บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 424 ไม่อยากแต่งงาน

ไม่คิดว่าไปๆ มาๆ ก็ยังเป็นคนเดิม โลกนี้มันคาดเดาไม่ได้จริงๆ

ตอนแรกนายท่านลู่อยากพูดอะไรบางอย่าง ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร คิดถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองหลานชาย

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะปิดบังเขาจริงๆ เฮอะ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกหลานก็จดทะเบียนสมรสกันก่อน แล้วก็เลือกวันแต่งงาน ควรจะจัดตั้งนานแล้ว” นายท่านลูบเครา

ตัวเขาเองไม่ได้มีข้อกำหนดในการเลือกหลานสะใภ้ที่เข้มงวดเกินไป นิสัยสำคัญที่สุด ประวัติครอบครัวเป็นเรื่องรองลงมา อย่างไรแล้วสถานะปัจจุบันของตระกูลลู่ ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งกับผู้หญิงที่สถานะเท่าเทียมกันเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง

ลู่จิ้นยวนและลู่อันหรานดวงตาเป็นประกาย มองไปที่เวินหนิงทีละคน ความคาดหวังในดวงตาแทบจะเหมือนกัน

เวินหนิงตัดสินใจไม่มองลูกชาย ผลุบตาลง

อาจกล่าวได้ว่านายท่านลู่มีสถานะสูงสุดในตระกูลลู่ ถ้าเป็นเรื่องที่เขาเห็นด้วย โดยพื้นฐานก็เป็นสิ่งที่เกือบสำเร็จ

แต่น่าแปลกใจ หลังจากที่นายท่านพูดแบบนั้น เวินหนิงไม่ได้รู้สึกดีใจมากเท่าไร

“นายท่าน ฉันไม่ได้มีความคิดจะแต่งเข้าตระกูลลู่ในตอนนี้ เรื่องนี้……ค่อยว่ากันแล้วกันค่ะ”

ทันใดนั้น แววตาลู่จิ้นยวนก็มืดลง เขาจ้องเวินหนิงด้วยแววตาสับสนมาก อดไม่ได้ที่จะเดินไป จับมือเธอโดยไม่อยากให้ปฏิเสธ

เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ เขาจะรู้สึกว่าเวินหนิงยิ่งห่างไกลเขามากขึ้นเรื่อยๆ

นายท่านลู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ อาจจะไม่เข้าใจความคิดของเวินหนิงโดยสิ้นเชิง สีหน้าจึงมืดมน อย่าคิดว่าแก่แล้วจะดูถูกคนชราตรงหน้านะ

ความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งพุ่งเข้าหาเวินหนิงทันที “เธอไม่อยากแต่งเหรอ? ให้เหตุผลฉันมาข้อหนึ่ง”

เธอขมวดคิ้ว การต่อต้านภายในใจถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที ตัวเองแค่พูดว่าไม่อยาก นายท่านลู่คนนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าโดยสิ้นเชิง

เฮอะ ทำไมตัวเองต้องทนกับทัศนคติตระกูลลู่แบบนี้ด้วย

“ไม่อยากก็ไม่อยาก ทำไมต้องมีเหตุผล?” ตั้งแต่เธอเข้ามาจนถึงตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่ทำหน้าไม่พอใจ

“เฮอะ”

นายท่านลู่รุ่งโรจน์มาเกือบตลอดชีวิต เป็นคนที่ไม่เหมือนใครมาโดยตลอด อายุก็มากขนาดนี้ คนที่กล้าต่อต้านเขาแบบนี้ นอกจากหลานชายลู่จิ้นยวนคนนี้ ก็มีเวินหนิงเป็นคนที่สอง

“เธอกับจิ้นยวนก็มีลูกกันแล้ว เธอยังไม่ยอมแต่งงานอีก? หรือเธอไม่ยอมรับลูกชายเธอ?”

เวินหนิงจับมือเล็กของอันหรานแน่นโดยไม่รู้ตัว “ฉันยอมรับลูกชายตัวเองอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นลูกชายฉัน ไม่ว่าฉันจะแต่งหรือไม่แต่งเข้าตระกูลลู่ อันหรานก็เป็นลูกชายฉัน เรื่องนี้มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”

นายท่านลู่หัวเราะเยาะ “คนหนุ่มสามอย่าไร้เดียงสาเกินไป ตั้งแต่อันหรานเกิดมา ก็เติบโตในตระกูลลู่ของฉัน เธอไม่สามารถเอาไปด้วยคำพูดประโยคเดียวได้”

“ถ้าเธอไม่ใช่คนในตระกูลลู่ของฉัน แน่นอนว่าก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกหลานตระกูลลู่ของฉัน ฉันไม่ได้ขู่เธอนะ”

เวินหนิงเครียดในใจ “คุณหมายความว่าไง?”

ลู่จิ้นยวนเห็นเธอถูกทิ่มแทงแล้วลุกขึ้นมาอีกครั้ง รู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์มีแต่จะแย่ลง

“พอเถอะครับคุณปู่ ผมบอกแล้ว คุณสัญญากับผมแล้วว่าจะไม่ทำให้เธอลำบากใจ”

นายท่านลู่จ้องมองอย่างโกรธเคือง “แล้วหลานบอกตัวตนที่แท้จริงของเธอกับฉันหรือยัง? บอกว่าเธอไม่ยอมแต่งงานกับหลานแล้วเหรอ? ไอ้หลานไร้ยางอาย”

“ปู่ นี่มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับเวินหนิง คุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง อยากแต่งเข้าตระกูลลู่ไหมก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจ ไม่มีใครบังคับเธอได้”

“ในเมื่อคุณเจอเธอแล้ว งั้นเราไปก่อนนะครับ”

ลู่จิ้นยวนพูดจบก็ดึงเวินหนิงพาลูกชายเดินไป นายท่านเห็นก็โกรธ

แต่ไม่รู้วันนี้โชคดี หรือว่าโชคร้าย

ทั้งสามเดินผ่านสวนดอกไม้ ยังเดินไม่ถึงประตูใหญ่ สาวสวยในชุดกี่เพ้าก็เดินมาเผชิญหน้า

เวินหนิงชะงักฝีเท้า มองไปที่ผู้หญิงฝั่งตรงข้ามไม่ไกล สำหรับใบหน้าอีกฝ่ายนั้น ยังคงสดชื่นอยู่ในความทรงจำ

ในความทรงจำ ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเจอเธอ ก็ไม่เคยทำหน้าดีๆ ไม่ใช่ความเย็นชา แต่เป็นแววตาสูงส่งมองเธอเหมือนมองฝุ่นละอองบนพื้นดิน

ราวกับเมื่อตัวเองโดนเธอมอง ก็ควรรู้สึกขอบคุณยังไงยังงั้น ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ความทรงจำเหล่านี้ก็ยังชัดเจน

“เอ๋ คุณย่า?” อันหรานพูดเสียงเบา

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วแน่นทันที อยากพาเวินหนิงไปอีกทางหนึ่ง ไม่อยากให้สองคนนี้เจอกันโดยไม่รู้ตัว “เวินหนิง เราไปทางนั้นกัน”

เธอไม่ขยับ มองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทำไมเห็นแม่คุณแล้วฉันต้องเดินอ้อม ทำไม คุณคิดว่าฉันทำอะไรผิดเหรอ?”

ลู่จิ้นยวนหมดหนทางนิดหน่อย “เวินหนิง เธอรู้ว่าฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นิสัยแม่ฉันเธอก็รู้ดี ฉันแค่ไม่อยากให้เธอทำร้ายเธอ”

“เฮอะ งั้นเหรอ เธอทำร้ายฉันไม่น้อยเลยสินะ คำพูดแบบนี้ของคุณ ถ้าพูดกับเวินหนิงในอดีตคงมีความหมายอยู่บ้าง แต่สำหรับฉันในตอนนี้มันไม่มีความหมาย”

ลู่จิ้นยวน: “……”

เขาเงียบ ตั้งแต่เข้ามาในตระกูลลู่ เวินหนิงก็เปลี่ยนไปเลย อ่อนไหวอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับเวินหนิงที่เป็นแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย

ในขณะเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย เวินหนิงที่เป็นแบบนี้ ต้องการแต่งงานกับเขา แต่งเข้าตระกูลลู่จริงๆ ไหม? หัวใจเดิมทีที่มีความมั่นใจ ตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกว่างเปล่าขึ้นมา

นี่มันทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีทางแก้ไขปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้ในตอนนี้

ลู่อันหรานยืนตรงกลางทั้งสองคน เขาที่ฉลาด จากบรรยากาศที่พ่อแม่คุยกันเป็นครั้งคราว เหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่างได้

แต่สุดท้ายอายุก็น้อยเกินไป ถึงจะรับรู้อะไรบางอย่างคลุมเครือ แต่ก็ไม่มั่นใจเกินไป

ความบาดหมางของคนรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนหรือเวินหนิง ก็ไม่อยากให้ลูกชายที่ยังเด็กขนาดนี้รู้อะไรมากเกินไป จึงให้คนรับใช้พาออกไปก่อน

เย่หวานจิ้งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เห็นพวกเขาแน่นอน รูปลักษณ์และใบหน้าสง่างามของคนอายุสี่สิบกว่า ดูเหมือนสามสิบต้นๆ เกือบเหมือนใบหน้าเมื่อห้าปีก่อนเลย

เธอเดินมา ไม่ได้มองเวินหนิง ดวงตามองแต่ลู่จิ้นยวน “กลับมาแล้วเหรอ เข้ามาสิ” พูดจบ ก็เดินเข้าไปในบ้านก่อน

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วแน่นขึ้น “แม่ เรายังมีธุระ คราวหน้าจะมาเยี่ยมแม่ใหม่”

เย่หวานจิ้งหยุดฝีเท้า ค่อยๆ หันตัวมา ในที่สุดดวงตาเคร่งขรึมก็มองเวินหนิง แต่ก็อยู่เพียงชั่วครู่ก่อนเบนสายตาออกไป

“ตั้งนานแล้ว กว่าลูกจะกลับมาสักครั้ง ฉันในฐานะแม่ ก็อยากเจอลูก ยังต้องนัดอีกเหรอ?” เสียงเข้มงวดขึ้น เห็นได้ชัดว่าการต่อต้านที่ลูกชายมีต่อเธอ มันทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก

แค่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกชายเพียงคนเดียวของเธอลู่จิ้นยวน เธอก็จะมีอารมณ์รุนแรงตลอด หลายปีมาแล้วก็ยังเป็นแบบนี้เสมอ

ตั้งแต่ลูกชายเจอผู้หญิงที่ชื่อเวินหนิงเมื่อไม่กี่ปีก่อน ลูกชายที่เชื่อฟังและกตัญญูในสายตาเธอมาตลอด ก็เปลี่ยนไปแล้ว

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset