้าฉันบอกว่าใช่ เธอจะยอมเห็นด้วยไม่หมั้นกันไหมล่ะ”

มู่เยียนหรานหน้าซีดเผือดลงไปในทันที นายท่านลู่โกรธขึ้งมากเสียจนยื่นมือมาจากข้างหน้าคิดที่จะจัดการลู่จิ้นยวนเสียหนึ่งฝ่ามือ

เรื่องที่ตอนนี้ตระกูลลู่และตระกูลมู่จะเกี่ยวดองเป็นเนื้อทองแผ่นเดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วทั้งเมืองเสียตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะดูมันเกิดขึ้น แล้วเขากลับมาพูดเช่นนี้ขึ้นในช่วงเวลานี้ ไม่แน่ใจว่าจิตวิปริตไปแล้วหรืออย่างไร

นายท่านลู่โมโหจนเกินขีดสุด ดูท่าทีที่ผิดแปลกจนสังเกตเห็นได้ชัดของลู่จิ้นยวนแล้ว ก็ราวกับว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา

ไม่กี่วันมานี้ เย่หวานจิ้งออกไปจัดการปัญหาเรื่องของเวินหนิงกับเด็กที่อยู่ในท้องของเธอ เพราะฉะนั้นแล้วลู่จิ้นยวนถึงได้ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้อย่างงั้นหรือ

เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดกังวลเรื่องของบริษัทอะไรหรอก แต่กำลังคิดถึงเวินหนิงแม่หนูคนนั้นอยู่……….

“เยียนหราน หนูกลับไปก่อนนะ ขอคุยอะไรกับเขาหน่อย”

นายท่านลู่ลงมาจากรถ ลู่จิ้นยวนก็ตามลงมาอย่างนิ่งขรึม เมื่อสักครู่นั้นมู่เยียนหรานไม่พอใจอยู่เล็กๆ จึงเผลอใจร้อนปากไว แต่เธออดรนทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น อีกทั้งลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้ไว้หน้าเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้าคิดที่จะยกเลิกการหมั้นขึ้นมาจริงๆ งั้นเธอก็คงต้องน้ำตาตกในเป็นแน่

ความจริงแล้วนั้นเป็นเพราะว่าในช่วงเวลานี้เธอก็ได้ยุ่งอยู่กับการคอยประจบคนบรรดาตระกูลลู่มาโดยตลอด ทำให้เธอไม่ได้แตะเรื่องงานมาสักพักแล้ว แต่ว่านายท่านลู่นั้นเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยชอบเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นจึงเตรียมการไว้ให้เธออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ตัวแทนผู้ประกาศก็แทบจนรับมาจนมือไม้อ่อนไม่ไหวแล้ว รสชาตินี้ที่ได้ลิ้มชิมรสไปแม้เพียงครั้งเดียว ก็จะทำให้คนนั้นกระสันอยากจะได้ลิ้มรสอีกครา อำนาจของตระกูลลู่ สามารถที่จะคอยพยุงโอบอุ้มเธอขึ้นไปอยู่อยู่เหนือฟ้าได้อย่างง่ายดาย ไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้กับตระกูลมู่ในตอนนี้เลย

ดังนั้นเธอจะต้องคว้าตระกูลลู่เอาไว้ให้อยู่หมัด ไม่ว่าจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

“ฉัน……ขอโทษ เมื่อกี้ฉันพูดผิดไปแล้ว”

มู่เยียนหรานพูดออกมาอย่างที่รู้สึกว่าตนนั้นก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม นายท่านลู่พยักหน้าให้คนขับรถออกรถไปเสีย

ลู่จิ้นยวนไม่ได้เปิดปากพูดอะไร เพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมองพื้น นายท่านลู่ที่เห็นท่าทีที่ดูเย็นชาของเขาก็เริ่มมีน้ำโห ง้างแขนออกแล้วฟาดลงไปที่เขาหนึ่งฝ่ามือ “เมื่อกี้ที่แกพูดออกไปมันหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้ตระกูลลู่ได้ประกาศเรื่องทั้งหมดออกไปหมดแล้ว แกคิดว่าเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องระหว่างพวกแกสองคนอยู่อีกงั้นเหรอ ความสัมพันธ์นี้มันเป็นชื่อเสียงของทั้งสองตระกูลต่างหาก! ”

ลู่จิ้นยวนมองผู้สูงวัยที่อยู่เบื้องหน้า แม้ว่าผมเผ้าจะได้กลายเป็นสีดอกเลาทั้งหมดแล้ว แต่อารมณ์ของท่านปู่ยังคงรุนแรงดุดัน แม้ว่าจะเป็นเขาก็ไม่อาจจะปล่อยไปได้โดยง่าย “ท่านปู่ หรือว่าในใจของท่านปู่จะมีแต่ตระกูล จะมีแต่เรื่องผลประโยชน์และชื่อเสียงเกียรติยศ ตอนที่ท่านปู่ใช้อาการป่วยของคุณแม่เวินหนิงที่นอนเป็นอัมพาตมาขมขู่ผม หรือว่าจะไม่สะเทือนใจเลยแม้แต่น้อยครับ”

“ที่คุณแม่ของเวินหนิงเป็นเช่นนี้นั้น พวกเราตระกูลลู่เองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความผิดหลัก หรือว่าท่านไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดอย่างงั้นเหรอครับ”

“แกทำแบบนี้กับฉันไปเพื่อใคร แกคิดว่าฉันคิดแบบนั้นหรือ”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset