บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 569 เลิกกับเวินหนิงแล้ว

เหอจื่ออันมองมา ยักไหล่ “อย่างที่คิดไว้จริงๆ ไม่แปลกที่อันหรานรีบร้อนเรียกฉันออกมา เพราะนายมานี่เอง คุณลู่ ให้เด็กมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผู้ใหญ่ มันดีมากเหรอ?”

ลู่จิ้นยวนมีสีหน้าหนักอึ้ง ลู่อันหรานได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าเหอจื่ออันจัดการยากมาก ราวกับว่าไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็มีทฤษฎีที่จะจัดการคนอื่นๆ

“แล้วที่คุณทำมันถูกไหม? คุณมีสิทธิอะไรมาสอนแบบนี้ สอนแบบนั้น”

ลู่อันหรานพูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ เหอจื่ออันเหลือบมองเขา

ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เวินหนิงก็ได้ยินการเคลื่อนไหว เดินออกมา เห็นลู่จิ้นยวนก็ขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ

“คุณมาที่นี่ทำไม?”

ตอนนี้เขา ควรจะอยู่กับหยงซือเหม่ย เพลิดเพลินกับกลิ่นหอมและความอบอุ่นไม่ใช่เหรอ?

“ฉันมีอะไรอยากคุยกับเธอ”

ลู่จิ้นยวนมองตาเวินหนิง พูดขึ้นอย่าจริงจังมาก

ทันใดนั้นเหอจื่ออันก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี กำลังจะเอ่ยปาก ให้เวินหนิงอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเขา เวินหนิงกลับมองไปที่เขา “จื่ออัน คุณพาอันหรานออกไปก่อน”

บางคำพูด บางทีการพูดออกมาตรงๆ มันดีกว่าการหลีกเลี่ยงตลอดเวลา

เหอจื่ออันลังเลสักพัก สุดท้ายก็พยักหน้า “เราไปกันเถอะ”

ลู่อันหรานทำหน้าไม่ยินยอม แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะโกรธเคือง ก็ยังเดินออกไป แค่ไม่ยอมให้เหอจื่ออันจับมือเขา เขาเดินเอง

“คุณอยากพูดอะไร?”

เวินหนิงมองลู่จิ้นยวนเงียบๆ เมื่อครู่นี้เธอคิดไว้เยอะมาก ตอนนี้สงบลงมากโดยไม่คาดคิด

อย่างน้อย ลู่จิ้นยวนก็มองไม่เห็นถึงร่องรอยความโกรธหรือหึงหวงบนใบหน้าเธอ

เขากระวนกระวายใจอย่างอธิบายไม่ถูก

“ฉันไม่รู้ว่าทำไมหยงซือเหม่ยอยู่ที่นั่น ฉันไม่ได้ติดต่อเธอเลย ฉันกับเธอ……”

“ไม่เป็นอะไร เรื่องพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ถึงจะเกี่ยว มันก็ไม่สำคัญ”

คำพูดที่เหลือ ยังไม่ทันพูดจบ เวินหนิงก็ขัดคำพูดเขา

ทันใดนั้นลู่จิ้นยวนก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว

เขายอมเห็นเวินหนิงโกรธตนดีกว่า ไม่อยากเห็นเธอทำหน้าเมินเฉยแบบนี้

มันเหมือนว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา เธอไม่สนใจเลย ไม่เลยสักนิดเดียว

“เมื่อกี้อันหรานโทรมาหาฉัน บอกว่าเธอไม่พอใจมาก ฉันก็เลยมา ฉันอยากอธิบายเรื่องนี้กับเธอให้รู้เรื่อง”

“ไม่จำเป็น คุณอยู่กับหยงซือเหม่ย มันเป็นอิสระของคุณ ถึงแม้จะเป็นคนอื่น มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของคุณ”

เวินหนิงไม่กล้ามองตาลู่จิ้นยวน เธอกลัวตัวเองเห็นแล้วจะใจอ่อน

คำพูดเย็นชาเหมือนเครื่องจักร พ่นออกมาอย่างเย็นชาแบบนี้

สีหน้าท่าทางลู่จิ้นยวนเปลี่ยนไปอีกครั้ง

เขาอยากอธิบาย แต่เธอไม่อยากฟัง

ความรู้สึกแบบนี้ มันทำให้เขาหมดแรงมาก

และศักดิ์ศรีของผู้ชายทำให้เขาไม่สามารถตอแยได้อีกต่อไป

สองคนเผชิญหน้ากันแบบนี้ เงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรเลย บรรยากาศในอากาศก็อึดอัดหายใจไม่ออก  เวินหนิงถอนหายใจ “ฉันต้องกลับไปดูแลแม่ฉัน คุณกลับไปก่อนเถอะ พักผ่อนดีๆ”

ได้ยินประโยคนี้ ลู่จิ้นยวนก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร

การแสดงออกของเขาทั้งหมดเหมือนตกลงไปในหลุมดำ เหมือนชกบนสำลี ไม่มีการตอบสนองใดๆ

บางทีอาจจะเพราะเธอไม่สนใจตนแล้วก็ได้

“โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดต่อไปอีก เขาไม่อยากอัปยศอดสูตัวเองอีกต่อไปแล้ว

เวินหนิงมองแผ่นหลังเขา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนมีด้านที่หดหู่แบบนี้

ในใจก็เจ็บปวด แต่เธอไม่ได้ขยับเท้าไล่ตามไป

ลู่จิ้นยวนออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ด้านนอกจู่ๆ ก็ฝนตก

เขาไม่ได้รีบร้อนกลับไป ยังคงเดินช้าๆ ไม่นานนักเสื้อผ้าเขาก็เปียกฝน ศีรษะก็เปียกโชกแทบใบหน้า

เป็นสภาพอากาศที่เข้ากับอารมณ์เขาในตอนนี้พอดี

คนขับรถตระกูลลู่เห็นแล้วก็รีบวิ่งออกมากางร่มให้กับเขา “คุณชาย รีบขึ้นรถสิครับ เดี๋ยวเป็นหวัด”

ลู่จิ้นยวนยิ้ม เงยหน้ามองชั้นที่เวินหนิงอยู่ ไม่เห็นอะไร เขาส่ายหน้าแล้วจากไป

เมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจเขา ตอนนี้เขาจะเปียกฝนหรือไม่ เวินหนิงจะสนใจได้อย่างไร?

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เมื่อครู่นี้เวินหนิงเห็นเขาจริงๆ เห็นเขาเปียกฝน เธอถึงขนาดอยากบอกว่าให้เขาเอาร่มไปก่อนสิแล้วค่อยไป แต่เธอกลั้นเอาไว้

ขณะที่ลู่จิ้นยวนเงยหน้าขึ้นมา เธอก็รีบหลบ

กลัวลู่จิ้นยวนจะเห็น แล้วจะเกิดความเสียดาย

หลังจากลู่จิ้นยวนออกไปได้ไม่นาน ลู่อันหรานก็กลับมา เหอจื่ออันกางร่มให้เขา เขาไม่เปียกเลยสักนิด แต่เสื้อผ้าเหอจื่ออันเกือบเปียกโชก

เพราะลู่อันหรานไม่อยากโดนตัวเหอจื่ออัน เขาทำได้แค่กางร่มทั้งหมดให้ลู่อันหราน

เมื่อกลับมาเห็นเวินหนิงเหม่ออยู่ข้างหน้าต่าง เหอจื่ออันเดินเข้าไป เห็นรถลู่จิ้นยวนเพิ่งออกไป

ดูเหมือนเธอยังห่วงใยเขาอยู่

“เขาไปแล้วเหรอ?”

เสียงชายหนุ่มดังขึ้น ทำให้เวินหนิงได้สติกลับมา

“อืม”

เวินหนิงตอบเรียบๆ “บางทีต่อไปเขาคงไม่มาหาฉันอีกแล้วล่ะ”

เหอจื่ออันไม่ได้พูด แค่ยืนข้างๆ อย่างเงียบสงบ

เวินหนิงยืนข้างหน้าต่าง แล้วตกอยู่ในภวังค์

บางทีเธออาจจะชินกับการมีลู่จิ้นยวนในชีวิต ตอนนี้เขาจากไปแบบนี้แล้ว เธอยังไม่ค่อยชินเท่าไร

แต่บางทีเวลาผ่านไปนานๆ เธอก็อาจจะชินมัน

……

คนขับรถมาส่งลู่จิ้นยวนที่คฤหาสน์หลังเก่า

หลังจากลู่จิ้นยวนขึ้นรถมาก็หลับตาตลอดเวลา และไม่พูดว่าจะไปไหน

แต่คนขับรถกลัวว่าเขาอยู่คนเดียวที่อพาร์ทเมนท์เป็นอะไรขึ้นมา ตัวเองจะแบกความรับผิดชอบไม่ไหว

รถจอดลง ลู่จิ้นยวนเห็นว่าเป็นคฤหาสน์หลังเก่าก็ขมวดคิ้ว “ใครให้นายมาที่นี่?”

เขาเคยบอกว่า ก่อนที่เย่หวานจิ้งจะคิดออก เขาจะไม่กลับมา

แต่ตอนนี้คุณแม่คิดอย่างไรมันมีความหมายไหม?

อย่างไรก็ตาม เวินหนิงก็ไม่ต้องการเขาอีกต่อไป

“ช่างเถอะ กลับมาที่นี่ก็ดีเหมือนกัน”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไร ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลลู่

คนรับใช้เห็นเขากลับมา ร่างกายเปียกชื้น ก็รีบส่งผ้าขนหนูมาเช็ดให้แห้ง

เย่หวานจิ้งได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอกก็เดินออกมา ก็เห็นลู่จิ้นยวนกลับมาแล้ว

เย่หวานจิ้งยิ้มอย่างประหลาดใจ เธอนึกว่าลู่จิ้นยวนพูดแบบนั้นกับเธอแล้วจะไม่กลับบ้านมาง่ายๆ เสียอีก

“จิ้นยวน ลูกกลับมาแล้วเหรอ? ทำไมตัวเปียกแบบนั้นล่ะ เร็ว ไปทำซุปขิงให้คุณชาย แล้วก็เธอ รีบไปเติมน้ำอุ่น”

เย่หวานจิ้งรีบสั่งคนรับใช้ให้ออกไปจัดการ แน่ใจว่าพวกเขาไปทำงานกันหมดแล้ว ก็มองไปที่ลู่จิ้นยวน

เขาในตอนนี้ แปลกอย่างยิ่ง เหมือนกับ……เหมือนกลับไปตอนนั้นที่เวินหนิงเพิ่ง “เสียชีวิต”

เย่หวานจิ้งเหมือนเดาอะไรบางอย่างได้

บางทีอาจจะมีปัญหาบางอย่างผิดปกติระหว่างเขากับเวินหนิง และเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก

“จิ้นยวน ลูก……เลิกกับเวินหนิงเหรอ?”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset