บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 529 ชนเข้าอย่างจัง

ซ่งรั่วอวิ้นรีบรับปากทันที ก่อนจะไปหาหยงซือเหม่ยที่ยังไม่ได้ออกไป

ที่ซ่งรั่วอวิ้นได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากนายท่านหยงนั้น ก็เป็นเพราะเหตุการณ์อุบัติเหตุเมื่อครั้งที่นายท่านหยงไปปีนเขา เนื่องจากนายท่านหยงหัวใจวายฉับพลัน ซึ่งซ่งรั่วอวิ้นได้ไปเจอท่านเข้าพอดี เลยไปเรียกคนมาช่วยไว้ได้ทัน

ต่อมา พอนายท่านหยงทราบว่าซ่งรั่วอวิ้นเป็นเด็กกำพร้า ท่านจึงได้รับมาอุปการะเลี้ยงดู

และซ่งรั่วอวิ้นเองก็เป็นเด็กดีและขยันขันแข็งมาก ตั้งแต่บ้านตระกูลหยงรับเธอมาเลี้ยงดู ไม่ว่าผลการเรียนหรือผลงานที่เธอทำออกมาดีทุกด้าน เลยทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับหยงซือเหม่ยที่เอาแต่เที่ยวอย่างเดียว

อีกทั้งยังมีการลือกันว่า นายท่านหยงเตรียมจะมอบหุ้นบางส่วนให้ซ่งรั่วอวิ้น ซึ่งจะทำให้ซ่งรั่วอวิ้นกับหยงซือเหม่ยมีทีนั่งพอๆกันด้วย

“คงไม่ใช่ว่าเธอจะมาแย่งของที่ฉันเล็งไว้อีกแล้วนะ?”

หยงซือเหม่ยหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่เหลือภาพพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวอย่างที่แสดงต่อหน้านายท่านหยงแม้แต่นิด

ซ่งรั่วอวิ้นรีบส่ายหน้า: “ไม่ค่ะ”

“รู้ตัวก็ดีละ จำฐานะตัวเองให้ดี เธอเป็นแค่เด็กที่ท่านปู่รับมาเลี้ยง อย่าริอาจมาแย่งของของบ้านตระกูลหยงกับฉัน เธอ……ไม่มีสิทธิ์”

ซ่งรั่วอวิ้นก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไร ทำได้เพียงแค่กำหมัดไว้แน่น

นานครู่ใหญ่ กว่าเธอจะเงยหน้าขึ้นมาฝืนยิ้ม: “ฉันจะขับรถไปส่งคุณเอง”

หยงซือเหม่ยทำเสียงในลำคอทีหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปนั่งบนรถด้วยท่าทางที่มองว่ามันเป็นหน้าที่เธออยู่แล้ว

ซ่งรั่วอวิ้นถอนหายใจทีหนึ่ง ก่อนจะบอกตัวเองว่าอยากไปใส่ใจ

ก่อนหน้านี้ เนื่องจากผู้ชายที่ตามจีบหยงซือเหม่ยเห็นว่าเธอเป็นคนโมโหร้าย เลยหันมาจีบซ่งรั่วอวิ้นแทน และเพราะเรื่องนี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเธอทั้งสองตึงเครียดหนักกว่าเก่า

………

หลังจากที่ลู่จิ้นยวนกลับจากโรงแรม เขาก็รีบติดต่อไปที่สถาบันวิจัยทันที

เป็นเพราะตระกูลหวงออกปากแทน จึงทำให้ศาสตราจารย์หลี่ยอมตกลงที่จะเดินทางไปผ่านตัดที่เมืองเจียงเฉิง

อันเฉินเองก็ออกตัวจะเป็นคนจัดการพาเขาไปส่งเอง

ลู่จิ้นยวนเองก็ไม่ได้ขัดอะไร เขาเข้าใจตราบใดที่อันเฉินยังคิดถึงแต่เย่ซือเยวี่ย จะบังคับเขาให้อยู่ก็ไม่มีความหมายอะไร

แล้วก็……..

พอดีเลยเขาและเวินหนิงจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน โดยไม่มีใครมากวน

แต่เวินหนิงที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ พอได้ยินว่าสามารถกลับไปผ่านตัดที่เมืองเจียงเฉิงได้แล้ว เธอจึงอยากไปกับอันเฉินด้วย

ลู่จิ้นยวนจึงรีบห้ามเธอไว้ : “เธอยังต้องตรวจสอบเรื่องของบ้านตระกูลหยงอีกไม่ใช่เหรอ?”

เวินหนิงคิดไปคิดมา: “จริงด้วย”

ดังนั้นจึงต้องให้อันเฉินเป็นคนพาไป ขณะที่เวินหนิงไปส่งอันเฉินก็ฝากฝังอันเฉินว่าผ่านตัดเมื่อไหร่ให้บอกเธอด้วย เธอจะได้รู้สถานการณ์ทางโน้น จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล

หลังจากส่งอันเฉินเสร็จ เวินหนิงเองก็รู้สึกเบาใจมากขึ้น

ลู่จิ้นยวนมองดูเวลาเห็นว่าค่ำมากแล้ว

“เราออกไปกินข้าวข้างนอกกันมั้ย?”

ที่นี่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศZ ดังนั้นอาหารที่นี่จึงมีแต่อาหารชื่อดังทั้งนั้น

พอได้ยินลู่จิ้นยวนถามเธอจึงมองดูเวลา ก่อนจะรู้สึกว่าหิวแล้วเหมือนกัน เลยพยักหน้าเห็นด้วย

ขณะที่ลู่จิ้นยวนจะขับรถพาเวินหนิงไปทานข้าว หยงซือเหม่ยก็ตามเข้ามา

พอเห็นลู่จิ้นยวนสีหน้าเธอก็ดีใจอย่างเห็นได้ชัด

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พบเจอกับลู่จิ้นยวนบ่อยนัก

“คุณชายลู่ บังเอิญจังเลยค่ะ”

หยงซือเหม่ยเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

เวินหนิงขมวดคิ้วอย่างสงสัย

หยงซือเหม่ยตั้งใจขับรถมาหาชัดๆ มันบังเอิญตรงไหนกัน?

แต่เมื่อเห็นเธอยิ้มมาแต่ไกล เลยไม่อยากพูดอะไรมาก

“คุณนัดเธอไว้เหรอ?”

เวินหนิงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เปล่า ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมาที่นี่”

ลู่จิ้นยวนรีบตอบปฏิเสธ เขากับหยงซือเหม่ยไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรเกินเลย คุณหนูเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ใช่สเปคเขาเลย

สายตาหยงซือเหม่ยไปหยุดอยู่ที่เวินหนิง เห็นเวินหนิงนั่งอยู่ข้างคนขับแบบนี้แล้ว ก็ทำให้เธอนึกไปถึงภาพของทั้งคู่เมื่อสองวันก่อน ในใจก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง

“คืออย่างงี้ค่ะ วันนี้ฉันเกิดเรื่องนิดหน่อยแต่ทางคุณชายลู่ได้ช่วยฉันไว้ ฉันจึงอยากขอเลี้ยงข้าวขอบคุณเขาสักมื้อ คุณผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่ว่าอะไรใช่มั้ยคะ?”

เธอพูดขนาดนี้แล้ว เวินหนิงเองจะไปว่าอะไรได้ จึงทำได้แค่พูดว่า : “ไม่ว่าอะไรค่ะ”

หยงซือเหม่ยเห็นเช่นนั้นก็แอบยิ้มในใจ ก่อนจะทำเป็นถามขึ้น : “เอ๊ะ ว่าแต่ฉันยังไม่รู้จักคุณผู้หญิงคนนี้เลย ไม่ทราบว่าคุณเป็นแฟนคุณชายลู่หรือเปล่าคะ?”

ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย ยังไม่ทันจะบอกว่าเวินหนิงเป็นภรรยาของเขา เวินหนิงจ้องมาทางเขา ก่อนจะรีบพูดขึ้น: “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ใช่แฟนเขา”

เห็นได้ชัดว่าหยงซือเหม่ยกำลังคิดอะไร เธอแสดงออกชัดเจนว่าชอบลู่จิ้นยวน

ที่บ้านก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักมีความรู้ความสามารถที่เย่หวานจิ้งจัดหาไว้ให้เขา ข้างนอกนี้ยังมีคุณหนูตระกูลดังมาติดพันอีก ลู่จิ้นยวนออกมารอบนี้ดูเหมือนดอกรักจะบานสะพัดมากนะ

ผู้ชายคนนี้นี่เสน่ห์แรงจริงๆ

ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไม่พอใจเอาซะเลย จึงได้พูดแบบนั้นออกไป

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง”

พอได้ยินเวินหนิงบอกว่าไม่ใช่แฟนลู่จิ้นยวน หยงซือเหม่ยก็รู้สึกดีใจมาก

หรือถึงแม้ว่าจะเป็นแฟน เธอก็ไม่ยอมลามือง่ายๆหรอก

“ก็ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะขอเลี้ยงข้าวคุณชายลู่เพียงลำพังสักมื้อได้มั้ยคะ?”

ได้ยินหยงซือเหม่ยพูดแบบนี้ เวินหนิงเองก็ไม่อยากอยู่ต่ออีก : “ตามสบายเลยค่ะ”

พูดจบก็ปลดสายคาดเบลล์ออกเตรียมลงจากรถ

ลู่จิ้นยวนเห็นแบบนั้นจึงรีบจับแขนเธอไว้ : “เธอจะไปไหน? ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะพาเธอไปกินข้าวด้วยกัน ”

เวินหนิงอยากจะหัวเราะใส่ มีหยงซือเหม่ยที่จ้องเหมือนจะกินเธออยู่แบบนี้ คิดว่าเธอจะกินลงมั้ย?

ไม่ติดคอตายก็ถือว่าบุญแล้ว

“พวกคุณไปทานกันเถอะค่ะ ฉันไม่หิว”

เวินหนิงอยากสะบัดมือของลู่จิ้นยวนออก แต่ชายหนุ่มกลับจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

เขาไม่เข้าใจว่าเธอกำลังโมโหเรื่องอะไร

เรื่องที่หยงซือเหม่ยจะเลี้ยงข้าวเขาให้ได้น่ะเหรอ?

เขาก็อธิบายแล้วนี่นาว่าเขาไม่ได้นัดเธอมา

“ฉันไม่อยากไปทานข้าวกับเขา เด็กดี เลิกงอแงนะ ใจเย็น”

“ฉันงอแง?”

ใครกันแน่ที่ควรใจเย็น?

เมื่อเช้าแม่คุณก็เพิ่งหาคนใหม่มาดูแลอันหราน ตกคำ่คุณก็มีนัดอีก มันจะบังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ อยากให้เขาค่อยๆคุ้นเคยกับคนอื่น จากนั้นจะได้ไล่ฉันไปได้ง่ายๆใช่มั้ย?”

เวินหนิงรู้สึกหงุดหงิดมาก ลู่จิ้นยวนได้ฟังแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไป ลู่อันหรานอยู่บ้านนี่นา แล้วหาคนใหม่ไปให้อีกเมื่อไหร่กัน?

เขารู้ทันทีว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่

แต่ เวินหนิงเองกลับไม่อยากฟังเขาอธิบายอะไรทั้งนั้น

เธออาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดมือจนหลุดแล้วลงจากรถไปทันที

หลังจากที่เวินหนิงออกไปแล้ว หยงซือเหม่ยก็นึกทวนสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่อีกครั้ง

อันหราน……….ใครกัน?

ชื่อนี้น่าจะต้องลองสืบดูหน่อยแล้วล่ะ

แต่ตอนนี้คนที่เป็นปัญหาก็ไปแล้ว เธอจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเด็ดขาด

“คุณชายลู่คะ ฉันจองร้านอาหารไว้แล้ว ในเมื่อเธอไม่ไปด้วย งั้นเราไปกันเถอะค่ะ”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset