ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว – ตอนที่ 292

“แม่ฟื้นแล้วเหรอ”
ลั่วมั่นหัวใจเต้นขึ้น ดึงตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขาทันที จนทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้วขึ้น
“ทำไมคุณไม่บอกเช้าๆหน่อย”
“คุณจะรีบร้อนอะไรกัน” เฟิงเฉินถูกเธอกระแทกเข้าที่คางจนเจ็บ ปรับท่าทางแล้วนั่งลงพิงหัวเตียง และใบหน้าเรียบเฉยสบายๆ “เมื่อกี้ยังบ่นผมมาเช้าเกินไปอยู่เลย”
ลั่วมั่นกลับรีบคว้าแขนของเขา “แม่ฟื้นแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณไม่โทรมาบอกกับฉันตรงๆ ยังจะมาแกล้งฉันยียวนฉันให้อยากรู้อีก”
เนื้อที่แขนถูกเธอบีบจนแดง หว่างคิ้วของเฟิงเฉินก็ไม่มีรอยพับย่น ดวงตาที่เย็นชามาแต่ไหนแต่ไรยังคงมีรอยยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่จางหาย
เมื่อเทียบกับหลักฐานเหล่านั้น การฟื้นตื่นขึ้นมาของมารดาเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับลั่วมั่น
ลั่วมั่นลุกขึ้นจากเตียงอย่างพรวดพราดแล้วแต่งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลากเฟิงเฉินไปโรงพยาบาลทันที โดยไม่แม้แต่จะทานอาหารเช้า
ลู่จิ่งจูได้ถูกย้ายจากห้องผู้ป่วยไอซียู่ไปยังห้องผู้ป่วยปกติ
ตอนที่พวกเขามาถึง ดูเหมือนคุณหมอจะเพิ่งทำการตรวจเช็คร่างกายเสร็จ แล้วก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วย
ลั่วมั่นจีงคว้ามือของคุณหมอ แล้วถามขึ้น
“แม่ของดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ”
คุณหมอไม่เคยเห็นลั่วมั่นในโรงพยาบาลมาก่อน เมื่อเห็นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างหลังถึงได้เอ่ยปากขึ้น “คุณผู้หญิงตื่นมาตอนเช้าครั้งหนึ่ง เป็นเพียงเวลาสั้นๆ จากนั้นก็หลับไปอีก แต่ว่าถ้ามีการฟื้นขึ้นมาหนึ่งครั้งแล้ว ปัญหาการฟื้นตื่นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อีก ตรวจเช็คดูร่างกายแล้วทุกอย่างก็ปกติ ไม่นานคุณผู้หญิงก็คงจะฟื้นตื่นขึ้นมาครับ”
“แล้วต้องรออีกนานแค่ไหน” เมื่อลั่วมั่นได้ยินว่าตอนนี้หลับไปอีกแล้ว ก็เกิดอาการผิดหวังทันที
มีแรงที่ไม่หนักไม่เบากระทบเข้ามาที่ไหล่ เฟิงเฉินโอบเธอไว้ “ตื่นขึ้นมาหนึ่งครั้งแล้ว ต่อไปก็ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องเป็นห่วง”
ในระหว่างที่พูด มีเสียงที่ไม่พอใจดังมาจากประตูห้องผู้ป่วย “แกพาเธอมาทำไม”
เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเป็นพ่อเฟิง น่าจะเป็นเพราะอาการของลู่จิ่งจูดีขึ้น เมื่อเห็นหน้าลั่วมั่น หน้าตาก็ไม่ดำทะมึนเหมือนแต่ก่อน แต่ว่าท่าทางยังคงเย็นชาเฉยเมย
“มั่นมั่นมาเยี่ยมคุณแม่ครับ” เฟิงเฉินกล่าวเบาๆ
“ไม่ต้อง” พ่อเฟิงปฏิเสธตรงๆ “ แม่ของแกเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปล่อยเธอเข้าไป ทางศาลมีการยื่นอุทธรณ์ก็จริง แต่ผลยังไม่สรุปแน่ชัด พ่อไม่มีทางเอาชีวิตของแม่ไปเสี่ยงเด็ดขาด”
สีหน้าเฟิงเฉินเย็นเยียบขึ้น “ผมเคยบอกแล้วว่ามั่นมั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของคุณแม่ อีกอย่าง คุณพ่อก็ใช่ว่าจะไม่เคยเอาชีวิตคุณแม่มาเสี่ยง”
“แก…..”
เรื่องราวเก่าๆถูกคำพูดของลูกชายจึ้จุดใจดำ ทำให้พ่อเฟิงโกรธจนตัวสั่น
“ช่างเถอะ” ลั่วมั่นไม่อยากจะเห็นภาพการถกเถียงเช่นนี้ จึงรีบดึงแขนเสื้อของเฟิงเฉิน “ฉันไม่เข้าไปแล้ว คุณแม่เองก็ต้องการการพักผ่อน คุณพูดจาดีๆหน่อย”
เฟิงเฉินที่ขมวดคิ้วแน่นจึงได้ค่อยๆคลายลง แล้วจับมือลั่วมั่น “ไป พวกเรากลับบ้าน”
พ่อเฟิงยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ
เมื่อก่อนตอนที่ลู่จิ่งจูยังไม่เกิดเรื่องขึ้น แม้เขาจะรู้ว่าลูกชายคนนี้ไม่พอใจตัวเองมากแค่ไหน แต่ด้วยความเป็นครอบครัวเขานั้นยังไว้หน้าคุณพ่อของเขาอยู่บ้าง ไม่เคยทำให้เขาอับอายในที่สาธารณะ ตอนนี้ลู่จิ่งจูล้มลง เขากลับปกป้องผู้หญิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร ผีบังตาจริงๆ
หลังจากเฟิงเฉินจากไป ที่ระเบียงทางเดินก็มีเสียงฝีเท้าก้าวเดินเข้ามาใกล้ห้องผู้ป่วย เป็นลุงกู้หนึ่งในพ่อบ้านของคฤหาสน์เฟิง
“คุณท่านครับ”
“เป็นอย่างไรบ้าง”
พ่อบ้านคือคนที่เขาส่งไปสืบเรื่องความคืบหน้าของคดีที่สถานีตำรวจ เนื่องด้วยผู้ถูกจับเป็นคนของคฤหาสน์เฟิง อีกทั้งยังเป็นญาติของพ่อบ้าน
พ่อบ้านลุงกู้ขมวดคิ้วด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด มองไปรอบๆจนแน่ใจว่าไม่มีคน ถึงได้เดินเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ “คุณท่าน ข่าวทางตำรวจบอกว่า…..”
เมื่อยิ่งฟังคำพูดของพ่อบ้าน สีหน้าของพ่อเฟิงก็ยิ่งดูแย่

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว

เธอเป็นสะใภ้ตระกูลใหญ่มา3ปี สามีเธอหยอกล้อกับหญิงอื่น เธอก็ไม่สนใจแถมยังต้มซุปบำรุงไตส่งให้สามีทุกวันวันหนึ่ง ผู้หญิงที่สามีรักที่สุดมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วบอกว่า"ฉันตั้งครรภ์แล้ว"นี่เป็นครั้งแรก ที่ลั่วมั่นได้ใช้อุบาย บังคับผู้หญิงคนนั้นทำแท้งเฟิงเฉินบีบคอของเธอ "ลั่วมั่น ที่เธออดทน3ปีมานี้ เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม"เธอยิ้มจนน้ำตาไหล "excuse me ฉันก็ตั้งครรภ์แล้ว ส่วนทายาทของตระกูลเฟิง ต้องเป็นลูกชายของฉัน!"

Options

not work with dark mode
Reset