บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 364 บทลงโทษที่น่าสยดสยอง

โม่เทียนยวี๋ลูบคอตรงบริเวณที่เปียกและรู้สึกเจ็บแปลบๆ พอดึงมือกลับมาดู สีแดงสดกำลังดึงดูดสายตาของเขา

ในวินาทีนี้ เขานั้นไม่สงสัยเลยสักนิด ถ้าเกิดว่าเมื่อกี้ตัวเองไม่หลบ กระเบื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ทิ่มมาที่ด้านหลังศีรษะ จะต้องเนื้อเปิดแน่ๆ พอรู้ตัวว่าโม่ฉีจื้อไม่ได้แค่พูดๆไปเท่านั้น เขาก็กลัวขึ้นมาสุดขีด

“อา คุณอา ผมผิดไปแล้ว ผมผิดเองทั้งหมด ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ ผมรับรอง ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว”

ถ้าเกิดว่าโม่โยวอยู่ด้วยล่ะก็ เห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าปอดแหกขนาดนี้ จะต้องตกใจมากแน่ๆ

สีหน้าของโม่ฉีจื้อเย็นชาสุดๆ “ครั้งหน้า? แกคิดว่ายังมีโอกาสอีกอย่างนั้นเหรอ?”

“มีโอกาสครับ คุณอา เชื่อผมสิครับ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เวลาห้าปีมานี้ ผมทำดีต่อโม่โยวตลอด ถึงขนาดที่ว่า ก่อนที่ลู่จิ้นยวนจะโผล่มา โม่โยวก็พึ่งผมมาตลอด”

“ผมเชื่อ ขอแค่ให้เวลาผมสักหน่อย ผมรับรอง ผมจะทำให้โม่โยวเป็นเหมือนเมื่อก่อนให้ได้ จริงนะครับ คุณอา ขอร้อง ให่โอกาสผมอีกครั้งนะครับ”

โม่ฉีจื้อทำเสียงไม่พอใจ มองเขาอยู่นานสองนานแต่ว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนที่โม่เทียนยวี๋คิดว่าคงไม่มีหวังแล้ว ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก

“ถ้าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นฉันก็จะให้โอดาสแกอีกครั้ง จำเอาไว้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดว่าแกทำไม่ได้ตามที่รับปากเอาไว้ อย่างนั้น ตระกูลโม่ไม่เก็บขยะเอาไว้ แกต้องไสหัวออกไปจากตระกูลโม่ หึ”

โม่เทียนยวี๋เบิกตาออกกว้าง มองเขาอย่างเหลือเชื่อ

“คุณอา ท่าน……”

อะไรคือความหมายของคำว่าไสหัวออกไปจากตระกูลลู่ ใช่ความหมายเดียวกันกับที่เขาคิดหรือเปล่า? โม่เทียนยวี๋มองดวงตาคู่นั้นของโม่ฉีจื้อ ใจก็ฝ่อขึ้นมา เริ่มเกรงกลัวอีกแล้ว

ในตอนนี้เขาตกใจจนแทบจะสิ้น ยังไง๊ยังไงก็คิดไม่ถึง เรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้ เขายิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า คุณอาของตัวเองคนนี้ เพื่อคนนอกแล้วกล้าที่จะใจร้ายใจดำได้ถึงขั้นนี้

ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นลูกหลานสายเลือกของตระกูลโม่ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ก็เป็นคุณชายที่ของตระกูลโม่ ตอนนี้ชะตาในตอนสุดท้ายเขานั้นจะโดนไล่ออกจากตระกูลโม่หรือไม่ กลับต้องพึ่งผู้หญิงคนหนึ่งมาตัดสิน? ช่างน่าขบขันเสียจริง

เขายิ้มเจื่อนๆ แต่ยังไงก็ขำไม่ออกอยู่ดี ไม่ใช่เพียงเท่านี้ แม้แต่ความไม่พอใจแค่เล็กน้อยก็ไม่กล้าจะแสดงออกมาบนใบหน้า

แต่ก่อน เขามักจะคิดแค่เพียงว่าต่อให้ได้แต่งหรือไม่ได้แต่งกับผู้หญิงคนนี้ ก็เกี่ยวพันแค่ผลประโยชน์ในอนาคตของเขาก็แค่นั้น ตอนนี้ดูไปแล้ว ตัวเองนั้นจะคิดน้อยเกินไป

ถ้าเกิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจของโม่โยวได้ เขาที่เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลโม่ ก็จะกลายเป็นคนตัวเปล่า

สำหรับโม่เทียนยวี๋คำสี่คำ เป็นเหมือนกับฝันร้ายที่น่าหวาดกลัวที่สุด เขาในวินาทีนี้ ไม่แม้แต่จะกล้าที่จะคิดเรื่องเจ้าเล่ห์เพทุบายอะไรอีกแล้ว ในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า จะเอาตัวโม่โยวกลับมายังไงดี

สำหรับเรื่องทั้งหมดพวกนี้ โม่โยวที่เป็นคนที่อยู่ในเรื่อง กลับไม่รู้ตัวเลย

ตั้งแต่ที่ชื่อเสียงที่เสียจากการลอกผลงานของเธอถูกกอบกู้กลับมา ลู่จิ้นยวนก็เลื่อขั้นให้เธออีกหนึ่งขั้น จากตอนแรกที่เป็นแค่เพียงดีไซน์เนอร์ธรรมดาๆ

ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เธอนั้นต้องรับผิดชอบดูแลงานออกแบบทั้งหมดของแผนกB

ถึงแม้ว่าจะตกจากแผนกAลงมาแผนกB แต่ว่าหน้าที่งานได้เลื่อนขั้นไปเป็นผู้ดูแล อยู่ในขอบเขตของการเลื่อนตำแหน่งงานแต่ที่จริงแล้วถูกลดขั้น แถม ตั้งแต่ที่เรื่องลอกงานออกแบบนั้นจบลง คนในบริษัทก็มองการปกป้องของลู่จิ้นยวนที่มีต่อโม่โยวใหม่

ดังนั้น ตอนนี้ที่บริษัทตระกูลลู่ ถ้าไม่ใช่คนที่หูหนวกตาบอด ล้วนไม่มีใครกล้าที่จะมาหาเรื่องโม่โยว ยังเกรงใจเธอมากด้วย

……

หลังจากที่โม่โยวเลิกงาน กลับมาถึงระแวกของอาพาร์ทเม้นท์ที่เธออาศัยอยู่ ยังไม่ทันที่จะถึงประตูอาพาร์ทเม้นท์ เงาของใครคนหนึ่งก็โผล่ออกมา ทำเอาเธอตกใจ

“เสี่ยวโยว……”

เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นโม่เทียนยวี๋ ชะงักไปแป๊บหนึ่งจากนั้นก็กลับาเป็นปกติ “เทียนยวี๋? คุณมาได้ยังไงคะ มาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

ต่อให้ก่อนหน้านี้ความรู้สึกภายในใจของเธอที่มีต่อโม่เทียนยวี๋จะเป็นอย่างนั้น ต่อให้แค่เล็กน้อย เธอนั้นรู้ตัวดี

ตั้งแต่ในตอนที่เห็นว่าในตอนที่อยู่กับลูกชายตัวเองสองคนเขานั้นทำยังไงต่อลูกตัวเอง บวกกับในตอนก่อนหน้า ถึงได้รู้ว่าตกลงแล้วเขานั้นเป็นคนแบบไหน ระหว่างเธอกับโม่เทียนยวี๋ก็ไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว

แต่นอกจากเรื่องนี้ ห้าปีมานี้ที่เธอสูญเสียความทรงจำไป ที่จริงแล้วโม่เทียนยวี๋ช่วยเหลือเธออยู่ตลอด ปฏิบัติกับเธออย่างดี เรื่องนี้ไม่สามารถที่จะปฎิเสธได้ อีกอย่าง ความทราบซึ้งนี้ เธอไม่มีทางลืม

ดังนั้น ทั้งสองคนไม่มีทางที่จะเป็นคนรักได้ ถ้าเกิดได้ ก็เป็นได้เพียงแค่เพื่อนทั่วๆไปเท่านั้น

แน่นอน ถ้าเกิดว่าโม่เทียนยวี๋มีสิ่งที่ต้องการให้ตัวเอช่วยเหลือ ภายในขอบเขตที่เธอสามารถทำได้ เธอจะต้องช่วยแน่นอน

แต่โม่เทียนยวี๋ไม่ได้คิดแบบนี้

หลังจากที่เผชิญกับเรื่องของถังหว่านเอ๋อร์ ถ้าเกิดว่าโม่โยวเจอเขาแล้วยังคงโกรธ อย่างน้อยๆแสดงออกมาว่าภายในใจของเธอนั้นยังพอที่ของเขาอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายกลับพูดตอบกลับมาแบบผ่านๆไป เหมือนกับว่ากำลังทักทายกับเพื่อนสนิทอย่างไรอย่างนั้น ทำให้โม่เทียนยวี๋มีความรู้สึกของเค้าลางไม่ดีขึ้นมา

“เสี่ยวโยว ผมอยากคุยกับคุณให้ดีๆ ได้ไหม?” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามที่จะเก็บความว้าวุ่นภายในใจเอาไว้ อารมณ์ห่อเหี่ยว แววตาหดหู่

โม่โยวเม้มปากแล้วคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ตกลง ไม่ว่ายังไง ในใจของเธอก็มีสิ่งที่คิดไว้แล้ว ก็ควรที่จะคุยกับโม่เทียนยวี๋เสียหน่อย ยังไงเสีย ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ควรมีเริ่มมีจบ

โม่เทียนยวี๋ที่ไม่รู้ความคิดที่แท้จริงในใจของเธอ เห็นว่าเธอตกลง ก็แอบดีใจ

ในร้านคาเฟ่ที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งสองคนสั่งกาแฟของตนเอง จากนั้นก็นั่งอยู่ด้านตรงข้ามกัน

ส่วนคนที่คอยติดตามโม่โยวอยู่ตลอด ออกมาจากที่ลับ แล้วมานั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังของทั้งสองคน รายงานเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนคุยกัน พยายามถ่ายวิดีโออย่างสุดความสามารถ แล้วส่งไปให้ลู่จิ้นยวน

บนชั้นสูงสุดของบริษัทตระกูลลู่

ในมือของอันเฉินถือไอแพดแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน “บอส ทางด้านของคุณหนูโม่นั้นมีเรื่องเกิดขึ้น คุณลองดูสิครับ”

ลู่จิ้นยวนรับไอแพดไป เห็นโม่เทียนยวี๋ที่อยู่ในจอ หัวคิ้วขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ปรับระดับเสียงให้ดังขึ้น แล้วแอบดูอยู่เงียบๆ

คนที่อยู่ภายในคาเฟ่ทั้งสอง แน่นอนว่าไม่รู้เรื่องทั้งหมดพวกนี้

“เสี่ยวโยว เกี่ยวกับเรื่องของถังหว่านเอ๋อร์ ผมรู้ว่าคุณจะต้องยังโทษผมแน่ๆ ใช่ ผมยอมรับ เรื่องๆนี้เป็นความผิดของผมทั้งหมด”

“ผมไม่ควรจะโกหกคุณ ไม่ควรที่จะไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกในห้าปีที่ผ่านมาของพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ควรที่จะขาดสติ โดนถังหว่านเอ๋อร์หลอกให้ลุ่มหลง สุดท้ายก็เลยกลายเป็นการทำร้ายคุณ”

“เสี่ยวโยว ยังดี ยังดีที่สุดท้ายคุณไม่เป็นไร มิฉะนั้น ผมคงไม่มีทางยกโทษให้ตัวเอง”

ในห้องทำงานของลู่จิ้นยวน เพราะว่าเสียงถูกปรับให้ค่อนข้างดัง ในห้องที่เงียบสงัด น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการโทษตัวเองของโม่เทียนยวี๋ ดังก้องอยู่ภายใน

โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ถึงกับมีน้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ เรื่องนี้ถ้าเกิดว่าถูกคนที่ไม่รู้ความจริงได้ยินเข้า ส่วนมากก็คงจะใจอ่อนยกโทษให้

อันเฉินกระตุกยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล “ประธานลู่ โม่เทียนยวี๋แสดงออกมาได้สมบทบาทขนาดนี้ ถ้าหากว่าคุณหนูโม่ใจอ่อน นี่……”

คำพูดตามมาที่ยังไม่ได้พูด แต่ว่าความหมายนั้นชัดเจน ถ้าหากว่าโม่โยวใจอ่อน อย่างนั้นเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านั้นที่พวกเขาทำกันมา ก็คงจะสูญเปล่า

บอกตามตรง จากภายในใจของเขาที่รู้จักนิสัยของโม่โยวมา เขาคิดว่า โม่โยวมีโอกาสที่จะใจอ่อนอยู่มากเหมือนกัน

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset