ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว – ตอนที่ 110

บทที่ 110 อยากจะค้างที่นี่ไหม?
“คุณมาได้ยังไงคะ?”
ลั่วมั่นถามด้วยเสียงเบาข้างหูเขา
แต่เฟิงเฉินกลับตอบไม่ตรงคำถาม
“เมื่อคืนกินเกี๊ยวไม่หมด แม่บ้านหลีถามผมเมื่อเช้าว่าเย็นนี้จะทอดเกี๊ยวหรือกินอย่างอื่นดี”
“นี่มันเกี่ยวอะไรกับที่คุณมาคะ?”
“ผมลืมถามคุณเมื่อเช้านี้”
“อย่างนั้นเหรอคะ?” ลั่วมั่นอยากจะบ้า!
“พอเลิกงานผมไม่เจอคุณ คุณอาหวางบอกว่าคุณกลับไปที่บ้านแม่ของคุณแล้ว”
“แค่จะถามฉันว่าคืนนี้ฉันอยากกินเกี๊ยวทอดไหม แค่นี้เหรอคะ?”
“อืม”
เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า!
สีหน้าของลั่วมั่นเข้มขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก และพูดเสียงซุบซิบกันสองคน ทุกคนต่างพากันหน้าแดงเมื่อมองไป ไม่รู้ว่าข่าวลือจากโลกภายนอกของทั้งคู่นั้นมาได้อย่างไรกัน
ไม่เพียงแค่สายตาของเหล่าญาติผู้ใหญ่เท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่สายตาของผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลลั่วก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
พ่อลั่วมั่นชำเลืองมองแม่ลั่วมั่น
“คือว่า เฟิงเฉิน เย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันเลยเถอะนะ?” แม่ลั่วมั่นเชิญชวนอย่างระมัดระวัง
ลั่วมั่นใจกระตุกเล็กน้อย ไม่กล้าที่จะมองตาของเฟิงเฉิน และมีความคิดอยากจะหนีออกไปจากที่นี่
เธอถือโอกาสตอนที่เฟิงเฉินยังไม่พูดอะไร ลุกขึ้นยืนและกำลังจะปฏิเสธแทนเขา
แต่ไม่คิดว่าจะมีเสียงผ่อนคลายดังมาจากข้างๆ ของเธอ
“ครับ”
แม่ลั่วมั่นยิ้มและเข้าไปช่วยในครัวอย่างมีความสุข ทันใดนั้นเหล่าญาติผู้ใหญ่ก็สามัคคีกันขึ้นมา ผู้หญิงก็พากันเข้าไปที่ห้องครัวอย่างพร้อมเพรียง ส่วนผู้ชายก็คุยเรื่องธุรกิจกัน
มีเพียงลั่วมั่นเท่านั้นที่ยืนจ้องมองเฟิงเฉินด้วยท่าทางแปลกๆ
พ่อลั่วมั่นเหลือบมองเธออย่างแปลกประหลาด “มั่นมั่น ลูกยืนทำอะไรอยู่? ไปนำชามาให้เฟิงเฉินสิ”
“อ่อค่ะ” เธอเดินไปเอาชาด้วยความงุนงง และได้ยินเสียงของเฟิงเฉินพูดขึ้นจากด้านหลัง “คุณพ่อครับ เรียกผมว่าเฉินก็ได้ครับ”
ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินเฟิงเฉินเรียกพ่อแม่เธอว่า “คุณพ่อคุณแม่” นั้น ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว
เหล่าญาติพี่น้องในตระกูลที่คอยจะแย่งชิงตำแหน่งยังคงอยู่ อาหารค่ำเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่บรรยากาศอึมครึมก็ไม่ได้ลดลงเลย ทานข้าวกันตั้งแต่ทุ่มครึ่งจนถึงสามทุ่ม ทุกคนถึงจะแยกย้ายกันไป
หลังจากส่งเหล่าญาติๆ กลับไปแล้ว ลั่วมั่นก็ยืนอยู่ตรงโถงทางเดินและเลิกคิ้ว
เหล่าญาติเธอเป็นคนที่น่ารำคาญ เป็นคนที่คอยชอบคิดแทนคนอื่นตลอด เมื่อครู่ก่อนที่บ้านคุณป้าจะกลับ ลูกพี่ลูกน้องอย่างจิ่งจิ่งก็ดึงมือเธอ และขอโทษเสียงเบาที่ข้างหู บอกว่าอย่าไปสนใจแม่ของเธอเลย เธอไม่เคยคิดอยากได้อำนาจจากบริษัทลั่วซื่อ และก็วางแผนที่จะลาออกในเร็วๆ นี้แล้วด้วย
“เหนื่อยเหรอ?” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง เธอหันหน้าไป เห็นเฟิงเฉินยืนอยู่ข้างๆ เธอไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่ตอนไหน
“นิดหน่อยค่ะ คุณจะกลับเลยรึเปล่าคะ?” เธอถาม
“ผมยังไม่อิ่มเลย ว่าจะกลับไปทอดเกี๊ยวกินซะหน่อย” เขาก้มหน้ามองเธอ เสียงทุ้มของเขาปิดกั้นแสงของโคมระย้า ราวกับว่าเธออยู่ในระยะที่ควบคุมได้
คำพูดของเฟิงเฉินหมายความว่าเธอควรจะกลับไปพร้อมกับเขา
แต่เธอกลับแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ และพูดว่า
“โทรหาแม่บ้านหลีเลยก็ได้ค่ะ พอคุณกลับไปถึงบ้านก็คงได้กินเลย ละอีกอย่าง ฉันคิดว่าจะอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านนี้สักสองวัน คุณขับรถมาเองใช่ไหมคะ? แต่คุณดื่มไปด้วย ให้คุณอาหวางมารับคุณนะคะ”
เฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ขณะนั้นแม่ลั่วมั่นออกมาจากห้องนอนพอดี และเห็นทั้งสองคนอยู่ที่โถงทางเดิน เธอก็รีบเดินเข้ามาทันที “พวกลูกจะกลับกันแล้วเหรอ? ตอนนี้ก็มืดแล้ว พักที่นี่สักคืนก่อนไหม? แม่ให้คนเตรียมห้องไว้แล้ว”
ลั่วมั่นไม่คิดว่าแม่ของเธอจะตั้งใจไว้แบบนั้น ใจเธอกระตุกเล็กน้อย และมองไปที่เฟิงเฉินโดยไม่รู้ตัว

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

เธอเป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่มา3ปี สามีเธอหยอกล้อกับหญิงอื่น เธอก็ไม่สนใจแถมยังต้มซุปบำรุงไตส่งให้สามีทุกวันวันหนึ่ง ผู้หญิงที่สามีรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วบอกว่า"ฉันตั้งครรภ์แล้ว"นี่เป็นครั้งแรก ที่ลั่วมั่นได้ใช้อุบาย บังคับผู้หญิงคนนั้นทำแท้งเฟิงเฉินบีบคอของเธอ "ลั่วมั่น ที่เธออดทน3ปีมานี้ เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม"เธอยิ้มจนน้ำตาไหล "excuse me ฉันก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนทายาทของตระกูลเฟิง ต้องเป็นลูกชายของฉัน!"

Options

not work with dark mode
Reset