บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 372 เธอใจกล้าไม่เบา

ภายใต้การถูกจ้องมองแบบนี้ งูเป็นสัตว์เลือดเย็นโดยธรรมชาติ ก็รู้สึกไม่สงบอย่างชัดเจน พวกมันบิดตัวไปมาอย่างกระวนกระวาย

“จับสัตว์พวกนั้นทั้งหมดไว้ อีกอย่าง ตรวจสอบให้ฉัน ว่านี่เป็นผลงานของใคร ภายในห้านาที ฉันต้องการรู้คำตอบในทันที” เขาพูดอย่างเย็นชา

อันเฉินตกตะลึง เขาพยักหน้าในทันที “ครับ”

ดูท่าแล้ว เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดขึ้นไม่นาน ที่สำคัญคือเกิดในคฤหาสน์ ทุกชั้นในมุมอับมุมสว่างติดกล้องวงจรไว้ไม่น้อย

แบบนี้แล้วถ้าจะตรวจสอบก็ง่ายมาก

ลู่จิ้นยวนพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมา เขาโกรธมาก เขาจ้ำอ้าวเดินขึ้นไปชั้นบน

เขาไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง ลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง สีหน้าเย็นชา ท่วงท่าคล่องแคล่ว พวกเขาดึงปลั๊กไฟในงานเลี้ยงออกจนหมด

งานเลี้ยงที่เดิมทีเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เป็นเพราะพวกเขาถูกรบกวนอย่างกะทันหัน ดนตรีคึกครื้นก็หยุดลงทันที งานเลี้ยงถูกระงับ

ลู่จิ้นยวนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขายังคงอุ้มโม่โยวไว้ในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล

โม่โยวสีหน้ายังคงซีดขาว ดวงตาปิดสนิท ฟังเสียงเพลงจากหูฟังแล้วค่อย ๆ หลับไป ไม่รับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกอีกต่อไป

“นี่ นี่มันอะไรกัน? คนพวกนี้เป็นใคร?”

“นายดู ประธานลู่อยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เป็นคนของเขา”

“ประธานลู่เตรียมตัวจะทำอะไรหนะ?”

“ใครจะไปรู้”

ในฐานเจ้าภาพงานเลี้ยง นายยกเทศมนตรีเห่าได้ยินการรายงานของลูกน้องก็ตกใจเป็นอย่างมาก แล้วรีบมาที่นี่อย่างรีบร้อน

เป็นไปอย่างที่คิด แวบเดียวก็เห็นลานกว้างของงานเลี้ยง ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่ส่วนกลางของงาน ในอ้อมกอดของเขาอุ้มคนคนนึงไว้อยู่ ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มชายที่คล้ายกับบอดี้การ์ด

ส่วนแขกที่เขาเชิญมาในงานเลี้ยงครั้งนี้ กระจายกันอยู่รอบนอกวง กำลังพูดคุยกันเซ็งแซ่

เขาสีหน้าเปลี่ยนไป ความคิดเยอะแยะมากมาย แต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าลู่จิ้นยวนมีจุดมุ่งหมายอะไร เขาไม่มีเวลาคิดเยอะแยะ รีบเดินเข้าไปทันที ใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“ประธานลู่ครับ คุณมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของผม ผมต้องขอบพระคุณมากจริง ๆ ถ้าหากลูกน้องพวกนี้ไม่ได้บริการอย่างดี ต้องขอประทานอภัยด้วยนะครับ”

ลู่จิ้นยวนมองเขาอย่างเย็นชา “อภัย? คนของผมเกิดเรื่องในพื้นที่ที่คุณรับผิดชอบ คุณรู้สึกว่าคำขอโทษประโยคเดียวจะสามารถชดเชยได้?”

สีหน้าของเห่าหวาจังเปลี่ยนไป เขาตกใจ รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาพูดอย่างระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าประธานลู่พูดถึงเรื่องอะไรครับ? ช่วยบอกผมอย่างละเอียดได้ไหมครับ?”

ในกลุ่มคน หลินเป้ยยืนอยู่ข้างคุณพ่อของตนเอง ตั้งแต่ที่ลู่จิ้นยวนพาคนปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น เธอก็ตื่นตระหนกโดยสิ้นเชิง

โดยเฉพาะมองเห็นลูกน้องของลู่จิ้นยวนที่ใช้วิธีคล่องแคล่วแบบนี้ สีหน้าของเธอยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ แต่มองดูโม่โยวที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ ในใจรู้สึกกลัวและก็รู้สึกสะใจ

เธอกลัวว่าถูกพวกเขาตรวจสอบพบว่าเรื่องที่ตัวเองเป็นคนทำ และก็รู้สึกว่าโม่โยวสภาพแบบนี้สะใจเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังคงมีความคิดชั่วร้าย หวังว่างูพวกนั้นจะกัดผู้หญิงคนนี้จนร่อแร่จะยิ่งดี

หลินเป้ยหาคำปลอบใจตัวเองตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธออายุยังน้อย ถึงความคิดจะร้ายกาจ แต่ทำเรื่องต่าง ๆ ได้ไม่สบบูรณ์แบบพอ

บันถึงกล้องวงจรปิด เธอคิดไม่ถึงเรื่องนี้สักนิด คิดถึงเรื่องเดียวคือ สุดท้ายจับพนักงานพวกนั้นที่ลงมือทำเรื่องนี้แทนเธอ

เธอแม้กระทั่งคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่า ถ้าหากพนักงานพวกนั้นสารภาพตัวเอง เป็นตายยังไงเธอก็ไม่ยอมรับ ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ใครก็ไม่สามารถใส่ร้ายเธอได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเป้ยโล่งใจไม่น้อย

เวลานีี้ อันเฉินพาลูกน้องเดินเข้ามา ถือแท็บเล็ตไว้ในมือ “เจ้านายครับ ตรวจสออบแล้วครับ นี่คือกล้องวงจรภายนอกห้องแต่งตัว”

“ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีกล้องวงจรปิดที่นอกผนังชั้นสงอ ถึงแม้จะเลือนลางนิดหน่อย แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ชัด”

เห่าจังหวาหน้าเสียเป็นอย่างมาก แต่อยู่ต่อหน้าลู่จิ้นยวน เขากลับพูดไม่ออกสักประโยค

ลู่จิ้นยวนมองดูหน้าจอ ในสองหน้าจอกล้องวงจร นอกห้องแต่งตัวที่ระเบียงทางเดิน การสนทนาระหว่างหลินเป้ยกับพนักงาน ถึงแม้จะได้ยินไม่ชัดเจน แต่การล็อกหน้าต่างของพนักงาน และท่าทางของทั้งสอง คนตาบอดก็สามารถมองออกได้ว่าทำเรื่องไม่ดีอะไร

จากนั้นกล้องวงจรอีกตัวหนึ่งก็ยืนยันเรื่องนี้ได้พอดี

มองเห็นพนักงานคนนั้นเทงูในถุงลงทางหน้าต่าง แถมยังลงล็อกหน้าต่าง ดวงตาของลู่จิ้นยวนแทบจะเผยร่างที่แท้จริงออก

他冰冷的视线,缓缓地看向了手下提着的两个侍应生。

สายตาเย็นชาของเขา ค่อย ๆ มองไปที่พนักงานสองคนที่ลูกน้องหิ้วปีกไว้

“เธอหละ?” เขาเอ่ยปากพูด

อันเฉินเข้าใจความหมายของเจ้านายตัวเองโดยธรรมชาต ถึงแม้พนักงานสองคนจะน่าเคียดแค้น แต่กลับไม่ใช่ตัวการ เขาเคลื่อนสายตาไป ไม่จำเป็นต้องมองหา ก็ล็อกเป้าหมายไปที่ร่างสีชมพูภายในฝูงชน

เขากวักมือ ลูกน้องสองคน เดินไปทางหลินเป้ยในทันที ภายใต้ดวงตาที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวของเธอ พวกเขาลากเธอมาโดยตรง

“ว้าย พวกนายอยากจะทำอะไร? ปล่อยฉัน ปล่อยมือเดี๋ยวนี้…”

คุณพ่อของหลินเป้ยก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะจับลูกสาวของตัวเองไปโดยตรง เขาโมโหในทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกนายมีสิทธิ์อะไรจับลูกสาวฉัน?” คุณแม่หลินโมโห อยากจะเดินเข้าไป แต่กลับถูกลูกน้องของลู่จิ้นยวนขวางไว้รอบนอก

คุณพ่อหลินก็ไม่มีวิธีเข้าไปได้ ทำได้เพียงมองลู่จิ้นยวนอย่างโมโห “ประธานลู่ พวกเราตระกูลหลินกับบริษัทตระกูลลู่ไม่เคยคบค้ากันมาก่อน ตอนนี้คุณอยากจะทำอะไร?”

เขาพูด แต่ก็ไม่มีคนสนใจ จึงโมโห อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เห่าจังหวา

ตระกูลหลินกับตระกูลเห่าไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมตระกูลกันเท่านั้น แต่ยังมีความเกี่ยวดองด้านการแต่งงาน หลินเป้ยยังเรียกเขาว่าคุณอา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถนิ่งดูดายได้

ถ้าหากเป็นคนอื่นก็แล้วไป แต่นี่ฝ่ายตรงข้ามเป็นลู่จิ้นยวน

“ประธานลู่ครับ ไม่รู้ว่าอาหลินไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ ผมขอประโทษแทนเธอด้วยนะครับ เธออายุน้อย ไม่รู้จักคิด คุณอย่าไปถือสาเธอเลยนะครับ”

เห่าหวาจังรู้ว่าตำแหน่งการงานของตัวเองมาได้ยังไง ดังนั้นเขาไม่กล้ามีเรื่องกับลู่จิ้นยวน ความอึดอัดใด ๆ ก็ต้องอดกลั้นไว้ในใจ

คนมาครบแล้ว ลู่จิ้นยวนไม่รีบร้อน เขามองดูเห่าหวาจัง แล้วโยนแท็บเล็ตไป

ถูกกระแทกเข้า เห่าหวาจังไม่กล้าไม่พอใจใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่เขาได้เห็นเนื้อหาสองตอนในหน้าจออย่างชัดเจนด้วยตัวเองแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาคิดอะไรออก สายตาสังเกตุเห็นผู้หญิงในอ้อมกอดของลู่จิ้นยวน ประติดประต่อกับของในมือ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดก็เป็นที่เข้าใจได้

ลู่จิ้นยวนมองไปที่หลินเป้ย “กล้าลงมือกับภรรยาของฉัน เธอใจกล้าไม่เบา”

คำพูดของเขา ทำให้กลุ่มแขกถึงกับอื้ออึง แน่นอนว่าพวกเขาตกใจตรงที่ ภรรยาในคำพูดของลู่จิ้นยวน สายตาหลากหลายมองไปที่โม่โยวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา

ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยง คนที่คาดเดาสถานะของโม่โยวมีอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าผู้หญิงคนนี้คือนายหญิงน้อยของตระกูลลู่

ถึงแม้จะสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่รู้ข่าวนี้มาก่อน แต่ในเมื่อยอมรับออกมาจากปากของลู่จิ้นยวนเอง แน่นอนว่านี้ไม่ใช่เรื่องเท็จ

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset