บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 538 น่าจะเป็นความรู้สึกชอบ

เมืองเจียงเฉิง

อันเฉินพาศาตราจารย์หลี่มาถึงที่หมายในช่วงค่ำ

และเนื่องจากศาตราจารย์หลี่อายุหกสิบกว่าแล้ว จึงทนต่อการเดินทางไกลแบบนี้ได้ไม่ไหวนัก อันเฉินจึงพาท่านไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน

เสร็จแล้วก็รีบไปหาเย่ซือเยวี่ยทันที

ครั้งนี้ทุกอย่างดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อันเฉินก็ยังห่วงเย่ซือเยวี่ยอยู่มาก ไม่รู้ว่าหญิงสาวยังขี้อาระวาดอยู่มั้ย

เขาโทรฯหาที่บ้านเพื่อบอกให้รู้ว่าเขามาถึงเมืองเจียงเฉินแล้วแต่ยังมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยอาจต้องกลับดึกหน่อย ก่อนจะขับรถไปที่โรงพยาบาลท้ันที

คุณแม่อันเฉินเป็นคนรับสาย ในใจก็อดที่จะบ่นไม่ได้ว่า: “นี่เห็นงานสำคัญกว่าหรืออะไรกัน กลับมาเมืองเจียงเฉิงก็ต้องกลับบ้านก่อนเป็นอันดับแรกซิ หรือว่า…..มีแฟนแล้ว?”

คิดได้แบบนั้น คุณแม่ของอันเฉินก็วิ่งเข้าไปในห้อง ยืนพูดต่อหน้ารูปของพ่ออันเฉิน: “ไม่รู้ว่าลูกรักของคุณจะมีหลานให้ฉันอุ้มเมื่อไหร่กัน ถ้าได้สักคนก็คงจะดี ฉันเองก็จะได้ไม่รู้สึกติดค้างอะไรคุณอีก!”

……..

อันเฉินถึงโรงพยาบาลในเวลาที่ค่อนข้างดึกมากแล้ว

เขาคิดว่าแค่มาดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรก็จะกลับ จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ

เขาเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป อันเฉินเห็นคุณแม่ของเย่ซือเยวี่ยนอนหลับอยู่ข้างเตียง

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปหา เย่ซือเยวี่ยก็ถามขึ้น: “ใคร?”

อันเฉินตกใจจนสะดุ้ง ไม่คิดว่าเธอยังไม่นอน

“ชูว์.. เบาๆหน่อย คุณแม่หลับอยู่”

พอได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เย่ซือเยวี่ยก็ผ่อนคลายลง : “คุณกลับมาเร็วจัง………”

“ฉันเพิ่งถึงก็มาดูเธอเลย”

“อ๋อ เข้าใจละ”

ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบ แต่ในใจของเย่ซือเยวี่ยกลับดีใจอยู่ไม่น้อย

อันเฉินเดินเข้าไปหา : “เธอยังไม่นอน? หรือว่าฉันทำให้เธอตื่น?”

“นอนไม่หลับ วันๆอยู่แต่ในห้อง นอนมากพอแล้ว”

เย่ซือเยวี่ยแค่พูดไปตามความเป็นจริง แต่ในใจอันเฉินกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาแวบหนึ่ง

“สองสามวันนี้ อาจจะมีคุณหมอมาดูอาการให้ เธออาจจะได้รับการผ่าตัดเร็ววันนี้ ไม่นานเธอก็จะมองเห็นได้อีกครั้ง”

“จริงเหรอ?”

เย่ซือเยวี่ยได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก แต่ก็รีบควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบลง

ตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะคาดหวังกับอะไรมากนัก เธอกลัวว่า ยิ่งคาดหวังไว้สูง ก็จะยิ่งผิดหวังมาก

“แล้ว…..ถ้าฉันไม่หายจะทำไงดี?”

“งั้นก็หาต่อไป จนกว่าจะเจอคุณหมอที่จะรักษาเธอให้หายได้”

อันเฉินตอบโดยไม่ต้องคิด

เขาไม่อยากเห็นเย่ซือเยวี่ยท้อแท้และเศร้าหมองแบบนี้

“ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทนได้อีกนานแค่ไหน”

เย่ซือเยวี่ยยิ้มขื่น

ต่อหน้าพ่อแม่ เธอพยายามทำเป็นสดใสคิดบวกเพราะไม่อยากทำให้ท่านต้องกังวลใจ แต่ไม่รู้ทำไมกับอันเฉินเธอไม่อยากพยายามทำเป็นเข้มแข็งอีกต่อไป

“ถ้างั้นฉันก็จะอยู่กับเธอตรงนี้ และทำให้เธออดทนสู้ต่อไป”

อันเฉินนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งมาปอกให้เย่ซือเยวี่ย

“ก็ถ้าต่อไปคุณมีครอบครัว ก็คงจะเบื่อฉันแล้วล่ะ…..”

เย่ซือเยวี่ยหันหน้าไปทางอันเฉิน เวลานี้เธออยากเห็นสีหน้าของเขาเหลือเกิน อยากรู้ว่าเขาจะตอบเธอยังไง

“ไม่มีทาง ถ้าเธอกังวลเรื่องนี้ ฉันสัญญากับเธอได้เลยว่า ก่อนที่เธอจะหายกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันจะไม่แต่งงาน ไม่มีลูก แบบนี้เธอจะสบายใจขึ้นมั้ย?”

“ที่ฉันเป็นแบบนี้มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ถ้าคุณแค่รู้สึกผิด…….ก็ไม่ต้องนะ”

อันเฉินวางแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วไว้ข้างๆ รู้สึกผิดเหรอ….

ก็อาจมีบ้าง ใครให้เย่ซือเยวี่ยบอกว่าเกิดเรื่องตอนที่อยู่กับเขา

แต่พอโดนเธอถามแบบนี้ เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าที่เขาเป็นห่วงเป็นใยเธอมากมายแบบนี้คงไม่ใช่แค่รู้สึกผิดแล้วล่ะ

ถ้าแค่รู้สึกผิด เขาต้องทำถึงขนาดกลับมาปุ๊บก็ตรงมาหาเธอโดยไม่แวะกลับบ้านก่อนเลยเหรอ…..

เห็นอันเฉินนิ่งเงียบไป เย่ซือเยวี่ยก็คิดไปเองว่าเขายอมรับว่าเป็นแบบนั้น ในใจเธอรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย: “ช่างเถอะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณเพิ่งกลับมา ก็น่าจะเหนื่อยมาก ยังไงก็กลับไปก่อนเถอะ”

“เย่ซือเยวี่ย”

อันเฉินลุกขึ้นยืนทันทีทันใด: “สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ อาจจะทำให้เธอรู้สึกตกใจ เธอช่วยตั้งสติและนิ่งไว้ก่อน อย่าทำให้แม่เธอตื่นได้มั้ย?”

“อะไร?”

เย่ซือเยวี่ยเอียงหัวเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลง

“ฉันคิดว่า ที่เธอพูดว่าเป็นเพราะฉันรู้สึกผิด รู้สึกต้องรับผิดชอบ ฉันไม่เถียง แต่เหมือนมันจะไม่ใช่แค่นั้น”

สิ่งที่อันเฉินกำลังพูดทำให้หัวใจของเย่ซือเยวี่ยเต้นแรงมากขึ้น

“แล้วยังไง?”

“ฉันว่าฉันเหมือนจะชอบเธอเข้าแล้ว ยังไงเราลองมาคบกันมั้ย?”

อันเฉินไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว ยิ่งไม่มีโรแมนติกอะไรทั้งสิ้น เขาพูดทุกอย่างออกมาตามที่ใจต้องการ

เย่ซือเยวี่ยที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้มีสีหน้าเต็มไปได้ความไม่เข้าใจ

เธอก็นึกว่าอันเฉินจะพูดเรื่องอะไรซะอีก……

อ๋อ ที่แท้เขาบอกว่าเขาชอบเธอนี่เอง

ไม่สิ……เขาชอบเธอ?

“วันนี้เป็นวันโกหกโลกเหรอ?”

เย่ซือเยวี่ยถามขึ้นแบบนั้น

อันเฉินที่กำลังใจจดจ่อรอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธอยู่ พอได้ยินแบบนั้นก็นึกอยากตบหัวให้ทีหนึ่ง

“ไม่ใช่”

“งั้นคุณก็กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่มั้ย?”

อันเฉินรู้สึกจนใจ :”เย่ซือเยวี่ย ทีเมื่อก่อนเธอไปพังงานดูตัวของฉันไม่เห็นจะยึกๆยักๆแบบนี้เลย สรุปเธอจะตอบรับ หรือจะปฏิเสธ?”

“มีผู้ชายที่ไหนเขาถามผู้หญิงแบบนี้กัน?”

เย่ซือเยวี่ยก้มหน้าบ่นอุบอิบ

แต่เธอรู้สึกได้ว่าใบหน้าเธอเริ่มเห่อร้อนเป็นพักๆแล้ว

ความรู้สึกในใจก็ชัดเจน เธอไม่ได้รังเกียจอันเฉิน แต่กลับรู้สึกดีใจที่เขาอยู่ที่นี่

นี่น่าจะเป็นความรู้สึกของการชอบใครสักคนสินะ?

“ปกติ เธอก็ไม่เหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว…..”

อันเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะแหย่เธอ

“ผู้ชายอะไรไม่โรแมนติกเอาซะเลย…….” เย่ซือเยวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเถียงเขา : “อยากให้ฉันตอบรับ อย่างน้อยก็ควรจะมีช่องดอกไม้มาไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดนี้อาจฟังดูตลก

แต่ความหมายมันกลับชัดเจน

มันแปลว่าตกลง

อันเฉินยิ้มกว้างขึ้นมาทันที เมื่อครู่เขายังคิดว่าเย่ซือเยวี่ยจะปฏิเสธเขาซะอีก

“งั้นก็ติดไว้ก่อนนะ? เวลานี้ก็ไม่มีร้านดอกไม้ที่ไหนยังเปิดอยู่ เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะชดเชยให้”

เขาที่เอาแต่งานยุ่งอยู่กับลู่จิ้นยวน จนไม่เคยคบกับใครมาก่อน

ยังดีที่เย่ซือเยวี่ยมองไม่เห็นสภาพเขาตอนนี้ที่เขิลอายจนตัวม้วน……

ทั้งสองเพิ่งพูดคุยกันเสร็จ แม่ของเย่ซือเยวี่ยที่หลับอยู่ก็พลิกตัวเล็กน้อย

อันที่จริงแล้ว เธอตื่นตั้งแต่ตอนที่อันเฉินเข้าห้องมาแล้ว แต่เธอเห็นว่าพวกเขาเหมือนจะมีเรื่องต้องคุยกัน จึงแกล้งทำเป็นหลับต่อ

โดยไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset