บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 42 ไม่คู่ควรกับแก

เถ้าแก่เดินลงมาจากบันไดอย่างเชื่องช้า ท่านเดินช้ามากแต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกถึงแรงกดดัน

โจวไป๋เยว่ก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา

เถ้าแก่มองไปที่พวกเขา “บางเรื่องที่ฉันไม่ได้พูด ไม่ได้แปลว่าไม่รู้ พวกแกทำตัวให้ดีหน่อยเถอะ”

“ฉันไม่อยากให้เรื่องของเวินหนิงกับตระกูลลู่หลุดออกไปข้างนอก ถ้าใครกล้าก็ลองดูก็ได้”

เมื่อพูดกี่คำนี้เสร็จ ห้องอาหารที่ใหญ่โตก็เงียบสงัดทันที

เวินหนิงก้มหน้าไปพยายามพลางตัวเองไว้

“งั้น เธอเป็นภรรยาของจิ้นยวนจริงหรอคะ?” โจวไป๋เยว่รีบเอ่ยถาม

เถ้าแก่ไม่เอ่ยพูดอะไรแค่มองไปที่เธออย่างเยือกเย็น เวลานี้ลู่หมิงฮั่นค่อยมาดึงเธอไปข้างหลัง “พวกเรารู้แล้วครับ เรื่องนี้จะไม่เอ่ยปากพูดแน่นอน”

เถ้าแก่พยักหน้าแล้วค่อยมองไปที่เวินหนิง “เมื่อวานเธอทำดีมาก อีกหน่อยก็ต้องทำให้ได้แบบนี้ด้วย”

เวินหนิงพยักหน้า การรับประทานอาหารครั้งนี้รู้สึกอึดอัดมากกว่าปกติ

หลังจากที่รับประทานอาหารข้าวเสร็จ เถ้าแก่ก็เรียกลู่จิ้นยวนเข้าไปคุยในห้องหนังสือ

“เรื่องเมื่อวานฉันรู้หมดแล้ว ต่อไปบริษัทในมือของพวกเขาก็ให้แกเป็นคนดูแลแทน”

เถ้าแก่ส่ายหัว ทีแรกเป็นเพราะเกิดเรื่องกับลู่จิ้นยวน ก็ทำให้ท่านมีความคิดที่จะสนิทสนมกับคนในครอบครัวมากขึ้น

แต่เรื่องของเมื่อวานก็ย้ำเตือนท่านอีกว่า คนพวกนั้นก็แค่อยากจะได้ทรัพย์สมบัติของท่านเท่านั้น ไม่มีค่าพอที่จะไว้ใจได้เลย

“ครับ ผมรู้แล้วครับ” ลู่จิ้นยวนพยักหน้าด้วยสายตาไร้ความรู้สึก

“ใช่สิ กับเวินหนิงเแกมองว่ายังไง? วันนี้แกออกนอกหน้าแทนเธอ ไม่ใช่ว่า……”

คำพูดของเถ้าแก่แอบแฝงไปด้วยความหมายอื่น นิสัยลู่จิ้นยวนเย็นชาอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องระหว่างผู้หญิงก็ไม่เคยยุ่งเลย

แต่เมื่อกี้กลับทำเพื่อเวินหนิง แล้วทำแบบนั้นกับโจวไป๋เยว่ นี่ก็ทำให้ท่านรู้สึกคิดมาก

“แค่เมื่อวานเธอช่วยเหลือผม ก็เท่านั้น”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้จะพูดแบบนี้ เขาก็แค่ไปหยุดยั้งการกระทำของโจวไป๋เยว่อย่างไม่รู้ตัว พอรู้ตัวก็เป็นแบบนั้นแล้ว

นี่ไม่เหมือนกับเรื่องที่คนอย่างเขาจะทำเลย

“ถ้าเป็นแค่นี้ก็ดี จิ้นยวน แกห้ามรู้สึกอะไรกับเธอเด็ดขาด ที่ฉันเก็บเธอไว้ ก็เพื่อที่จะคุ้มครองให้แกปลอดภัย ผู้หญิงแบบนั้นไม่คู่ควรกับแก”

เถ้าแก่เอ่ยพูดจบอย่างเรียบนิ่งแล้วโบกมือ ท่านอายุมากแล้วเวลานี้ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วด้วย

ลู่จิ้นยวนพยักหน้าแล้วถอยออกไปพร้อมกับความคิดบางอย่างในหัว

……

เวินหนิงก็ทำเหมือนวันปกติทั่วไปก็ไปบริษัทกับลู่จิ้นยวน

แต่ว่า ระหว่างทางวันนี้สีหน้าของลู่จิ้นยวนเย็นชามากกว่าปกติ ถึงแม้ปกติเขาก็จะไม่มีสีหน้าอะไรมากมาย แต่ว่าก็ทำให้เวินหนิงรู้สึกได้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี

เพราะฉะนั้น ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้เอ่ยพูดคุยอะไรกันเลย พอถึงบริษัทก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน

เวินหนิงทำความสะอาดอยู่ที่ชั้นบนสุดไปสักพัก พอผ่านไปสักพักอันเฉินก็ให้เธอช่วยส่งของลงไปชั้นล่าง

เวินหนิงถือเอกสารไว้แล้วลงไปชั้นล่าง ค่อยรู้ว่าห้องทำงานที่มีระเบียบแต่ตอนนี้กลับดูวุ่นวาย

“เวินหลานมาแล้ว ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีก”

“ดูเหมือนว่าเธอจะถ่ายโฆษณาให้บริษัทเรา”

“จากแหล่งข่าว ลดค่าตัวลงไปครึ่งหนึ่ง แผนกโฆษณาถือว่าได้ผลประโยชน์เต็มๆ……”

เวินหนิงยืนนิ่งไปสักพัก เมื่อได้ยินชื่อของเวินหลานก็รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง

โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเธอยอมลดค่าตัวแล้วมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ เธอก็แน่ใจมากกว่าเดิมที่เวินหลานมาครั้งนี้ไม่หวังดีแน่นอน

คิดไปคิดมาก็รีบส่งเอกสารให้คนอื่น จะได้ไม่เจอเวินหลานแล้วหงุดหงิด แต่ว่าเวินหนิงเพิ่งรู้ตัวว่ามันสายไป

ตอนที่เธอกำลังจะเดินไป เวินหลานก็เดินมาพอดี พอเห็นเธอ ใบหน้าก็ยิ้มอย่างประหลาดใจ “เอ๋? พี่สาว? ใช่พี่หรือเปล่า? ฉันไม่ได้จำคนผิดใช่ไหม”

เวินหลานถูกคนล้อมไว้แล้วยืนอยู่ไม่ห่างมาก พร้อมมองสำรวจเวินหนิงตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อเห็นว่าเธอมีชีวิตดีกว่าที่คิดไว้ ในสายตาเวินหลานก็แฝงด้วยความเย็นชา

ไม่คิดเลยว่าที่เวินหนิงพูดเป็นเรื่องจริง เธอมาที่บริษัทตระกูลลู่จริงด้วย

คนอย่างเธอแต่กลับมาที่นี่ได้ ก็คงไม่พ้นความสัมพันธ์ระหว่างลู่จิ้นยวน หรือว่าคุณชายตระกูลลู่คนนั้นรู้สึกจริงจังกับเวินหนิงหรอ?

ขณะที่ในใจอึดอัด แต่เวินหลานก็เดินเข้ามายังเป็นมิตร “พี่สาวทำไมพี่ทำงานที่นี่ก็ไม่บอกหนูสักคำ ถ้ารู้หนูยังช่วยพี่พูดได้”

บอกเธอ? จากนั้นก็รอน้องสาวที่จิตใจอำมหิตมาทำให้เธอเสียงานที่กว่าจะหามาได้งั้นเหรอ?

เวินหนิงเงียบไม่เอ่ยพูด สายตาก็แฝงด้วยความเสียดสี แสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่อยากจะแสดงละครเสแสร้งด้วย

เมื่อเวินหลานเห็นอย่างนี้ก็กอดแขนเธอไว้ ดูสนิทสนมกันมาก แต่เธอกลับแอบหยิกเวินหนิงลับหลังทุกคน

เวินหลานไว้เล็บยาวมาก แล้วปกติก็ดูแลดีด้วย เพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะแข็งแรง พอโดนหยิกไปก็รู้สึกว่าเล็บนั้นจิกเข้าไปในเนื้อจนรู้สึกเจ็บมาก

เธอทนไม่ได้แล้วแอบโอดครวญเสียงเบา แต่ก็ทนไว้แล้วไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรมาก

เวินหลานอยากให้เธออาละวาดต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็โยนความผิดมาที่เธอ

ตอนนั้น เวินหลานเพิ่งเข้าบ้านตระกูลลู่ก็เป็นแบบนี้ เสแสร้งว่าสนิทสนมกับเธอแล้วแอบหยิกเธอแบบนี้เหมือนกัน

ตอนนั้นเวินหนิงไม่เคยทนอะไรกับแบบนี้ก็ผลักเธอออกไป จากนั้นก็โดนกล่าวหาว่าเป็นคนขี้อิจฉาใจอำมหิตแล้วถูกเวินฉีโม่รังเกียจมากกว่าเดิม

ไม่คิดเลยว่าไม่เจอกันตั้งหลายปี ท่าทางของน้องสาวคนนี้ก็ยังต่ำทรามแบบนี้เหมือนเดิม

เวินหลานมองไปที่เวินหนิงอย่างประหลาดใจ เธอไม่แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงมาก ทั้งๆที่เธอหยิกเต็มแรง เวินหนิงควรจะเจ็บมากไม่ใช่หรอ?

เวินหนิงมองเห็นสายตาที่ไม่เชื่อของเธอ ก็แอบยิ้มอย่างเยือกเย็นในใจแล้วดึงมือกลับไป “ฉันยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ ก็ไม่อยู่รื้อฟื้นความจำอะไรกับเธอแล้วกัน”

ถูกขังในเรือนจำตั้งสามปี ถ้ายังหลงกลกับวิธีปัญญาอ่อนแบบนี้อีก งั้นเธอก็คงใช้ชีวิตได้อย่างสูญเปล่ามาก

เวินหนิงดึงมือกลับไปอย่างเรียบนิ่งแล้วจากไป

เวินหลานมองเห็นแผ่นหลังที่เธอเดินไป สายตาก็แฝงไปด้วยความโกรธแค้น ไม่คิดเลยว่าสามปีผ่านไป พี่สาวที่โง่เง่าก็เริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว

เพราะฉะนั้น ก็เลยดึงดูดผู้ชายอย่างลู่จิ้นยวน?

ในสายตาเวินหลานก็แฝงไปด้วยความอิจฉา ทั้งความร่ำรวยแล้วอำนาจของลู่จิ้นยวน ยวี๋เฟยหมิงเทียบไม่ได้เลย

ถ้าเวินหนิงอยากจะใช้โอกาสแล้วขึ้นตำแหน่งนั้นไป เธอจะแก้แค้นคืนแน่นอน……

เธอไม่มีทางให้เวินหนิงทำสำเร็จแน่นอน

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset