บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 62 ความในใจ

บริษัทที่เหอจื่ออันหามานั้นกลบกระแสข่าวได้ดี แต่เวินหลานไม่ยอมที่จะให้เรื่องจบไปแบบนี้ ฉะนั้น พวกแฟนคลับบ้าคลั่งกับพวกที่ตามกระแสของเธอนั้นก็ออกตัว ล้างสมองของพวกคนทั่วไปที่กำลังเสพข่าวพวกนี้

เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังขึ้นมาในโลกโซเชี่ยล ในช่วงเวลาสั้นๆ

ดีที่หลักฐานที่เวินหนิงหามานั้นมันหนักแน่นพอ คนทั่วไปดูแล้วก็จะเข้าใจเองว่าเกิดอะไรขึ้น

ดูข่าวที่กำลังจะกลับมาอยู่ในความควบคุมนั้น อยู่ๆเวินหลานก็โทรเข้ามา

เวินหนิงกดรับ เดิมเธอคิดว่าจะได้ยินเสียงที่โกรธจัดของเวินหลาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะใจเย็นได้ขนาดนี้

ความผิดปกตินี้ ทำให้เวินหนิงนั้นระวังตัวขึ้นมาในทันที

“เวินหนิง เรื่องนี้ฉันเป็นคนสะเพร่าเอง แต่แกอย่าได้ใจไป ตอนนี้ฉันยังไม่ได้แฉเรื่องที่แกเคยติดคุกมาก่อน หรือว่าแกอยากให้คนอื่นรู้ว่าแกเป็นนักโทษที่พึ่งจะออกจากเรือนจำได้ไม่กี่เดือน?”

มือของเวินหนิงชะงัก ตอนนี้เธอรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา สิ่งที่เวินหลานได้พูดออกมานั้น ทำให้เธอตื่นจากการดีใจที่ได้ตอกกลับเธอทันที

ใช่ เธอพูดถูก ในมือของเวินหลานยังมีไพ่อีกใบ เธอสามารถนำเรื่องที่เธอนั้นเคยติดคุกแพร่ออกไป

แบบนั้นล่ะก็ ถึงเวินหนิงจะแก้ข่าวเรื่องที่ตัวเองเป็นมือที่สามได้ แต่ความผิดที่เธอทำไว้ก็จะตราตรึงกับตัวเธอไว้ แล้วก็จะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้สายตาแปลกๆที่คนอื่นมองมา ไม่มีวันได้พลิกตัวเองขึ้นอีก

“แกก็คิดดูดีๆละกัน ฉันรู้ว่าคนที่ช่วยแกอยู่คือเหอจื่ออัน แต่ว่า ถ้าเขารู้เรื่องที่แกเป็นนักโทษละก็ ยังจะช่วยแกอยู่ไหมน้า?”

เวินหลานวางสายโทรศัพท์ เวินหนิงทรุดลงพื้น มือสองข้างอ่อนแรงจนโทรศัพท์ไหลตกลงมา

ณ วินาทีนี้ เธออยากที่จะทุบสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้หมด

เวินหลานเป็นคนขับรถชนแท้ๆ ทำไมถึงได้โยนความผิดทุกอย่างมาให้เธอได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ทำไมเธอยังคงสามารถใช้คำพูดพวกนั้นมาขู่เธอได้ล่ะ?

บนโลกนี้ ยังมีความยุติธรรมและความถูกต้องหลงเหลืออยู่หรือเปล่า?

…….

เหอจื่ออันที่ซื้อของกลับมานั้นเห็นเวินหนิงที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้น

เดิมเธอก็เป็นคนที่ทีสีผิดขาวกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ตอนนี้กลับซีดผิดปกติ ดวงตาที่เคยมีประกายตลอดนั้นก็ขาดความมีชีวิตชีวาไป ตอนนี้เธอเหมือนกับตุ๊กตาที่บอบบางตัวหนึ่ง ที่ให้ความรู้สึกถึงความสิ้นหวัง

ความสิ้นหวังนี้ทำให้เหอจื่ออันถึงกับใจกระตุก เขาพุ่งเข้าไปหาเธอทันที ใช้มือตบตรงไหล่ของเธอเบาๆ บริเวณที่มือสัมผัสนั้นแผ่ไอเย็นๆออกมา

เหอจื่ออันพึ่งสังเกตเห็นว่าเธอสวมแค่เสื้อคลุมอาบน้ำบางๆไว้นั่งอยู่ที่พื้น แม้กระทั่งเครื่องปรับอากาศก็ไม่เปิดไว้ อากาศหนาวแบบนี้ เธอกลับนั่งอยู่บนพื้นเย็นๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

แต่เหอจื่ออันไม่คิดให้เสียเวลามากไปกว่านี้ เขาอุ้มเวินหนิงขึ้นจากพื้น อุ้มเธอยัดเข้าไปในผ้าห่ม แล้วเปิดเครื่องปรับอากาศให้อุณหภูมิอยู่ที่สูงที่สุด

“ทำไมหรอเวินหนิง? เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณเหอ หยุดเถอะ ขอโทษด้วยนะ ฉันมันไม่ได้เรื่องอะไรจริงๆ……”

นานมากที่เวินหนิงจะดึงสติตัวเองกลับมา เธอกระพริบตาถี่ๆ และยังคงหาเหตุผลที่พูดแบบนี้กับเหอจื่ออันไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่ผู้ชายคนนี้รู้ว่าเธอเคยติดคุกนั้น ชายตรงหน้าจะเป็นยังไง……

ถ้าเกิดเขาทิ้งเธอไป เวินหนิงไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำอย่างไรดี

“เพราะอะไร?” เหอจื่ออันไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด แต่คิดว่าเธอคงจะเจออะไรมาสักอย่างถึงทำให้เธอเป็นแบบนี้

“ฉัน……”

เธอพูดไม่ออกจริงๆ ทำแค่เอาหัวมุดเข้าไปในผ้าห่มอย่างเศร้าสร้อย

เหอจื่ออันที่มองผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังโทษตัวเองอยู่นั้นในใจก็รู้สึกไม่รู้จะทำยังไง แต่ก็ยังพูดกับเธอด้วยความใจเย็น“เราไม่ใช่เพื่อนกันเหรอ มีเรื่องอะไรคุณสามารถพูดกับผมได้ เชื่อใจผมสิ”

เวินหนิงลังเลนานมาก เหอจื่ออันก็รอด้วยความใจเย็น สุดท้ายเธอก็เปิดปากพูดออกมา“เรื่องที่ฉันกำลังจะพูด เป็นเรื่องที่ยากที่คนๆหนึ่งจะเชื่อ คุณแน่ใจหรอที่จะฟัง?”

เหอจื่ออันพยักหน้า

เวินหนิงถึงจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกมา เธอพูดถึงตัวเธอในวันเกิดอายุครบสิบแปดปีที่เหมือนดั่งฝันร้าย เธอเคยคิดว่าถ้ายังไม่พลิกคดี เธอจะไม่มีวันพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด

เหอจื่ออันฟังอย่างเงียบๆ ยิ่งฟัง ดวงตาของเขาก็ยิ่งดำคลับเข้าไปอีก ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่

เวินหนิงเงียบลง รอเหอจื่ออันพูดอะไรสักอย่างแต่เขากลับเงียบขรึมเหมือนรูปปั้น ไม่พูดอะไรออกมาเลย

เขา คงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดหรอก……

เวินหนิงรู้สึกตัวเองโง่มาก ถ้าเป็นเธอที่ได้ยินมีคนมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ ก็จะคิดว่าคนๆนี้กำลังบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ

อีกทั้งหลังจากที่เวินหนิงได้เข้าไปในคุกนั้น ตระกูลเวินเพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ พยายามที่จะทำงานการกุศลต่างๆ ลงทุนสิ่งอื่นๆมากมายที่ไม่ได้รับการตอบแทน และได้กลายเป็นนักการกุศลที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิงแล้ว

และเธอ เป็นแค่นักโทษคนหนึ่ง อีกอย่าง ภายใต้การจงใจกลั่นแกล้งของเวินหลาน ชื่อเสียงของเวินหนิงนั้นพังทลายไปหมดแล้ว

คนหนึ่งเป็นนักการกุศลที่สีชื่อเสียงโด่งดัง อีกคนเป็นนักโทษที่น่าอับอาย คนปกติเขาจะเชื่อคนอย่างหลังหรอ?

“ขอโทษ ฉันจะไปตอนนี้แหละ……” เวินหนิงเปิดผ้าห่มออกลุกขึ้นคิดจะออกไป

เธอไม่อยากโดนคนอื่นไล่เธอออกไปอีก เธอเลยเริ่มพูดออกมาเอง แบบนี้จะไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายดูแย่

“ไม่ อย่าพึ่ง ผมเชื่อในสิ่งที่คุณพูด” เหอจื่ออันที่เห็นเธอจะเดินโอนเอนออกไปนั้นก็รีบพูดรั้งเธอไว้“ตอนนี้คุณอ่อนเพลียมาก จะไปที่ไหนได้? อีกอย่าง คนข้างนอกเต็มไปด้วยคนที่จะจับผิดคุณตลอด คุณอยู่ที่นี่แหละ”

เวินหนิงมองไปที่เหอจื่ออัน สายตาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงและไม่กล้าเชื่อ และมีความ

ดีใจเล็กๆเกิดขึ้น“คุณเชื่อฉันจริงหรอ?”

เหอจื่ออันพยักหน้าด้วยความหนักแน่น“แต่เรื่องนี้……เรื่องนี้เกินความคาดหมายไปมาก”

พูดจบ ดวงตาดำคลับของเหอจื่ออันมองไปยังใบหน้าอันซีดเซียวของเวินหนิง สายตาที่เขามองมามีความเห็นใจและมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

เวินหนิงโดนจัองจนทำอะไรไม่ถูก แก้มสองข้างขึ้นริ้วสีแดงอ่อนแล้วรีบก้มหน้าลง“ขอบคุณ”

“ไม่ต้องหรอก ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร วางใจเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

เหอจื่ออันย้ายสายตาที่จ้องเธอไปที่อื่น สายตาของเขา เห็นถึงความสับสนอะไรบางอย่างที่พูดไม่ออก แต่เวินหนิงนั้นก้มหัวอยู่ ทำให้มองไม่เห็นสิ่งนี้

พูดจบ ชายคนนี้ก็เดินออกไป

ออกจากคอนโดได้สักครู่ เหอจื่ออันก็โทรไปหาเวินหลาน และสายก็ถูกรับในเวลาอันรวดเร็ว

เวินหลานที่เห็นชื่อคนที่โทรมานั้น ในใจว้าวุ่นไปหมด“คุณโทรมาหาฉันทำไม?”

“ก็ต้องมีเรื่องจะคุยกับคุณอยู่แล้ว”

เหอจื่ออันใช้น้ำเสียงที่ไม่ใช่เสียงปกติของเขาตอบ และเสียงของเขา ทำให้คนที่ฟังรู้สึกถึงความเย็นชาได้ชัดเจน

เวินหลานนั้นตัวสั่นไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะทำให้เธอนั้นนึกถึงความหวาดกลัวและฝันร้ายที่ชายคนนี้ที่เป็นคนนำพามาสู่ให้เธอ……

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset