ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว – ตอนที่ 211

บทที่ 211พ่ออายัดบัตรของผม
“ลูกคิดว่าแม่ไม่อยากเหรอ?”
สายตาของลู่จิ่งจูมองไปที่เธอ “ลูกรู้ไหมว่าพ่อของเฟิงเฉินเขียนพินัยกรรมไว้อย่างยังไง?”
“……”
“เขายกสมบัติสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับเสี่ยวจิ่ง อีกสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับเฟิงเซิ่ง ส่วนที่เหลือมอบให้กับลูกที่เกิดคนแรกของตระกูลเฟิง”
ลั่วมั่นตกใจเล็กน้อย
พินัยกรรมของพ่อเฟิงกลับไม่ได้เอ่ยถึงลูกชายคนโตของเขาแม้แต่ตัวอักษรเดียว
“เขาจงใจให้แม่ดู เขาคิดว่าตอนที่เขาพาเฟิงเซิ่งมาอยู่ในบ้านหลังนี้ฉันทำเกินไป เอาทรัพย์สมบัติไปเยอะเกินไป ดังนั้นหากเขาตาย เขาก็จะไม่มอบอะไรให้กับเฟิงเฉินเลย”
พูดอ้อมอยู่นาน ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง
“แม่ค่ะ บางทีอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้นะคะ หากไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ขึ้นก็คงไม่มีใครรู้ว่าเฟิงเซิ่งมีลูกชายโตขนาดนี้แล้ว?”
“แม่คิดมากไปเหรอ?”แววตาของลู่จิ่งจูเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “ลูกคิดว่า พ่อของอาเฉินเลอะเลือน แล้วปล่อยผ่าน เรื่องนี้ไปเหรอ ?หากเขาหวังดีกับเฟิงเฉินจริงๆ เมื่อสามปีที่แล้วเขาก็คงไม่ให้น๋อนน๋อนอุ้มท้องเด็กคนนั้นอยู่ที่ต่างประเทศหรอก ตบตาผู้คนอยู่ตั้งนาน ลำบากจนแทบล้มประดาตาย”
ลั่วมั่นยังไม่มีการตอบสนองกลับ หลังจากที่ปะทะกับสายตา ลึกและเงียบของลู่จิ่งจู จู่ๆก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกถึงกระดูกทั้งแขนและขาทั้งสองข้าง
ดังนั้นเมื่อสามปีที่แล้ว พ่อเฟิงก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลูกของน๋อนน๋อนเป็นลูกของเฟิงเซิ่ง เขาก็เลยเขียนพินัยกรรมนี้โดยระบุทรัพย์สินจำนวนแปดสิงเปอร์เซ็นต์ขึ้นมา
ความยัดแย้งของตระกูลเศรษฐี โดยมากแล้วจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและรอบคอบ。
แผนกเด็ก โรงพยาบาลเมืองเจียง
“ตอนนี้อาการของเด็กซับซ้อน พวกคุณใครเป็นผู้ปกครอง จะได้ชี้แจงอาการของเด็กอย่างละเอียด”
หมอหยิบเอกสารแสดงอาการออกมา สีหนักเคร่งขรึม
“เกิดอะไรขึ้น?ไม่ใช่แค่ตัวร้อนเหรอ?”
“จากการตรวจเลือดพบว่า เด็กอาจจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว”
เวลาที่หมอแจ้งอาการของผู้ป่วย ก็ไม่เคยที่จะใช้วิธีอ้อมค้อม ขณะที่เสียงจบลง สีหน้าของน๋อนน๋อนก็ซีดเผือก เกือบจะล้มลง ดีที่เฟิงเซิ่งเห็นและคว้าเธอไว้ทัน
ในเมื่อเขาเป็นลูกแท้ๆของเธอ แม่ว่าหลายปีมานี้เธอก็ไม่ได้พอใจเขาสักเท่าไหร่ และก็ไม่ได้รักสักเท่าไหร่ แต่ในใจก็เป็นห่วงเขา อีกอย่างเด็กคนนี้ก็เป็นหมากตัววสุดท้ายของเธอ หากไม่มีเขา เธอก็จะหมดสิ้นทุกอย่าง
เมื่อได้ยินว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว สมองของเธอก็สับสนงุนงง
“คุณหมอ จะเป็นไปได้ยังไง?”น้ำเสียงของเฟิงเซิ่งสั่นเทา
“นี่เป็นเพียงการตรวจในเบื้องต้น หมอเพียงแค่บอกถึงความเป็นไปได้ หลังจากนี้จะต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เฮ่าเฮ่าจำเป็นต้องนอนพักที่โรงพยาบาล พวกคุณใครจะไปเดินเรื่อง”
น้ำเสียงของคุรหมอราวกับเครื่องจักร เรื่องแบบนี้เขาพบเจอมานับไม่ถ้วนแล้ว
เฟิงเซิ่งพยุงน๋อนน๋อน พยายามตั้งสติ “ผมจัดการเอง อยู่ตรงไหนครับ”
“มากับฉันเถอะค่ะ”พยาบาลที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น
“ไม่มีระหัส” เฟิงเซิ่งยื่นบัตรให้แผนกการเงิน ในหัวคิดถึงแต่เรื่องที่หมอพูดเมื่อสักครู่นี้ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
สำหรับโรงมะเร็งเม็ดเลือดขาว เขาพอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง ความสำเร็จในการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกก็ยังพอที่จะมีเปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จสูงพอสมควร ขอเพียงแค่ได้ไขกระดูกที่เข้ากับเขาได้ ก็พอจะช่วยเขาได้ อีกอย่างก็เป็นแค่การตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น อาจจะไม่ใช้มะเร็งเม็ดเลือดขาวก็ได้ เขาปลอบใจตัวเอง
“คุณผู้ชายคะ บัตรใบนี้ของคุณรูดไม่ได้ค่ะ ”
พยาบาลที่อยู่ในห้องยื่นบัตรคืนให้กับเขา “บัตรใบนี้รูดไม่ได้ค่ะ มีใบอื่นอีกไหมค่ะ?”
“ได้ครับ” เฟิงเซิ่งหยิบบัตรอีกใบหนึ่งในกระเป๋ายื่นให้
“ขอโทษนะคะ ใบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ค่ะ”
หลังจากที่เปลี่ยนบัตรครบทั้งสี่ใบ เฟิงเซิ่งก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างได้ สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป
พ่ออายัดบัตรของผม

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

เธอเป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่มา3ปี สามีเธอหยอกล้อกับหญิงอื่น เธอก็ไม่สนใจแถมยังต้มซุปบำรุงไตส่งให้สามีทุกวันวันหนึ่ง ผู้หญิงที่สามีรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วบอกว่า"ฉันตั้งครรภ์แล้ว"นี่เป็นครั้งแรก ที่ลั่วมั่นได้ใช้อุบาย บังคับผู้หญิงคนนั้นทำแท้งเฟิงเฉินบีบคอของเธอ "ลั่วมั่น ที่เธออดทน3ปีมานี้ เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม"เธอยิ้มจนน้ำตาไหล "excuse me ฉันก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนทายาทของตระกูลเฟิง ต้องเป็นลูกชายของฉัน!"

Options

not work with dark mode
Reset