บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 46 ไม่ต้องกลับมาอีก

เวินหนิงอยากจะถือมีดไปแล้วไปฆ่าผู้หญิงที่จิตใจอำมหิตคนนั้น ทำไมเธอถึงได้เลวขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอโมโหมากกว่าก็คือ ถึงเธอจะเลวแต่ตัวเองก็ไม่มีปัญญาที่จะไปต่อกรได้

รู้ว่าข้างหน้าเป็นกองไฟ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องโดดเข้าไปในกองไฟ

ความดีใจเมื่อกี้ก็หายไปในชั่วพริบตา แล้วมีแต่ความเสียดสีเพิ่มขึ้น เวินหนิงไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยพร้อมเปิดรูปมาดูอีกครั้ง

“คุณแม่ คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?” มองไปที่ผู้หญิงในรูปภาพ ดวงตาทั้งสองข้างของเวินหนิงก็แดงก่ำ

ใครจะคิดว่าคนบนนั้นจะเคยเป็นผู้หญิงที่เก่งและมีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิง?

ท่านก็เคยมีชีวิตที่สวยงามและมีชื่อเสียง แต่ตอนนี้กลับต้องพึ่งพิงสายยางต่างๆนี้เพื่อต่อลมหายใจ

เวินหนิงกำโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วมีความคิดที่เด็ดขาด เธอต้อง รีบหาตำแหน่งที่อยู่ของคุณแม่ เธอจะให้คุณแม่อยู่ในกำมือของคนพวกนั้นไม่ได้

เมื่อกำลังคิดอยู่ เวินหนิงก็สังเกตุเห็นรายละเอียดในรูปถ่าย ชั้นวางของในโรงพยาบาลเหมือนจะมีเขียนชื่อไว้ แต่ก็มัวมากมองไม่ชัดเลย

เวินหนิงรีบส่งรูปถ่ายนี้ไปให้ไป๋อี้อันที่อยู่ต่างประเทศ แล้วให้เขาช่วยรีทัชรูป ดูว่าจะหาเบาะแสอะไรเจอหรือเปล่า

ตอนที่กำลังส่งรูปถ่าย ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เวินหนิงก็เก็บโทรศัพท์แล้วเงยหน้า ลู่จิ้นยวนกลับมาแล้ว

ผู้ชายคนนั้นเห็นว่าเธอกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง แล้วสายตาก็ดูกังวลจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “เธอกำลังทำอะไร?”

เวินหนิงส่ายหน้าแล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เปล่า”

เรื่องของคุณแม่ เธอไม่จำเป็นต้องให้ลู่จิ้นยวนรู้ วันนี้เธอเพิ่งขอให้เขาช่วย เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอได้คืบจะเอาศอกแล้วเอาแต่ขอความช่วยเหลือ

ลู่จิ้นยวนมองสำรวจใบหน้าเวินหนิง ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้องไห้หรือว่าเพราะอะไร แต่ยังไงคงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ปิดบังเขาอยู่

ความรู้สึกที่โดนกีดกันเหมือนเป็นคนนอก ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก

“เรื่องแบบนี้ ไม่ต้องให้ผมพูดเป็นครั้งที่สอง” สายตาลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอแล้วน้ำเสียงก็เข้มงวดมาก

เวินหนิงแอบหลบสายตา จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไร “ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันแค่คุยกับเพื่อน แม้แต่เรื่องนี้นายก็จะยุ่งหรอ?”

ลู่จิ้นยวนฟังเธอพูดจนจบ เขารู้ดีว่าเวินหนิงกำลังโกหก แต่ว่าถ้าเอาแต่บีบบังคับก็ไม่ใช่สไตล์ของเขา

แล้วอีกอย่าง……เธอเป็นอะไรของเขา? ทำไมเขาต้องเป็นห่วงคนที่ตัวเองเกลียดว่าตาแดงหรือเปล่า?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ผู้ชายคนนั้นก็เอ่ยอย่างเยือกเย็นงั้ “นก็ไม่ต้องทำท่าทางร้อนตัวต่อหน้าผม มันขัดตา”

เมื่อเวินหนิงได้ยิน สายตาก็ค่อยๆมองต่ำลงไป “รู้แล้ว ฉันออกไปช่วยเตรียมอาหารค่ำก่อน”

……

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็มาถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว

เวินหนิงตื่นตั้งแต่เช้า พับผ้าห่มจะเตรียมตัวกลับบ้าน

ถึงเธอจะทำอย่างเบามือ แต่ก็ทำให้ลู่จิ้นยวนตื่น

มองเห็นแผ่นหลังเธอที่เดินออกไปอย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำอะไร?

กี่วันนี้ มองออกได้ชัดเจนเลยว่าใจของเวินหนิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ถึงแม้ลู่จิ้นยวนจะสงสัย ก็ไม่มีทางเอ่ยปากถามก่อน แล้ววันนี้ก็แอบออกไปอีก……

ลู่จิ้นยวนตรึงสีหน้า เหมือนคิดอะไรออก จากนั้นก็ลุกขึ้นจากบนเตียง

เวินหนิงไม่ได้ให้คนขับรถในบ้านไปส่งเธอ แต่กลับนั่งรถเมย์กลับไปที่บ้านเวินคนเดียว

ลู่จิ้นยวนรู้ว่าเธอจงใจออกไปคนเดียว ก็แน่ใจไปกว่าเดิมเลยว่าเวินหนิงต้องไปทำอะไรที่ห้ามให้คนอื่นรู้แน่นอน

ผู้หญิงคนนี้ ในหัวก็มีคำพูดของเห่อจื่นอันลอยมา ผู้ชายคนนั้น เหมือนจะเคยบอกว่าต้องใช้เวลาที่ไม่ใช่เวลาทำงานอยู่กับเวินหนิงมากขึ้น

เธออดใจรอไม่ไหวจนต้องหาคนสำรองงั้นหรอ?

ลู่จิ้นยวนโทรไปหาเวินหนิงด้วยสายตาที่หงุดหงิด

เวินหนิงกำลังนั่งเหม่ออยู่ในรถโดยสารพร้อมแฝงด้วยความคิดมาก สายตาก็หม่นหมองไม่มีชีวิตชีวาเลย

เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เธอลังเลไปครู่หนึ่ง พอดูก็เป็นลู่จิ้นยวนที่โทรมา ในใจก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์อะไรบางอย่างที่ไม่ดี

“ตอนนี้ อยู่ไหน?”

น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนก็เยือกเย็นเหมือนเดิม แต่ก็ฟังออกว่าในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความโมโห

ลู่จิ้นยวนอารมณ์เสีย?

เวินหนิงรู้สึกคันยิกๆในใจแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ฉันกำลังไปที่บ้านเวิน วันนี้ฉันจะกลับบ้านได้ไหม?”

“ไปบ้านเวิน?” ลู่จิ้นยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดสี ถ้ากลับไปบ้านเวินทำไมต้องแอบออกไปคนเดียวด้วย?

“รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ ผมต้องเห็นเธอภายในครึ่งชั่วโมง”

เวินหนิงไม่รู้จะทำตัวยังไง น้ำเสียงของเขาเป็นคำสั่ง ถ้าเธอปฏิเสธก็ต้องทำให้เขาโมโห แต่ว่าถ้าวันนี้เธอไม่ไป ใครจะรู้ว่าตระกูลเวินจะทำอะไรกับคุณแม่หรือเปล่า

“ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ ฉันต้องกลับบ้าน นายเชื่อใจฉัน เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะกลับไปแน่นอน”

“เวินหนิง กับผม เธอไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่” ลู่จิ้นยวนได้ยินเธอพูดปฏิเสธ

หรือว่าช่วงนี้เขาดีกับเธอเกินไปก็เลยทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความคิดที่ได้คืบจะเอาศอก?

“ถ้าภายในครึ่งชั่วโมงเธอไม่กลับมาที่บ้านลู่ งั้นเธอก็ไม่ต้องกลับมาอีก”

ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเยือกเย็นพร้อมตัดสายทิ้ง

เวินหนิงได้ยินน้ำเสียงที่เยือกเย็นนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วเวลานี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากตระกูลเวิน ว่าเร่งให้เธอรีบไป

วินาทีนี้ เวินหนิงรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่ว่าจะไปหรือจะกลับ ก็ไม่ใช่ทางที่ดี

แต่เพื่อคุณแม่ วันนี้เธอต้องไปที่บ้านเวิน โดยที่ไม่สนว่าจะทำให้ลู่จิ้นยวนโมโห

……

เมื่อเวินหนิงไปถึงบ้านเวิน ก็เลยเวลาที่ลู่จิ้นยวนให้เธอแล้ว

เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองสำรวจที่ที่เธอเติบโตมา แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกดกริ่งหน้าบ้าน

ประตูก็ถูกเปิดอย่างรวดเร็ว ตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไป แต่ก็ถูกสาดน้ำมาบนตัวกะทันหัน น้ำนั่นไม่ได้เย็นมาก แต่กลับมีกลิ่นที่เหม็นเน่า น้ำสาดมาที่เธอจนทำให้เวินหนิงอึ้งไป

“ขอโทษนะ ฉันไม่เห็นว่ามีคน” จางหย่าหลินเสแสร้งแกล้งปิดปากแล้วมาเอ่ยเสียงเบาข้างหู “แต่ว่าสภาพนี้แหละที่เหมาะกับแก เหมือนลูกหมาตกน้ำ เหมือนตอนที่แกเข้าไปในคุกที่ทำให้คนอื่นรู้สึกสะอิดสะเอียน”

พูดจบ เธอก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มที่สะใจ

เวินหนิงกำมือไว้แน่นแล้วพยายามบอกให้ตัวเองสงบสติ เธอมาที่นี่ไม่ใช่จะมาก่อเรื่อง แต่ต้องมาสืบหาที่อยู่ของคุณแม่

พยายามหักห้ามความโมโหในใจไว้ เวินหนิงก็หยิบทิชชู่เช็คหยดน้ำบนศีรษะแล้วก็บนใบหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไป

เวินฉีโม่รออยู่ข้างในนั้นแล้ว เมื่อเห็นน้ำบนตัวเธอยังหยดไม่หยุด ก็แสดงสีหน้าที่น่ารังเกียจ “เวินหนิง แกทำตัวดีหน่อยไม่ได้หรอ พื้นที่บ้านโดนแกทำให้สกปรกหมด”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset