บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 536 หาคนที่รักมากแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

“พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้วเหรอคะ?”

ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ ลูบผมเธออย่างอ่อนโยน: “อืม เพิ่งไปดูงานกลับมา ทำไมคิดถึงพี่แล้วเหรอ?”

“คิดถึงค่ะ ซือซือก็คิดถึงพี่มากค่ะ เอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่พี่จะกลับมา…..”

สองพี่น้องพูดคุยกันอย่างกลมเกลียว ซ่งรั่วอวิ้นเห็นพวกเขาคุยกันแล้วแววตาดูเศร้าหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยอะไร

ต่อให้เธอจะพูดดีแค่ไหน ก็ไม่ใช่คนบ้านตระกูลหยงอยู่ดี ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ

แต่ ขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไปก็ถูกหยงเพ่ยเฟิงเรียกเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน เห็นฉันแล้วไม่คิดจะทักทายเลยเหรอ?”

ชายหนุ่มหรี่ตามองซ่งรั่วอวิ้นจากด้านหลัง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเล็กน้อย

“พี่ใหญ่”

ซ่งรั่วอวิ้นหันกลับมาโค้งตัวทักทายด้วยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย

หยงเพ่ยเฟิงหันไปบอกหยงซือเหม่ย : “ซือเหม่ย ไปดูนายท่านหยงก่อนนะ เดี๋ยวพี่คุยอะไรกับรั่วอวิ้นหน่อย”

“ได้ค่ะ พี่ใหญ่”

หยงซือเหม่ยเห็นแบบนั้นนัยตาก็ฉายแววซะใจแวบหนึ่ง

คิดว่าพี่ใหญ่คงจะอยู่เพื่อพูดสั่งสอนซ่งรั่วอวิ้นแน่ เธอจึงเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี

“มานี่”

หยงเพ่ยเฟิงเดินนำเข้าไปในห้อง พอเห็นซ่งรั่วอวิ้นไม่ได้เดินตามเข้ามา จึงได้พูดสั่งอีกครั้ง

หลังเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็แกะกระดุมบนเสื้อคลายออกหายเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกแกร่ง

ให้ความรู้สึกเซ็กซี่จนห้ามใจได้ยาก ซ่งรั่วอวิ้นจึงต้องรีบก้มหน้าหลบเขา

ก้มหน้าทำไม กังวลอะไร?

“ฉันไม่อยู่เธอไปให้ท่าใครบ้างอีกล่ะ?”

ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มเย็น และรอยยิ้มนั้นก็ไปไม่ถึงดวงตา

ได้ยินแบบนั้น ในใจซ่งรั่วอวิ้นก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา

หลังเธอได้รับการอุปการะ หยงเพ่ยเฟิงก็ดีกับเธอมาก คอยดูแลปกป้องเหมือนคนในครอบครัว มันเป็นช่วงเวลาในชีวิตที่เธอมีความสุขมาก

แต่หลังจากที่ทุกคนเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นายท่านเห็นแก่ที่เธอเคยช่วยชีวิตท่านไว้ จึงเสนอให้หยงเพ่ยเฟิงแต่งงานกับเธอ

หยงเพ่ยเฟิงไม่ยอมเพราะเขามีคนรักอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงได้ยุติไว้แค่นั้น

แต่หลังจากเรื่องนั้น คนในบ้านตระกูลหยงก็เกิดความระแวงในตัวเธอขึ้นมา พวกเขาคิดว่าเธอหวังในสมบัติของบ้านตระกูลหยง จึงคอยหาทางกันเธอออกห่าง

หยงซือเหม่ยเองก็เอาแต่เป่าหูแฟนสาวของหยงเพ่ยเฟิงถึงเรื่องของเธอ ทำให้หยงเพ่ยเฟิงกับแฟนผิดใจกันหลายครั้ง จนเขาโยนความผิดทั้งหมดมาที่ซ่งรั่วอวิ้น

เพื่อไม่ให้พวกเขาระแวงในตัวเองอีก ซ่งรั่วอวิ้นจึงตัดสินใจไปทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ที่ไม่มีอำนาจอะไร โดยต้องอาศัยความสามารถตัวเองเป็นหลัก แต่…พอเธอสู้จนมีผลงานขึ้นมาได้ ก็ถูกกล่าวหาว่าเธอใช้รูปร่างหน้าตาหลอกล่อจนได้งานเพื่อเอาใจนายท่าน

ต่อมา คู่ดูตัวของหยงซือเหม่ยเห็นเธอเข้าก็ตกหลุมรัก แล้วเปลี่ยนมาตามจีบเธอแทน ยิ่งทำให้เธอโดนว่าหนักยิ่งขึ้น

แม้แต่หยงเพ่ยเฟิงที่เคยเชื่อใจเธอ ยังเปลี่ยนมาเป็นสงสัยเธอแบบนี้

“ฉันเปล่านะคะ พี่ใหญ่ ฉัน……”

ยังไงแล้วเธอก็ยังเป็นคนของบ้านตระกูลหยงอยู่ อย่าทำอะไรให้ตระกูลหยงต้องเสื่อมเสียเด็ดขาด และอย่าคิดแย่งชิงกับซือเหม่ย ไม่อย่างนั้น……..อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

หยงเพ่ยเฟิงขัดขึ้น

แค่คิดว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ เธอมีติดต่อกับบรรดาผู้ชายในบริษัทฯต่างๆ เขาก็รู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก

ถึงได้พูดทุกอย่างออกไปอย่างไม่อาจห้ามอยู่

ซ่งรั่วอวิ้นสีหน้าซีดขาวทันที

สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไร

“เข้าใจแล้วค่ะ”

แล้วจะให้เธอพูดอะไรได้ล่ะ?  เป็นคนนอกที่พูดอะไรไปก็คงไม่มีความหมายอะไร

เห็นซ่งรั่วอวิ้นมีสีหน้าสลดลง หยงเพ่ยเฟิงเองก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ: “ออกไปได้แล้ว”

ซ่งรั่วอวิ้นจึงเดินออกไป

หยงซือเหม่ยที่ยืนอยู่ด้านนอก ปรายตามองมาที่เธอ : “เป็นไง โดนพี่ชายฉันว่าล่ะซิ? พรุ่งนี้เธอไปหาเวินหนิง พูดคุยเรื่องนั้นให้ชัดเจนด้วย”

“ทำไมต้องเป็นฉันไป?”

ซ่งรั่วอวิ้นที่รู้สึกเหนื่อยอยู่แล้ว พอได้ยินแบบนั้น ในใจจึงต่อต้านขึ้นมาทันที

ครอบครัวเขารักกันอยู่ดีๆ หยงซือเหม่ยก็อยากจะเข้าไปแทรก แล้วยังมาให้เธอเป็นคนเลวแทนอีก?

“ให้เธอไป เธอก็ไม่ จะให้บ้านตระกูลหยงเลี้ยงเธอมาเสียเปล่าเหรอ?”

คำพูดเย็นยะเยือกของหยงซือเหม่ยทำให้เอาเธอพูดอะไรไม่ออก

คำว่าบุญคุณชุบเลี้ยงของบ้านตระกูลหยงมันค้ำคอ จนทำให้เธอไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากอดทน

……..

ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่ในร้านกาแฟนานพักใหญ่ ก่อนจะได้สติกลับมา

กว่าเขาจะตั้งสติได้ เวินหนิงก็ได้ชำระเงินและเดินออกไปนานมากแล้ว

เขาเดินออกไป รู้สึกมีลมเย็นๆพัดเข้ามาบนหน้า ก่อนจะหันไปมองดูเมืองที่ไม่คุ้นเคยด้วยหัวใจที่รู้สึกเหน็บหนาวจับใจ

เวลาเดียวกันนั้นโทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้น

เป็นสายจากไป๋ซินอวี่

ตั้งแต่ครั้งที่เขากับเวินหนิงได้ปรับความเข้าใจกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับไป๋ซินอวี่ก็ดีขึ้นด้วย นานๆทีก็จะมีโทรฯมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พูดคุยเล่าสู่กันฟัง

“ว่าไง ซินอวี่”

ไป๋ซินอวี่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูด: “จิ้นยวน ผมหมั้นกับเยียนหรานแล้วนะ”

ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้ว

หลังจากครั้งนั้นที่เวินหนิงจากเขาไป เขาถึงได้รู้ว่าความรักที่ไป๋ซินอวี่มีให้กับมู่เยียนหรานมันมากมายแค่ไหน

แต่ เขาไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องอะไรแบบนั้น

“ผมคิดว่าควรจะบอกให้คุณรับรู้หน่อย”

“ไม่เป็นไร ผมไม่คิดมาก คุณสบายก็พอ”

ลู่จิ้นยวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ได้ยินแบบนั้น ไป๋ซินอวี่ก็เบาใจลง

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาเคยคิดที่จะปล่อยมือจากมู่เยียนหราน แต่พอเห็นผู้หญิงที่รักมานานหลายปีเครียดหนัก และไม่มีใครคอยดูแล ไป๋ซินอวี่เองก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก จึงตัดสินใจกลับไปอยู่เคียงข้างเธออีกครั้ง

เขาคิดว่ารอให้เธอดีขึ้นค่อยถอยห่าง

แต่ไม่คิดว่า มู่เยียนหรานจะเป็นคนบอกว่า เราอยู่ด้วยกันเถอะ

ถึงแม้จะไม่ทันตั้งตัว แต่หลังจากที่ไป๋ซินอวี่คิดทบทวนดีแล้ว ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

บางที อาจเป็นเพราะว่ามู่เยียนหรานมีความสำคัญต่อเขามาก ถ้าวันหนึ่งต้องจากกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง

“จิ้นยวน คุณกับเวินหนิงก็ต้องรักกันดีๆนะ”

ไป๋ซินอวี่ถอนหายใจ นี่เป็นคำอวยพรที่จริงใจที่สุดแล้วสำหรับเขาทั้งสอง

ลู่จิ้นยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มขื่น: “เหมือนคำพูดนี้ของคุณจะมาช้าไปหน่อยนะ……”

“เราเพิ่งจะตกลงกันว่าต่อไปจะไม่ข้องเกี่ยวกันอีก”

พูดเสร็จ ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกเหมือนอยากจะเยาะเย้ยตัวเอง

ยังไงดีล่ะ เขาเองยังไม่กล้าใช้คำว่าเลิกรากับความสำพันธ์ระหว่างเขากับเวินหนิงเลย เพราะพวกเขาไม่เคยแม้แต่จะบอกรักกัน หรือยอมรับกันในฐานะแฟน

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามความต้องการของเขาอยู่ฝ่ายเดียว

“แล้ว คุณจะทำยังไงต่อ?”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไร

ไป๋ซินอวี่มาคิดดูแล้ว ปัญหาในบ้านตระกูลลู่มันก็ซับซ้อนวุ่นวายจริง

เวินหนิงอยากถอยห่างก็เป็นเรื่องธรรมดา

เพราะใครก็ไม่อยากล้มในหลุมเดิมถึงสองครั้ง

แต่ถ้าพวกเขาต้องเลิกรากันไปแบบนี้จริง ไป๋ซินอวี่เองรู้สึกว่ามันก็น่าเสียดายมาก

“จิ้นยวน ผมหวังว่าคุณจะไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆนะ เพราะถ้าเสียเธอไป บางทีคุณอาจจะไม่เจอคนที่รักมากแบบนี้อีก นี่เป็นคำแนะนำจากผม”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset