บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 253 รู้ว่าเวินหนิงอยู่ที่ไหนแล้ว

เห็นว่าไป๋หลินยวี่พยายามดิ้นรนจะคุกเข่าให้ หลินซือเฉินก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย “ถึงแม้คุณจะคุกเข่าขอร้องผมก็ไม่มีประโยชน์ ผมก็แค่รับคำสั่งของคนอื่นมา สิ่งเดียวที่คุณทำได้ตอนนี้ก็คือ ให้ความร่วมมือในการรักษาและอย่าทำให้ความลำบากของเวินหนิงสูญเปล่า”

“ตระกูลลู่……ทำไมตระกูลลู่ถึงใจร้ายขนาดนี้ ทำไมถึงทำแบบนั้นกับลูกสาวฉัน?”

ไป๋หลินยวี่เข้าใจ ถึงแม้ท่านจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ แล้วตัวก็ล้มลงไปบนเตียง น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ท่านโทษตัวเอง ทำไมตัวเองต้องนอนติดเตียงด้วย ตอนนั้นท่านยอมให้โรคกำเริบแล้วตายไปดีกว่า ก็ไม่ต้องเป็นตัวถ่วงเวินหนิงแบบนี้

ตอนนี้ ลูกสาวของท่านอยู่ที่ไหน? ตระกูลลู่จะทำเรื่องที่เกินเลยกับเธอหรือเปล่า ไป๋หลินยวี่ถูกความคิดแบบนี้รุมเร้า ตาทั้งสองข้างก็แดงมากด้วย จนเกือบจะเสียสติไป

หลินซือเฉินมองไปที่ท่าน แล้วรีบเรียกคุณหมอมาฉีดยา ให้ท่านนอนหลับไป

เป็นนักฆ่าที่ตระกูลหลินเลี้ยงดูมาอย่างดี แล้วเผชิญหน้ากับความเป็นความตายในโรงพยาบาลมาเยอะ ก็ทำให้ใจของเขาเฉยชาไปแล้ว พอเห็นท่าทางไป๋หลินยวี่แบบนี้ หลินซือเฉินก็ไม่รู้สึกอะไรเลย แต่กลับรู้สึกไม่เข้าใจด้วยซ้ำ

ทั้งๆที่แค่ยอมทำตามคำสั่งก็พอ แต่กลับดิ้นรนเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังไว้ในกรง ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าต่อต้านก็จะนำพาความเจ็บปวดมาเยอะกว่าเดิม แล้วทำไมทั้งสองแม่ลูกก็ยังไม่เข้าใจอีก?

หลินซือเฉินมองไปที่ไป๋หลินยวี่ “พวกคุณดูแลเธอให้ดี ห้ามให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด ถ้าตื่นมาแล้วอารมณ์ก็ยังไม่คงที่ ก็ฉีดยาต่อ แล้วให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทางสายน้ำเกลือ”

เอ่ยสั่งอย่างเยือกเย็นเสร็จ หลินซือเฉินก็ออกไปจากโรงพยาบาล

เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่รู้เหตุผล แค่หวังว่าเรื่องงานหมั้นของทั้งสองตระกูลจะรีบผ่านไปสักที เขาก็ไม่ต้องทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก

……

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันหมั้นของทั้งระหว่างตระกูลลู่กับตระกูลมู่ก็มาถึง

เพื่องานหมั้นครั้งนี้ ทั้งสองตระกูลทุ่มเทมาก ทั้งเชิญคนที่มีหน้าตามีที่เสียงมาเยอะแยะ แล้วยังติดต่อสำนักข่าวต่างๆด้วย พวกเขาอยากจะทำให้งานหมั้นครั้งนี้เป็นข่าวที่โด่งดังที่สุด

ลู่จิ้นยวนตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่รีบเปลี่ยนชุด แต่กลับเหม่อมองชุดที่สั่งตัดโดยเฉพาะไปอย่างนั้น

เขากำลังทำอะไร ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเวินหนิงอยู่ที่ไหน แต่เขากลับต้องฝืนยิ้มแล้วหมั้นกับมู่เยียนหราน

ไม่ควรเป็นแบบนี้เลย……

ลู่จิ้นยวนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แล้วขว้างแจกันบนโต๊ะลงมาที่พื้น จนทำให้เกิดเสียงดังที่แสบหู

เย่หวานจิ้งกำลังลองชุดอยู่ พอได้ยินเสียงก็รีบมาหาทันที เห็นว่าลู่จิ้นยวนยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที

“จิ้นยวน ทำไมแกยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า แขกเยอะแยะยังรอแกอยู่ อารมณ์ไม่ดีก็อย่ามาระบายอารมณ์ตอนนี้”

เย่หวานจิ้งหยิบเสื้อผ้ามาให้เขา “อันเฉินเข้ามาดูแลคุณชาย แล้วให้คุณชายรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”

รู้ว่าคนที่ลู่จิ้นยวนเชื่อใจที่สุดเป็นอันเฉิน เพราะฉะนั้นเย่หวานจิ้งก็จงใจเรียกเขากลับมาด้วย

“อันเฉิน?”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วแน่น มองอันเฉินเดินมาต่อหน้า รอจนเย่หวานจิ้งออกไปค่อยเอ่ยถาม “นายกลับมาได้ยังไง ฉันให้นายตามหาตัวเวินหนิงที่ต่างประเทศไม่ใช่หรอ?”

อันเฉินมองไปที่ลู่จิ้นยวนด้วยความสงสัย “บอสครับ ผมรายงานกับคุณแล้ว แต่คุณบอกว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้เองไม่ใช่หรอครับ?”

ทีแรกอันเฉินยังรอคำสั่งอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ว่ารอไปนานมากลู่จิ้นยวนก็ไม่ได้สั่งอะไร แล้วงานหมั้นก็ดำเนินไปตามกำหนด เขาก็คิดว่าลู่จิ้นยวนตัดสินใจที่จะปล่อยเวินหนิงแล้ว ไม่อยากทะเลาะกับผู้ใหญ่ในตระกูลเพื่อเธออีก

ในเมื่อลู่จิ้นยวนตัดสินใจแบบนี้แล้ว อันเฉินก็จะไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก เพราะยังไง เขาก็เป็นคนนอก ถึงแม้จะรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ของเวินหนิง แต่ก็ยังไม่มีปัญญาพอที่จะยุ่งเรื่องของตระกูลลู่

“รายงาน?” ลู่จิ้นยวนนึกถึงอะไรได้ “นายรายงานอะไร? เอามาให้ฉัน!”

อันเฉินดูหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างมึนงง ข้อความนั้นเขายังไม่ได้ลบ ยังเก็บไว้อยู่

ลู่จิ้นยวนมองเห็นตัวหนังสือบนนั้น สีหน้าก็เยือกเย็นทันที “ใครกันแน่?”

พออันเฉินเห็นสีหน้าของลู่จิ้นยวน ก็มีลางสังหรณ์อะไรไม่ดีบางอย่างในใจ หรือว่าบอสไม่ได้รับข้อความที่เขาส่งมา ก็เลยแสดงปฏิกิริยาแบบนี้

แต่ว่า สถานการณ์ตอนนี้ เขาจะเอ่ยพูดอะไรได้อีก?

ตอนนี้สำนักข่าวทั้งเมืองมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดเรื่องอะไรก็จะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่นอน

เพราะฉะนั้น อันเฉินก็เลยปิดปากเงียบ “ขอโทษครับบอส ผม……พูดไม่ได้”

เส้นเลือดลู่จิ้นยวนกระตุก ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ไปสืบว่าใครเป็นคนพิมพ์ตอบข้อความตอบ เขาแค่อยากรู้ว่าเวินหนิงอยู่ที่ไหน อยากรู้ว่าเธอสบายดีหรือเปล่า

“อันเฉิน! พูด!”

ลู่จิ้นยวนจับคอเสื้อของอันเฉิน แล้วกดดันเขา จนทำให้อันเฉินรู้สึกกลัว

เขาไม่เคยเห็นท่าทางที่โมโหของลู่จิ้นยวนขนาดนี้เลย เหมือนสัตว์ป่าที่ถูกกระตุกต่อมอารมณ์

สถานการณ์ในห้อง ทำให้เย่หวานจิ้งที่รออยู่ข้างนอกรู้สึกไม่สบายใจ ท่านเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นว่าลู่จิ้นยวนกำลังดึงคอเสื้อของอันเฉินไว้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็นแล้วก็โมโห

ท่าทางแบบนั้น ท่านที่เป็นคุณแม่ก็รู้สึกตกใจไปด้วย “จิ้นยวน แกเป็นอะไร? มาถึงขั้นนี้แล้ว แกยังอยากจะทำอะไรอีก?”

เห็นว่าเย่หวานจิ้งเดินเข้ามา อันเฉินก็รู้สึกว่ารอดแล้ว ท่าทางที่เขาโล่งอกก็ทำให้ลู่จิ้นยวนเข้าใจอะไรบางอย่าง

อันเฉินเป็นมือขวาที่เขาไว้ใจมาก ไม่ต้องสงสัยเรื่องความจงรักพรรคดี แต่คนที่ทำให้เขาไม่กล้าพูดแบบนี้ นอกจากตระกูลลู่ ก็ไม่มีคนอื่นอีก!

“ตระกูลลู่?”

ลู่จิ้นยวนเคยนึกถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง ไม่ใช่ว่าไม่เคยสงสัยว่าเป็นตระกูลลู่ที่จับตัวเวินหนิงไป แต่ก็ไม่เคยคิดลึกเลย

ในสายตาเขา ไม่ว่าตระกูลลู่จะทำอะไร ก็คงจะไม่ใช้วิธีแบบนี้กับผู้หญิงที่กำลังท้องอยู่

“……”

ในตาอันเฉินมีประกายความหวัง แต่เขาก็พยายามกลบเกลื่อนไว้ แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นสายตาของลู่จิ้นยวน

“ถึงว่าล่ะ……”

ลู่จิ้นยวนปล่อยมือ อันเฉินถูกเขาผลักจนถอยหลังไปหลายก้าว แล้วหายใจเสียงดัง เย่หวานจิ้งค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

หรือว่า ลู่จิ้นยวนรู้ที่เวินหนิงหายตัวไปเป็นเพราะท่านเป็นคนทำแล้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หวานจิ้งไม่เปลี่ยนแปลงเลย ก็ยังดูสวยเหมือนเดิม “แกรู้แล้ว?”

“อันเฉิน นายออกไป”

สีหน้าลู่จิ้นยวนเยือกเย็น แล้วมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาที่เขาไม่เคยใช้มองท่านมาก่อน

เย่หวานจิ้งเป็นคนที่เขาให้เกียรติมากที่สุด เพราะว่าคุณพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็กแล้ว คุณแม่ตัวคนเดียวก็สามารถเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมาในตระกูลแบบนี้ได้ ในสายตาเขา คุณแม่เป็นผู้หญิงที่สูงส่งที่สุดในโลก

แต่การกระทำของท่าน ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังมาก

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset