บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 437 เรียกฉันว่าเป่าเป่า

เธอเห็นเซียวเป่าทาแป้งเสร็จ ถัดมาก็หยิบลิปกลอสสีส้มออกมาเตรียมทาปาก

“เดี๋ยวก่อน คุณเซียว อย่าบอกนะว่าคุณจะไปเจอพ่อแม่ฉันแบบนี้?”เย่ซือเยวี่ยทำตาโต

เซียวเป่าพยักหน้ารับ ก่อนจะโบกมือ: “วางใจเถอะ ฉันมืออาชีพพอ คุณไม่เห็นรีวิวฉันเหรอระดับห้าดาวเลยนะ ฉันแต่งตัวสดใสหน่อย คนแก่เห็นแล้วชอบแน่นอน”

ชอบบ้าอะไร พ่อแม่ฉันอยากเจอลูกเขย ไม่ใช่ลูกสะใภ้ แต่งตัวบ้าบอแบบนี้ เตรียมทำให้คนเกลียดหรือไง

เย่ซือเยวี่ยหน้าตึงทันที เธอรู้สึกเหมือนสั่งของทางเน็ตแล้วได้ของปลอม เหมือนตัวเองโดนหลอก

“ไม่ได้ คุณไม่ต้องทาอะไรทั้งนั้น ทำตัวให้มันปกติธรรมดาก็พอ”

“ฉันไม่ปกติตรงไหนกันคุณเย่ ทำไมมาด่ากันแบบนี้ล่ะ” เซียวเป่าไม่พอใจอย่างยิ่ง

เย่ซือเยวี่ยทำเสียงขึ้นจมูก: “ใครด่าคุณ ฉันเป็นคนจ่ายตัง ฉันบอกให้ทำแบบไหนก็ต้องทำตาม ไม่พอใจก็ไม่ต้องรับงานนี้ เดี๋ยวฉันไปหาคนอื่น”

อย่างว่าลูกค้าใหญ่ที่สุด เซียวเป่าเม้มปากไว้แน่น ก่อนจะยอมตกลง และยัดลิปกลอสลงกระเป๋าอย่างไม่พอใจ

เวินหนิงไม่รู้จะพูดอะไร

ขณะเดียวกันก็มีเสียงคุ้นเคยเรียกเธอจากด้านหลัง: เวินหนิง เฉียวอวี่ พวกเธอมาอยู่นี่ได้ไง?”

เย่ซือเยวี่ยหันหลังไปพบกับอันเฉินที่กำลังเดินเข้ามาพอดี เธอรีบหันกลับมา รู้สึกตื่นตกใจไม่น้อย ทำไมถึงต้องมาเจอเขาที่นี่ด้วยนะ

ถ้าเขารู้เรื่องที่เธอเช่าแฟนหนุ่มมา เขาต้องหัวเราะเยาะเธอแน่

อันเฉินเองก็เห็นเย่ชือเยวี่ยแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เอ้า นี่คุณเย่นี่นา เจอกันอีกแล้ว บังเอิญจัง”

สายตาเขาเลื่อนไปที่เซียวเป่าที่นั่งอยู่ตรงข้าม: “คุณคนนี้คือ?”

เย่ซือเยวี่ยตึงเครียดขึ้นมาทันที หัวสมองก็คิดอย่างรวดเร็วขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง เฉียวอวี่ที่นิ่งเงียบมาตลอดก็พูดขึ้น

“แฟนหนุ่มเธอ”

เย่ซือเยวี่ย: “………” ไหนล่ะมาดเท่ห์ที่ว่า?

เธอหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เม้มปากเล็กน้อย: “ใช่แล้ว แฟนใหม่ฉันเอง แซ่เซียว ” เธอลังเลที่จะบอกชื่อเต็มออกไป เพราะชื่อนี้ดูไม่ทรงอำนาจเอาซะเลย

“เช่ามา” ตามมาด้วยสองคำนี้ลอยออกจากปากเฉียวอวี่

เวินหนิง: “……….”

เย่ซือเยวี่ยมองหน้าเฉียวอวี่ที่เรียบเฉยอย่างนิ่งอึ้ง ในใจกรีดร้องไม่หยุด พี่เฉียว ฉันไปทำอะไรให้พี่เหรอ บอกฉันมาซิฉันจะปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ไม่เห็นต้องทำกับฉันแบบนี้เลย

อันเฉินอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางเย่ซือเยวี่ย กดมุมปากเล็กน้อยด้วยท่าทีประหลาด เย่ซือเยวี่ยมองแล้วไฟโมโหก็โหมกระหน่ำขึ้นมา

“มองอะไร ใครว่าเช่ามา นี่เป็นแฟนที่ฉันคบจริงจัง รักแท้เข้าใจมั้ย”

เธอก็ไม่รู้ว่าวันนี้เธอไปรบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเข้า ถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้

เซียวเป่าที่นั่งอยู่สะบัดสายตามองแรงมาทางเธอ:”รักแท้อะไรกัน อย่าพูดไปเรื่อยนะ เดี๋ยวฉันเสียชื่อหมด”

เวินหนิง: “…………”

เซียวเป่าพูดจบ ก็รีบหยิบลิปกลอสสีส้มออกมาทาบนริมฝีปากทันที ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อย แล้วหันไปยิ้นกว้างให้อันเฉินด้วยรอยยิ้มสดใส

“สวัสดีรูปหล่อ ขอแนะนำตัวหน่อยนะ ฉันแซ่เซียว เรียกฉันว่าเซียวเป่า หรือคุณจะเรียกว่าเป่าเป่าก็ได้นะ”

“……….”

อันเฉินหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะมองเซียวเป่าด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วหันหน้าหนีทันที

เย่ซือเยวี่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เธอจ้องมองไปที่เซียวเป่า กัดฟันแน่นยกมือชี้หน้าเขา ขณะที่เวินหนิงคิดว่าเพื่อนกำลังจะลงไม้ลงมือแล้ว เพื่อนเธอกลับเอามือตบโต๊ะเสียงดัง

“ไอ้กระเทยบ้า คืนเงินให้ฉัน”

เวินหนิง: “……..”

“คุณเย่ เงินมัดจำขอคืนไม่ได้นะ คุณไม่ดูเงื่อนไขอะไรเลยเหรอ แล้วนี่ยังมาด่ากันอีก ไม่มีมารยาทเอาสักเลย” เซียวเป่าย่นคิ้ว

“เห้ย ยังกล้าพูดอีก ฉันยอมจ่ายเงินเพื่อหาคนมาทำงานให้ คุณรับเงินไปแล้วแต่กลับมานั่งเพ้อละเมออยู่นี่ ผู้ชายอย่างคุณมานั่งเพ้อละเมอต่อหน้าผู้หญิงก็ยังไม่ว่า แต่กับผู้ชายก็ไม่เว้น เป็นโรคจิตหรือไง” เย่ซือเยวี่ยพูดเสียงลอดไรฟัน

เซียวเป่าหน้าเสียไปชั่วขณะ จ้องมองเธอนิดหนึ่งแล้วหันไปมองอันเฉิน ก่อนจะเม้มปากแน่น: “เธอชอบหนุ่มหล่อนี่หรือไง?”

“เป็นไปไม่ได้?” เย่ซือเยวี่ยรีบตอบปฏิเสธ

“แล้วเธอจะโมโหขนาดนี้ทำไม เชอะ” เซียวเป่าทำเป็นมองบนใส่

เย่ซือเยวี่ย: “……..”

เธอโมโหจัดจนตัวสั่นไปหมด นี่มันใช่ประเด็นมั้ย? เธอรู้สึกโกรธจนจะบ้าตายแล้ว

คนฉลาดอย่างอันเฉิน แค่ฟังการโต้ตอบของทั้งสอง ก็พอเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกกะจะนั่งดูอยู่เฉยๆ

เพราะการได้เห็นผู้หญิงอย่างเย่ซือเยวี่ยโกรธจนพูดอะไรไม่ออก ก็สนุกไปอีกแบบ

แต่ไม่ทันใด เขาก็คิดผิดแล้ว

สายตาของเซียวเป่าย้ายมาจ้องมองที่เขา ก่อนจะเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าดีใจ: “หนุ่มหล่อ คุณชื่ออะไรเหรอ? เราแลกช่องทางการติดต่อกันหน่อยมั้ย ต่อไปจะได้ติดต่อพูดคุยกัน”

อันเฉินถอยหลังไปหนึ่งก้าว: “คุณ…………..”

ยังไม่ทันพูดจบ เซียวเป่าก็กระทืบเท้าอย่างตุ้งติ้ง: “ไม่เอาซิ ก็บอกแล้วไงว่าให้เรียกเป่าเป่า”

อันเฉิน: “……..”

เวินหนิงเห็นว่าพวกเธอไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อแล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วดึงเย่ซือเยวี่ยลุกขึ้นตาม: “คือ ฉันว่าเราออกไปก่อนดีกว่านะ”

เซียวเป่าเห็นว่าพวกเธอกำลังจะไป มีหรือจะยอม เขาก็รีบตามมา: “หนุ่มหล่อ…….”

เฉียวอวี่หมุนตัววาดขายาวๆลงไปบนหลังเขา จนตัวเขาล้มไปแนบอยู่บนโต๊ะ

ในมือเธอไม่รู้ว่ามีมีดสำหรับมื้ออาหารตะวันตกตั้งแต่เมื่อไหร่ พริบตาเดียวมีดปรายแหลมก็เจาะทะลุเสื้อเชิ้ตบริเวณไหล่ของเขา ตอกแน่นไปกับผิวโต๊ะทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากภายในไม่ถึงสองวินาที ก่อนเธอจะยกขาออกแล้วเดินออกไปทันที

ระหว่างทาง

เวินหนิงที่อดกลั้นมานาน ในที่สุดก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่อีกต่อไป เธอหัวเราะจนน้ำตาไหล

เย่ซือเยวี่ยมองเธออย่างไม่พอใจ: “นี่เธอไม่ปลอบใจฉันไม่พอ ยังมาหัวเราะกันขนาดนี้อีกนะ”

เธอโบกมือไปมา: “โทษที แต่ฉันกลั้นไม่อยู่แล้วจริงๆ ฮ่าๆๆๆ”

เย่ซือเยวี่ยรู้สึกหดหู่จะตายอยู่แล้ว เธอเหลือบไปมองอันเฉินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกรอกตามองบนแล้วยิ้นเยาะ: “คุณอันนี่มนุษย์สัมพันธ์ดีเหลือเกินนะคะ ชายหญิงได้หมด ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย”

อันเฉินปรายตามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงคนนี้

เขาแน่ใจแล้วว่า การเจอกับผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีเรื่องดีเลยจริงๆ

……….

ที่บริษัทตระกูลลู่

เวินหนิงที่นั่งทำงานอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก

เธอเดินออกไปดูด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่าคนงานที่ควรจะทำงานอยู่ในเวลานี้ มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่ากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกัน

“นี่มันอะไรกัน?”

เสียงพูดคุยของแผนกออกแบบBเงียบลงทันที ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา โยนกันไปโยนกันมา ไม่มีใครกล้าออกมาพูด

เวินหนิงก็ไม่ได้เร่งอะไร เธอรอคอยอย่างอดทน ในกลุ่มดีไซเนอร์ก็ยังพอมีคนที่ใจร้อนอยู่บ้าง ไม่นานก็มีดีไซเนอร์หญิงคนหนึ่งออกมาพูด

 

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset