บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 38 รับผิดชอบไม่ไหว

“ทำไม เสียใจที่ต้องแยกกับเขาเหรอ?”

ลู่จิ้นยวนมองดูสีหน้าเวินหนิงที่ไม่ค่อยเป็นสุข จึงพูดประชดขึ้น

“ไม่ใช่นะ” เวินหนิงย่นคิ้ว ทำไมลู่จิ้นยวนต้องคิดเป็นเรื่องทำนองนั้นตลอดเลยนะ?

เธอแค่คิดถึงสิ่งที่เหอจื่ออันพูดกับเธอเมื่อกี้ ถ้าหากเรื่องที่เธอแต่งงานกับลู่จิ้นยวนหลุดออกไป ทางบ้านตระกูลลู่ต้องคิดว่าเป็นความจงใจของเธอแน่ เธอคงรับผิดชอบกับผลที่จะตามมาไม่ไหว

“ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้สนใจเธออีก เขาเหยียบคันเร่งจนมิด ทำให้เวินหนิงที่มัวแต่คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้จนลืมคาดเบลล์ หัวคะมำเกือบชนเข้ากับกระจกหน้ารถ

เธอมองหน้าเรียบเฉยของลู่จิ้นยวนแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจหาเรื่องเธอ ทำไมเขาถึงได้เกลียดเธอมากมายนะ?

เวินหนิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ เธอรีบดึงสายคาดเบลล์มาคาดไว้ “วันนี้ฉันมารับของบังเอิญเจอเขาเข้าพอดี มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”

ลู่จิ้นยวนไม่พูดอะไร แต่แววตาเขาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เชื่อ

“อันเฉินเป็นคนให้ฉันมาซื้อของเอง แล้วที่ต้องรอนานขนาดนี้ก็เพราะว่าของที่ร้านหมด เลยเจอเข้ากับเหอจื่ออันที่มาดื่มชาพอดี คุณก็เห็นแล้วว่าทางร้านให้ฉันเอาของกลับมากขนาดนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ให้คนไปถามพนักงานทางร้านดูได้”

เวินหนิงพูดยาวเหยียดทีเดียว และไม่อยากอธิบายอะไรเพิ่มอีก ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร

“มาเอาของนี่ต้องจับมือถือแขนกันด้วยเหรอ? จะโกหกอะไรก็ให้มันสมจริงหน่อย”

เวินหนิงมองหน้าเขา ผู้ชายคนนี้ทำไม่ถึงเอาแต่คิดในแง่นั้นนะ

“นั้นก็เพราะว่าระหว่างที่ฉันชงกาแฟให้คุณมือโดนน้ำร้อนลวกจนเป็นแผลพุพอง เขาเลยซื้อยามาช่วยทาให้”

ลู่จิ้นยวนปรายตามองไปที่นิ้วมือเธอที่ปกติจะขาวนวล เกิดรอยแผลแดงๆหลายจุด เห็นแล้วก็แปลกใจเล็กน้อย

“งั้นเธอก็โง่จริง ชงกาแฟแค่นี้ยังปล่อยให้น้ำร้อนลวกมือได้”

เวินหนิงจุจนพูดอะไรไม่ออก เธอค่อยๆหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เสียเวลาพูดเปล่าเธอคิด เหมือสีซอให้ควายฟัง

ลู้จิ้นยวนก็แค่อยากจะหาเรื่องเธอเท่านั้น เขาจะมาเสียเวลาฟังเธออธิบายได้ยังไง”

…………

ไม่นานรถก็มาจอดอยู่ใต้ตึกของบรษัทตระกูลลู่

“เธอขึ้นไปก่อน” ลู่จิ้นยวนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ค่ะ” เวินหนิงไม่กล้าขัดเขา ก่อนหันไปมองหาเหอจื่ออันที่ตามอยู่ด้านหลังด้วยความรู้สึกเกรงใจเขามากเหลือเกิน

“ยังไม่ไปอีก? ” ลู่จิ้หยวนรู้สึกได้ถึงความลังเลของเธอ ก่อนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เวินหนิงรู้สึกได้ถึนน้ำเสียงที่เริ่มมีอารมณ์โมโหของเขา จึงรีบขึ้นชั้นบนไปก่อน

ลู่จิ้นยวนค่อยๆก้าวลงจากรถ มองดูเหอจื่ออันที่ตามมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “รบกวนคุณชายเหอแล้ว”

เหอจื่อันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กส่งของไปโดยปริยาย แล้วยังไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเวินหนิงอีก ในใจรู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาเล็กน้อย เขาเดินเข้ามาทำเป็นแสร้งยิ้มให้ “คุณชายลู่ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณจะยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพนักงานในใต้บังคับบังชาด้วย”

เรื่องส่วนตัว?

หมายความว่าพวกเขาอยากสานสัมพันธ์กัน?

ลู่จิ้นยวนเองก็ฉีกยิ้มขึ้นด้วยแววตาแข็งกร้าว “ก็ถ้าอยู่ในเวลางานจะไม่ให้ยุ่งก็คงไม่ได้ อีกอย่าง คุณชายเหอจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว?”

นัยน์ตาเหอจื่ออันฉายแววโมโห “งั้น ผมก็รอให้เธอเลิกงานก่อนแล้วกัน บริษัทฯใหญ่โตอย่างบริษัทตระกูลลู่ย่อมมีระเบียบการทำงานที่ชัดเจน ก็คงไม่ให้พนักงานทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่หยุดหรอกนะ”

ลู่จิ้นยวนมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขาแล้วรู้สึกขัดตา “ก็แล้วแต่คุณ”

พูดจบ ก็เดินจากไปทันที พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงรีบเข้ามายกของจากหลังรถ

รอจนทุกคนไปแล้ว เหอจื่ออันจึงทุบพวงมาลัยหน้ารถด้วยความเจ็บใจ

ไอ้ลู่จิ้นยวน

……….

เวินหนิงขึ้นมาถึงชั้นบนก็เริ่มจัดเก็บของ ไม่นานลู่จิ้นยวนก็ตามขึ้นมา

เธอเห็นเขาเดินใกล้เข้ามา ขณะที่กำลังจะเดินหนี ทันใดนั้นก็มียาหลอดหนึ่งโยนมาตรงหน้า “เอาไปทา”

เวินหนิงมองดูแวบหนึ่ง เห็นเป็นยาทาสำหรับแผลพุพอง ลู่จิ้นยวนซื้อยาให้เธอ นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเหรอ?

“ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าได้ว่าบริษัทตระกูลลู่ไม่มีปัญญาซื้อยา และไม่ดูดำดูดีพนังาน” ลู่จิ้นยวนมองดูสีหน้าลังเลของเวินหนิงแล้วรู้สึกหงุดหงิด

ทีรับของเหอจื่ออัน ไม่เห็นเธอจะลังเลแบบนี้

“รู้แล้วค่ะ งั้นก็…..ขอบคุณค่ะ” เวินหนิงไม่เข้าใจว่าลู่จิ้นยวนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อยากคิดให้ปวดหัวเลยไม่สนใจมันอีก

ในเมื่อเธอได้แผลก็เพราะเขา ยาหลอดนี้รับไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

คิดได้ดังนั้น เวินก็เปิดฝาหลอดยาออก และบีบยามาทาแผลด้วยท่าทางนิ่งเฉย

สีหน้าบึ้งตึงของลู่จิ้นยวนคลายลงเล็กน้อย “สองสามวันนี้เธอก็ไม่ต้องเช็คทำความสะอาดตู้และชั้นวางต่างๆ รอให้มือหายค่อยทำ”

พูดเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินจากไป

เวินหนิงนิ่งอึ้งไป งานตอนนี้เธอคือทำความสะอาด แล้วนี่ลู่จิ้นยวนมาบอกให้เธอไม่ต้องทำ หมายความว่าไง?

เห็นว่าเธอเจ็บมือเหรอ?

ผู้ชายคนนี้จะใจดีแบบนี้จริงเหรอ?

………

หลายวันมานี้ ทุกอย่างดูสงบราบเรียบ

ลู่จิ้นยวนไม่ได้หาเรื่องอะไรเวินหนิงอีก งานของเธอนอกจากจัดเก็บของแล้วก็แค่เข้างานและเลิกงานเป็นเพื่อนเขา งานค่อนข้างจะเบาสบายไม่น้อย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่วันหยุดสุดสัปดาห์

เวินหนิงตื่นมาตอนเช้าก็ได้รับสายจากเหอจื่ออัน

“วันนี้อากาศดีมาก ออกไปเที่ยวกันมั้ย? ฉันได้บัตรคอนเสิร์ตมาสองใบ ไปด้วยกันนะ? กว่าจะได้มาไม่ง่ายเลย”

ในเมื่อลู่จิ้นยวนไม่ให้เขาจีบพนักงานเขาในเวลางาน งั้นวันหยุดเขาก็มายุ่งไม่ได้แล้วซินะ?

“คะ?” เวินหนิงรู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าเหอจื่ออันจะชวนเธอ

คนอย่างเขาจะเป็นเพื่อนกับเธอได้จริงเหรอ เธอรู้สึกไม่มั่นใจ

“เรื่องครั้งก่อนต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉัน……”

เวินหนิงยังจำได้ว่าครั้งก่อนลู่จิ้นยวนตั้งใจทำให้เหอจื่ออันต้องตกอยู่ในความลำบาก ขณะที่เธอกำลังกล่าวขอโทษเขาอยู่ ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ

ได้ยินสิ่งที่เธอพูดูเข้า แววตาของลู่จิ้นยวนก็เข้มขึ้นทันที ก่อนจะมีสีดังปังตามมา เขาตั้งใจกระแทรกประตูปิดเสียงดังใส่

“มีอะไร? ทำไมเสียงดังจัง”

เวินหนิงหันกลับไปดู เห็นเข้ากับสีหน้าเกรี้ยวกราดของชายหนุ่ม หรือว่า เขาจะได้ยินแล้ว?

“ไม่…..ไม่มีอะไรค่ะ…..” เวินหนิงอึดอัดเล็กน้อย “คือ….ฉันไม่รู้เรื่องดนตรีเท่าไหร่ กลัวว่าจะไปทำให้คุณเสียบรรยากาศเปล่าๆ ยังไงก็หาคนอื่นไปด้วยเถอะนะคะ”

พูดจบ เวินหนิงก็รีบวางสายทันที

ลู่จิ้นยวนไม่แม้แต่มองหน้าเธอ “ไปเอาผ้าขนหนูมา”

ชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากห้องน้ำ สวมเพียงเสื้อคลุมตัวใหญ่ตัวเดียว น้ำบนผมที่ยังเปียกหยดลงมาตามหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ไหลเข้าไปยันจุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ พาให้เกิดจินตนาการกันไปไกล

เพียงท่าทางธรรดาของผู้ชายคนนี้ ยังมีเสน่ห์ดึงดูมากมายจนเกือบหยุดหายใจ เวินหนิงมองเพียวแวบเดียว ก็รีบก้มหน้าลงทันที

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset