ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ – ตอนที่ 26

“นี้มันชุดอะไรกันเนี้ย!!!!”

    ดาดาร้องโวยวายขึ้นมา ตอนนี้เธออยู่ในชุดแปลกๆ ที่ข้างบนใส่เสื้อคล้ายๆชุดชั้นในและใส่เสื่อตัวเล็กๆคลุมไว้อีกที ส่วนข้างล่างเองก็ใส่กางเกงขาสั้นที่เป็นเนื้อผ้าสีน้ำเงินเข้ม ชุดนี้มันดูโป๊ไปรึเปล่านะ แต่เอาเถอะมันก็ดูเข้ากับเธอเหมือนกัน

“ว้าววว น่ารักมากๆเลยค่า~ น้องแมวกับพี่ชายน่ารักสุดๆเลย!!”

“จะชมผมว่าน่ารักมันก็ยังไงอยู่นะ..”

    ส่วนผมเองก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวที่เต็มไปด้วยผ้าแบบพริ้วๆ มีที่คาดผมสีขาวที่ทำมาจากผ้าชนึดเดียวกันเห็นว่าชุดแบบนี้เรียกว่าโกธิโลลิอะไรสักอย่างเอาจริงๆมันเหมือนชุดที่ผมเคยเห็นลูกสาวของขุนนางใส่เลยนะ

    ส่วนใบหน้าเองก็ถูกเสริมแต่งด้วยเครื่องสำอองเหมือนพวกผู้หญิงเรียบร้อย แขนข้างที่ขาดเองก็มีการนำแขนไม้ใส่ถุงมือเอาไว้เพื่อปกปิดเอาไว้ชั่วคราว

 

“คาลนี้เก่งจังเลยน้า~ อุส่าไปหาโมเดลดีๆแบบนี้มาได้พอดี ช่วยได้มากเลยละ”

“แหะๆๆ”

    ผู้ผิวหญิงแทนที่ใส่ชุดแปลกๆพูดชมคาลพร้อมกับลูบหัว ดูเห็นว่าเธอเป็นคุณแม่ของคาล เธอจะเป็นช่างตัดเย็บ เหมือนเธอจะต้องการนางแบบไปลองชุดเพื่อเดินโชว์ในวันนี้ แม้ผมจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะแต่เธอคงอยากช่วยคุณแม่ละมั้ง

“วันนี้ต้องรบกวนท่านทวดเหมือนเดิมด้วยนะคะ”

“แน่นอน!! นี้คือคำขอของหลานที่น่ารักเพราะงั้นข้าจะทำให้เต็มที่เลย!!!”

    นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงคนอื่นอีก ซึ่งที่เด่นที่สุดก็คือเอลฟ์ที่ชื่อว่าร็อดนี่ เธอเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย เธอมีตาสีม่วงที่ดูลึกลับ ผมสีทองของเธอนั้นสามารถสะท้อนแสงจนกลายเป็นออร่าให้กับเธอดูเด่นกว่าคนอื่นๆ ผิวของเธอขาวเนียนนุ่มไร้บาดแผล ชุดที่เธอใส่นั้นเหมือนจะเป็นชุดเดรสสีแดงเลือดซึ่งตัดกับสีผิวของเธอและเผยให้เห็นแผ่นหลังเล็กๆของเธอที่สวยงาม เธอแทบไม่ใช้เครื่องประดับเพื่อให้ตัวเองเด่นขึ้นเลย แค่เธอปรากฏตัวก็สามารถสร้างเสียงฮือฮาได้แล้ว ยิ่งเธอเป็นเอลฟ์ที่หาพบได้ยากแล้วยิ่งสุดยอดยิ่งไปใหญ่ ผมไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้เลย ราวกับว่าผมย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มวัยกลัดมันอีกครั้งก็ว่าได้

“เจ้าหนุ่ม ข้าไม่ว่าหรอกนะที่เจ้าจะมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น แต่ยัยลูกแมวด้านหลังเจ้าขู่ข้า ฟ่อๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หวังว่านางคงไม่วิ่งมากัดข้านะ?”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ นี้ก็แค่อาการห่วงพ่อของลูกสาวเท่านั้นเองครับ”

“ฟ่อววววววว!!!”

    เฟไม่ได้สนใจดาดาที่กำลังหูและหางตั้งพร้อมกับมองร็อดนี่ด้วยสายตาเครียดแค้น สำหรับดาดาแล้วนี้เป็นครั้งแรกที่เฟมองผู้หญิงอื่นไม่วางตาขนาดนี้ ขนบนหางและหูจึงตั้งเป็นพิเศษ

“เข้าใจแล้ว เจ้าเองก็เป็นพ่อคนสินะ แม้จะคนละสายเลือดแต่ก็รักลูกสาวมาก น่าชื่นชมจริงๆ”

“แน่นอนครับ ก็ผมเป็นคนเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กเลย บางทีอาจจะถึงเวลาหาแม่ ให้ลูกสาวแล้วก็ได้นะครับ ฮ่าๆ”

“แง้วววววววววววว!!!!!!”

“ลูกสาวเจ้างับหัวเจ้าแล้วนะ แน่ใจนะว่าเป็นไรจริงๆ”

    ร็อดนี่ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ดาดากระโดดกอดเฟแล้วกำลังงับหัวของเขาด้วยเขี้ยวที่แหลมคมของเผ่าแมว แต่ทางเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ยังคงมองร็อดนี่ไม่วางตาอยู่

“ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาเป็นว่าในฐานะเพื่อนร่วมงานเรามาจับมือกระชับมิตรหน่อยดีกว่าไหมครับ”

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่คิดจะจับมือคนอื่นนอกจากเครือญาติของตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าข้ารังเกียจเจ้าหรอกนะ เผอิญมันเป็นนิสัยของข้านะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่รู้ว่าคุณไม่รังเกียจผมก็พอ”

“ท่าเจ้าเข้าใจก็ดีแล้วละ ข้าคงต้องขอตัวก่อนรอบถัดไปจะถึงคิวของข้าแล้วละ”

     ร็อดนี่เดินจากไปจากไปเพื่อไปสแตนบายเตรียมขึ้นเวที โดยมีเฟที่มองแผ่นหลังของเธอด้วยสายตาราวกับสาวน้อยที่ตกหลุมรักชายหนุ่ม ดาดาที่เห็นอย่างงั้นจึงใส่แรงที่ขากันไกรเข้าไปอีก

“เป็นคนที่สวยจริงๆเลยนะคะ ท่านทวดเนี้ย”

“นั้นสินะครับ น่าเสียดายจริงๆ ที่คนสาวสวยแบบนั้นกลายเป็นคุณทวดซะแล้ว”

“ก็นั้นสิน้า~ เห็นคุณทวดเองก็อยู่มาตั้งมาเป็นร้อยๆปีแล้ว แต่ก็ยังใส่ชุดของคุณแม่ได้สวยที่สุดแล้วละน้า~ ก็เธอสวยสุดๆเลยนี้น่า”

“นั้นสินะครับ เธอคงมีผู้ชายที่ดีเป็นสามีแน่ๆ ผมอยากรู้จริงๆ ผู้ชายคนไหนที่สามารถกุมหัวใจคนสวยอย่างเธอได้กันนะ”

“ของแบบนั้นไม่มีหรอก ก็คุณทวดนะ ห่วงตัวสุดๆ เลยนี้น่า ท่าเป็นผู้ชายละก็เธอแทบไม่ให้แตะเลยละ”

“เอ๋? แล้วทำไมพวกภูติดำถึงเรียกเธอว่าคุณทวดกันละครับ? ในเมื่อเธอก็ไม่ใช่ภูติดำเหมือนกับพวกคุณนี้ครับ”

“เรื่องนั้นบอกไม่ได้จ้า~ มันเป็นความลับของเรานี้น่า~ แต่ท่าอยากจะรู้และพยามหาความลับของพวกเราละก็…พี่ชายอาจจะโดนภูติดำในเมืองฆ่าเอาเลยก็ได้นะ”

“!!!!!”

    คาลปล่อยจิตสังหารออกมาจากร่างเล็กๆ ของเธอ สำหรับเฟที่เป็นนักผจญมามากกว่า10ปี จิตสังหารที่เธอปล่อยมานั้นมันพอๆ กับพวกนักรบที่เจนสนามแล้วเลยทีเดียว

“คาล!! เลิกขู่พี่เขาได้แล้ว!!”

“เจ็บง่า~”

    แม่ของคาลที่ยืนดูสถานการณ์อยู่นั้นเดินเขามาเขกหัวของคาลอย่างแรง จิตสังหารได้สลายไปแล้ว

“ต้องขอโทษจริงๆด้วยนะคะ ที่ลูกสาวไปขู่คุณเข้าเดี๋ยวฉันจะต่อว่าเธอทีหลังเองคะ”

   แม่ของคาลพูดพร้อมกับก้มหัวขอโทษโดยที่มือซ้ายยังกดหัวลูกของเธออยู่ เฟนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่ของเขาที่เคยพูดว่า ไม่ว่านักรบจะเก่งแค่ไหน ก็จะแพ้สตรี2คนเสมอ แต่ในที่นี้คงต้องใช้คำว่าไม่ว่านักรบจะเก่งแค่ไหนก็ยังคงแพ้มารดาอยู่ดี ถึงจะถูกมากกว่าสินะ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองกซุ่มซ่ามไปแตะเรื่องต้องห้ามซะได้”

   อันตราย.….วันหลังต้องห้ามถามเรื่องเกี่ยวกับลำดับเครือญาติของเธอเด็ดขาด คำพูดและจิตสังหารนั้นไม่ใช่แค่ขู่แน่ๆ หากเราไปรู้อะไรที่ไม่ควรเข้าละก็บางทีเธออาจจะไม่ปล่อยเรากับดาดาออกจากเมืองในสภาพเป็นๆแน่

“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยมารับงานนี้ แม้คุณจะเป็นผู้ชายแต่ก็ช่วยได้มากเลยละคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ทางผมเองก็ทำเพราะลูกสาวของคุณเสนอจะลดราคาแขนกลให้ ท่าจะขอบคุณก็ขอบคุณคาลเถอะครับ”

“แหม~ เป็นผู้ชายที่ดีจริงๆนะคะ ต่างจากพวกผู้ชายที่มาเมืองนี้ที่มาเมืองนี้ส่วนใหญ่เลย”

“มีคนมาเมืองนี้นอกจากต้องการของหายากด้วยเหรอครับ?”

    ที่นี้มีข่าวลือเกี่ยวกับของหายากและของแปลกๆ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมากันเยอะแม้จะเป็นเขตชายแดนระหว่างลาสกับอาณาจักรสัตว์ที่เดินทางค่อนข้างลำบากก็ตาม ทางเฟก็ไม่ค่อยเข้าใจนอกจากเหตุผลพวกนี้แล้วก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่นที่ต้องมาที่นี้เลยสักนึด

“ก็ที่นี้มีผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายนี้คะ แถมภูติดำทุกคนเองก็เกิดมาพร้อมหน้าตาที่งดงามอยู่แล้ว ก็เลยมีบางคนคิดจะมาจับภูติดำไปทำฮาเร็มนะคะ”

“มันมีพวกแบบนั้นด้วยเหรอครับ?”

“คนก็มีหลายประเภทเช่นเดียวกับสัตว์แหละคะ มีพวกที่พยามใช้เงินฟาดหัวกับพวกขี้หลี และขี้เบ่งเต็มไปหมดเลยคะ แถมท่าหยาบคายกว่านั้นก็มีที่พยามใช้ความรุนแรงอีก พวกการ์ดอย่างท่านแม่มินาโตะเองก็ลำบากพอสมควรเลยละคะ ไหนจะพวกล่าทาสที่ชอบมาป่วนเปี้ยนแถวนี้อีก”

“มีพวกล่าทาสด้วยเหรอครับ!!! ไม่ใช่ว่า9อาณาจักรมีกฏห้ามมีทาสไม่ใช่เหรอครับ”

    เฟรู้สึกตกใจทันทีที่ได้ยินคำว่าล่าทาส สำหรับเขามันเป็นคำที่ไม่ได้ยินมานานมากแล้ว

“ก็แหม~ ก็มีพวกคนรวยและพวกชนชั้นสูงที่ชอบทำผิดกฏหมายนี้คะ ไหนจะพวกเห็นแก่เงิน ต่อให้ขายที่นี้ไม่ได้ก็ยังส่งไปขายที่ประเทศอื่นนอกจาก9อาณาจักรเองก็ได้ เท่าที่ได้ยินมาพวกเรามีค่าตัวถึงคนละ200เหรียญ ทำให้ช่วงนี้มีพวกที่พยามจะล่าภูติดำอยู่เยอะพอสมควรเลยละคะ ทั้งที่เผ่าพันธ์ของพวกเราพึ่งฟื้นตัวแท้ๆ ที่สำคัญพวกเราเองก็ไม่ได้หายากอะไรมากมาย กลับโดนค่าหัวพอๆกับเอลฟ์เลย ทั้งที่เราเองก็ถือว่าเป็นพลเมืองที่ถูกต้องตามกฏหมายแต่กลังถูกปฏิบัติเหมือนพวกสัตว์หายากแบบนี้ น่าเศร้าใจจังคะ”

   พวกล่าทาสอยู่แถวนี้งั้นเหรอ…. เราเองก็ต้องระวังตัวให้มากแล้วสิ

“ดาดาวันนี้ห้ามอยู่ห่างจากผมเด็ดขาดเลยนะ”

“งามไงอะ?”ทำไมอะ?(ยังงับหัวอยู่)

“ไม่มีอะไรไรหรอก ก็แค่อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆเท่านั้นแหละ”

“……”

   เราต้องปกป้องดาดาให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม จะไม่ให้มันซ้ำรอยเดิมอีกแล้ว

“ถึงเวลาเตรียมตัวแล้วนะคะ คุณเฟกับคุณจำที่ซ้อมไว้เมื่อกี้ได้รึเปล่าคะ”

“สมบูรณ์แบบครับ”

“สบายมาก~”

“งั้นก็ดีเลยคะ กรุณาไปรอทางคิวขึ้นโชวทางโน้นเลยคะ ส่วนคุณดาดากรุณาช่วยลงจากหลังคุณเฟก่อน เพราะคิวต่อไปจะเริ่มที่คุณก่อนนะคะ”

“รับแซ่บ!!”

    ดาดาลงจากหลังของผมไปและเดินตามคุณแม่ของคาลไป พอเขี้ยวไม่ฝังหัวแล้วรู้สึกแสบๆยังไงชอบกลแหะ จิบโพชั่นระดับต่ำสักนึดอีกครึ่งวันน่าจะหายละมั้ง…หวังว่ามันจะไม่เป็นแผลลึกมากนะ

ผมเดินตามไปเรื่อยๆจนมาถึงหลังเวที ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาจากด้านหน้า

   เมื่อลองแอบมองจากหลังเวทีที่เป็นมุมมืดนั้นจะเห็นกลุ่มของสตรีนั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด และมีผู้ชายเปราะปราย สายตาของเขากำลังจ้องไปที่คุณร็อดนี่ที่ถูกแสงไฟจากด้านบนกระทบมาที่ตัว

 

ผมเคยคิดว่าแค่อยู่เฉยๆเธอก็งดงามมากแล้ว แต่พอถูกแสงไฟฉายนั้นทำให้เธอดูงดงามและโดดเด่นเข้าไปอีก ทำไมเธอถึงยังโสตอยู่กันนะ คนสวยขนาดนี้น่าจะมีผู้ชายเรียงรายที่เพียบพร้อมมาขอเธอไปเป็นภรรยาแน่นอน

“เชอะ!! ก็แค่ยัยป้าคานทองเท่านั้นแหละ”

    ผู้หญิงคนหนึ่งที่ด้านหลังของเฟพูดขึ้นมา ซึ่งเฟเองก็ไม่คิดจะยุ่งเพราะการอิจฉาความงามของคนอื่นย่อมเป็นธรรมชาติของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าที่ไหนก็จะมีคนประเภทมองคนอื่นให้ต่ำกว่าเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีอยู่เสมอ

“ฉันจะทำได้แบบนั้นบ้างได้ไหมนะ…”

    แต่ทว่าก็มีผู้หญิงประเภทนี้เหมือนกันสินะ ขาดความมั้นใจในตัวเองเพราะคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีกว่าตัวเอง แถมยังเป็นลูกสาวเราด้วยสิ

“ไม่เป็นไรหรอก แม้คุณร็อดนี่จะสวยมากก็จริง แต่ดาดาเองก็ไม่แพ้กันหรอก แค่สวยกันคนละแบบเท่านั้นเอง”

“ถึงจะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนึด..แต่ก็สมเป็นนายดีนะ”

“ผมก็คือผมนั้นแหละ ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออนาคตผมก็จะพูดแบบนี้แหละ ก็ดาดาสวยจริงๆนี้น่า”

“///////!!!”

    ดาดาเขินหน้าแดงเหรอ? ถือว่าเป็นภาพที่หายากเหมือนกัน ไว้วันหลังชมเธอให้เยอะขึ้นกว่า ถือว่าซะว่าเพิ่มความมั่นใจให้เธอไปในตัวด้วย จะได้กล้าเข้าหาคนอื่นซักที ถึงตอนนั้นหวังว่าผมจะได้อุ้มหลานแล้วนะ ผมเองก็ใกล้จะเลข30แล้วด้วยสิ

“ยะ..อย่างงี้นี้เอง!! ฉันสวยสินะ!!”

“อืมสวยสิ ยิ่งเธอใส่ชุดนั้นยิ่งมีเสน่มากเลยนะ”

    ถึงมันจะสวยก็จริง โป๊มากอยู่ แม้จะไม่เท่านักผจญภัคหญิงบางคนก็เถอะ แต่ทำแบบนี้ก็ช่วยเสริมความมั่นใจของเธอไปอีกแบบละนะ

“ท่างั้นก็จับตาดูให้ดีละ!!! ความสวยของดาดาผู้นี้นะ!!”

“อืม จะตั้งหน้าตั้งตารอดูเธอฉายแสงจากตรงนี้เลยละ”

    เฟพูดพร้อมกับชูนิ้วโป้งขึ้นมา ดาดาเองก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้รับกำลังใจจากเฟ จนยิ้มโชวเขี้ยวสีขาวน้อยๆของเธอไม่หยุด

   เมื่อคุณร็อดนี่ลงจากเวทีดาดาก็กระโดดออกไปพร้อมกับความมั้นใจ เธอเดินทุกระเบียบเป๊ะตามที่ซ้อมไว้ ไม่ว่าการโพสท่าหรืออะไรต่างๆก็ทำได้เรียกว่าสมบูรณ์แบบ ผู้ชมที่อยู่ข้างล่างเองก็ดูตื่นเต้นกับชุดของดาดาโดยเฉพาะพวกกลุ่มผู้ชายที่อยู่เป็นย่อมๆนั้นดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ… ผมก็ดีใจอยู่นะที่มีคนมองลูกสาวตัวเองด้วยความชื่นชม แต่ช่วยเลิกตะโกนกันสักทีเถอะ มันเดือดร้อนคนอื่นมากเลยรู้ไหม?

    การเดินโชวจบลงโดยที่ดาดาหมุนตัวไปมาจนผมสีสั้มของเธอบริวว่อนและก็เดินกลับมาที่หลังเวทีเพื่อมาเฟที่กำลังยืนมองอยู่

“ต่อไปตานายแล้วนะเฟ สู้ๆละฉันจะเป็นกำลังใจให้!!”

“เอ๋..อะ..อืม”

   เฟตอบด้วยเสียงกะตุกกะตัก หลังจากที่เขาได้เห็นการเดินของดาดา เขาจึงคิดได้ว่าเขาทำแบบนี้มันจะดีจริงๆแน่เหรอ เมื่อเขาลองมองไปที่หญิงสาวคนอื่นๆที่อยู่ที่นี้ก็พบว่ามีแต่อายุพอๆกับดาดาทั้งนั้นเลย สำหรับเขาที่เป็นผู้ชายอายุ27ปี จะทำได้จริงเหรอ? เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าผู้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน

    แม้ในวัยเด็กจะถูกบับคับให้แต่งหญิงโดยพี่สาวและญาติตัวเอง แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังรู้จักพวกเธอดี แต่นี้คือคนแปลกหน้าทั้งนั้น แม้ตอนรับปากจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้เขาเริ่มหวั่นๆแล้ว

“กลัวเหรอจ๊ะ? แม่สาวทอมบอย”

   ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเขาเอ่ยทักเขา เมื่อหันไปมองก็พบหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังมองเขาแบบเหยียดๆอยู่

“ถ้าเธอไม่มั่นใจก็กลับบ้านไป ที่นี้ไม่ต้อนรับคนขี้ขลาดอย่างเธอหรอกนะ จะบอกไว้ก่อนยัยบ้านนอก!!”

“ว่าไงนะ!! กล้ายังไงมาว่าเฟของฉันนะ!!”

“มีปัญหาอะไรยะ ยัยแมวปอดบวม!! ฉันพูดกับยัยหนูนี้ไม่ได้พูดกับหล่อนซักหน่อย!! อย่ายุ่งได้มะ?”

“ว่าใครเป็นแมวปอดบวมกัน!! ยัยปากหมา”

“ว่าใครปากหมากันยะ!! ยัยแมวขี้เรื้อนนี้!!”

   ดาดากับผู้หญิงคนนั้นทะเลาะกัน ใช่แล้วละในเมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ นี้นะคือวิถีของนักผจญภัคอย่างเรา!! จะมามัวขี้ขลาดให้คนอื่นต่อว่าได้ไง

   เมื่อตัดสินใจได้สักนั้นเขาจึงเริ่มออกเดินไปที่หน้าเวทีอย่างช้าๆ

“เด็กคนนั้นเป็นอะไรไปนะ? ดูเกร็งๆจัง”

“ก็สกสัยคงอายนะแหละ เธอคงเป็นมือใหม่นะแหละ จะตื่นเวทีก็ไม่แปลกใจหรอก”

“น่าเสียดายจัง ชุดนั้นเป็นหนึ่งในอีเว้นหลักแท้ๆ แต่กลับให้มือใหม่สวมซะได้”

“น้องสาวอ้าข้าหน่อยจ๊ะ!!! ฮิ้วๆๆๆ”

   มีเสียงมากมายท้วงดิ้งถึงการเดินของเขา แข็งบาง เดินเหมือนพวกอ็อคหรืออะไรต่างๆนาๆ เขาก็ยังทนโพสท่าต่างๆไปจนจบ ในใจของเขาอายแทบจะวิ่งหนีจากนี้ให้เร็วที่สุดเลย

  ท่าปิดท้ายคือหมุนตัวโชวชุดสินะ เอาละนะ

โครมมมม!!!!

  เนื่องจากความเร่งรีบและไม่ชินกับรองเท้าสันสูงของผู้หญิงมากนัก เขาจึงล้มลงไป กระโปรงของเขาเปิดขึ้นมา เผยให้เห็นชุดชั้นในที่เป็นพริ้วๆสีขาวแบบเดียวกับชุด พร้อมกับสายรัดถุงน่องสีขาว ซึ่งทั้งหมดนี้เขาเต็มใจใส่มันด้วยตัวเองเพราะเป็นงาน20เหรียญทอง จึงอยากทุ่มเทให้เต็มที่มากที่สุด เขาเองก็ไม่ได้หวังผลลัพธ์แบบนี้เลยแม้แต่น้อย

“ทำไมเป้าของเธอดูเหมือนจะนูนๆแปลกๆนะ”

“!!!!!”

   เขารีบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปหลังเวทีในที จากนี้ไปมันคงเป็นแผลทางใจที่สาหัสพอสมควรเลย สำหรับใจจิตใจของชายหนุ่มวัย27ปี อย่างเขา

.

.

.

.

.

“สุดยอด~ พี่ชายสร้างเสียงฮือฮามากเลยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นประเด็นถกเถียงกันมากขนาดนี้เลย”

“อะ..ฮ่าๆ…ขอบใจ..นะ”

    เขาหัวเราะแบบแห้งๆเหมือนว่าหลังจากที่เขาลงจากเวทีแล้วดูเหมือนจะมีคนถกเถียงกันว่าเขาเป็นหญิงหรือชายกันแน่ ฝั้งหนึ่งก็บอกว่าต้นขาและส่วนอื่นๆนั้นเรียบเนียนที่ดูเป้าดูนูนๆอาจจะเป็นเพราะมุม หรืออีกฝั้งหนึ่งก็ตีขาดว่าผมเป็นผู้ชายแน่นอน ซึ่งเป็นผลด้านดีทำให้กระแสของชุดดีกว่าที่คิด แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับผมพอควร บางทีผมต้องเลิกทำอย่างงี้แล้วละ อายุผมเองก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วด้วยสิ

“แล้วดาดาอยู่ไหนเหรอครับ? ไม่เห็นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“ถ้าเป็นน้องแมวละก็เห็นเดินตามผู้หญิงแปลกหน้าไปไหนก็ไม่รู้อะ~”

    ผู้หญิงแปลกหน้า? พวกเราพึ่งมาถึงเมืองนี้ไม่นานเอง แถมดาดาก็ไม่รู้จักใครเป็นพิเศษเพราะไม่เคยคุยกับคนอื่นนอกจากเรา ท่าเป็นพวกภูติดำหรือคนในงานเองคาลก็ไม่น่าบอกว่าคนแปลกหน้าด้วย… อย่าบอกนะว่าพวกล่าทาส!!

“ผู้หญิงแปลกหน้านั้นมีลักษณะยังไงครับ!!”

“ไม่รู้จิ แต่ว่าเห็นออกไปทางโน้นกันอะ แถมยังไปเป็นกลุ่มๆด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ”

    เฟรีบออกวิ่งไปทางที่คาลชี้ทันที เขาสัญญาในใจมั้นว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว!!

 

 

“อูยๆ เจ็บจัง…ยัยพวกนั้นมือหนักกว่าที่คิดเยอะเลย “

“อ๊ะ!! น้องแมวนี้น่า!!!”

   คาลที่เห็นดาดาเดินกลับมาก็วิ่งไปกอดดาดาที่อยู่ในสภาพสะบัดสะบอมกลับมา ผมของเธอนั้นดูยุ่งเหยิงมากเมื่อเทียบกับตอนแรก บนใบหน้าเองก็มีรอยชำหลายจุดด้วย

“บอกกี่ทีแล้วให้เรียกดาดา..เจ็บๆ”

   ดาดาจับแก้มซ้ายพร้อมกับร้องโอดโอยออกมา หลังที่เฟออกไปเดินโชวผู้หญิงกลุ่มนั้นก็นินทาเฟไม่หยุด จนเธอทนไม่ไหว สุดท้ายก็จบด้วยการตะลุมบอนระหว่างดาดาและกลุ่มนางแบบ

“น้องแมวเป็นไรไปเหรอ? ดูท่าทางไปสบายเลย”

“ก็ไปเคลียปัญหาส่วนตัวนึดหน่อย ก็เลยอยู่ในสภาพนี้แหละ”

“แล้วชนะไหมอะ”

“แน่นอนสิ!! อย่ามาดูถูกนักผจญภัคแร๊งCสิ!! ฉันไม่มีทางแพ้ชาวบ้านธรรมดาหรอกนะ!!”

    ดาดาพูดออกมาด้วยความมั้นใจ แม้จะเสียเปรียบในช่วงแรกไปบ้างแต่ด้วยพละกำลังของเผ่าสัตว์และประสบการณ์จากการปราบพวกโจรจากการทำเควส ทำให้เธอสามารถเอาชนะผู้หญิงพวกนั้นได้ แม้จะยังไม่กางเล็บที่เป็นอาวุษลับของเธอก็ตาม

“งั้นนี้ก็คือรางวัลแก่ผู้ชนะจ้า~”

“นี้คือ?”

   คาลยื่นขวดอะไรสักอย่างที่ข้างในเป็นน้ำยาสีชมพู ซึ่งต่างกับพวกโพชั่นที่เป็นสีฟ้าหรือสีแดงที่เห็นเป็นประจำ ดาดารับขวดนั้นมาด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวมันจะเป็นน้ำยาแปลกๆ อย่างยาเสน่หรือยาปลุกเซ็กท่ามองจากสีเพียงอย่างเดียว

“ก็โพชั่นไงละ!! เป็นของที่คุณแม่ของคาลทำขึ้นเองเลยนะ!! มันสุดยอดสุดๆเลยละ”

“คุณแม่? หมายถึงคุณเจมินี่เหรอ ไม่ใช่ว่าเธอเป็นช่างตัดเย็บเหรอ?”

“ม่ายช่าย~ คุณแม่อีกคนต่างหาก!! คาลมีคุณแม่สองคนน้า~”

“ห๊า?’

    ดาดาไม่รู้ว่าเธอจะสื่ออะไร ถ้าเธอมีแม่สองคนแล้วเธอจะเกิดขึ้นมาได้ยังไง? แม้จะเป็นคำถามที่อยากจะถามแต่ดาดาเงียบเอาไว้ บางทีคุณแม่อีกคนอาจจะเป็นคนที่ดูแลคุณเจมินี่มาตลอดก็ได้ ก็เหมือนเธอที่มีเฟ

“ดื่มเลยๆ นี้นะสุดยอดจริงๆนะ”

“อะ..อือ”

    แม้จะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่พอโดนคาลคะยันคะยอมากๆ ดาดาก็เลือกจะเปิดขวดและจิบมันไปเพียงเล็กน้อยอย่างกล้าๆกลัวๆ

“นี้มัน..”

   แผลและรอยชำบนตัวเธอค่อยๆจางหายไป พละกำลังที่เสียไปก็ฟื้นกลับมาด้วย

 

   เธอไม่เคยเห็นโพชั่นแบบนี้มาก่อน ท่าเป็นโพชั่นระดับต่ำจะรักษาแผลชำพวกนี้ภายใน1ชม. ระดับกลางสามารถรักษาแผลฉีกขาดขนาดเล็ก-กลางได้ภายใน1วัน ระดับสูงทุกบาดแผลภายใน1ชม.-3วัน ขึ้นอยู่กับอาการบาดเจ็บที่ได้รับ แต่โพชั่นพวกนี้ไม่ได้คืนพละกำลังและความเหนื่อยล้าที่เสียไปกลับคืนมา ซึ่งหากอยากได้ต้องซื้อสเตมมิน่าโพชั่นซึ่งมีราคาตกขวดละ10-50เหรียญเงินตามเกรดการฟื้นฟู่ แต่โพชั่นที่เธอถืออยู่นั้นเหมือนรวมโพชั่นระดับสูงทั้งสองเข้าด้วยกัน

   มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะหากกินทั้ง2อย่างพร้อมกันหรือไล่เลี่ยกันเกินไป ก็จะทำให้ทั้ง2อย่างไร้ผลไปเลย หากเป็นระดับสูงทั้ง2อย่าง ก็ทำให้ช็อคหมดสติไปเลยหรือหากแย่กว่านั้นก็อาจจะตายไปทั้งๆอย่างงั้นเลย แต่ของที่อยู่ในมือเธอนั้นสามารถทำทั้งสองได้โดยไม่มีผลข้างเคียงเลยสักนึด

“นี้มันขวดละเท่าไหร่เหรอ?”

“อ๋อ~ อันนั้นไม่ได้มีไว้ขายนะ คุณแม่บอกเดี๋ยวมันจะวุ่นวายท่าของแบบนี้หลุดไปได้ แถมยังอยู่ในช่วงพัฒนาอีกด้วย ก็เลยเก็บไว้กินในครอบครัวนะ ถ้าน้องแมวอยากได้ละก็ขวดนั้นจะยกให้ก็ได้นะ”

“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก…”

    ดาดาพูดพร้อมยื่นขวดที่บรรจุโพชั่นสีชมพูคืนไป แม้เธอจะไม่สันทัดในเรื่องยามากนัก แต่หากให้ประเมินค่าคงอาจจะตกขวดละ30เหรียญทองเลยก็ได้

“รับไว้เถอะ นี้นะ เป็นของขวัญจากคาลให้น้องแมวยังไงล้า~ ท่ารับไว้ละก็อาจจะได้ใช้ช่วยพี่ชายในยามจำเป็นก็ได้น้า~ เมื่อถึงตอนนั้นน้องแมวอาจจะกลายเป็นแม่แมวของพี่ชายเลยก็ได้นะ หุๆๆ”

“!!!!”

    ทุกคนต่างรู้ว่าดาดาชอบเฟเพียงแค่มองครั้งแรก แต่ไม่มีใครมาพูดตรงๆ แบบนี้กับเธอมาก่อน

“กะ..ก็ได้ ที่ฉันรับไว้เพราะเธอเซ้าซี้หรอกนะ!!”

ดาดาเก็บขวดนั้นไว้ในกระเป๋าคาดเอวของเธอส่วนลึกสุดเพราะกลัวหาย และเธอก็ไม่คิดจะขายมันแน่นอน!!!

“อย่าลืมดูวันหมดอายุบนขวดด้วยน้า~ หากกินตอนมันหมดอายุแล้วท้องเสียร้องไห้ขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะเออ”

“เข้าใจอยู่แล้วยะ!! ไม่ต้องบอกเรื่องนั้นก็ได้!!”

 โพชั่นทุกขวดมีวันหมดอายุเหมือนกับอาหาร ส่วนใหญ่เก็บได้แค่3เดือน แต่เธอไม่เคยเห็นโพชั่นขวดไหนที่เขียนวันหมดอายุมาก่อนเลย ซึ่งบนขวดมันเขียนบอกว่าเก็บได้ถึงปีหน้าเลยทีเดียว

“จะว่าไปเฟหายไปไหนกันนะ..ทั้งที่บอกให้ฉันอยู่ใกล้ๆแท้ๆ..”

“ถ้าเป็นพี่ชายละก็เห็นว่าตามหาน้องแมวอยู่ละ พอบอกว่าถูกผู้หญิงพวกนั้นพาตัวไปก็รีบวิ่งตามไปทันทีเลย แถมท่าทางใจร้อนน่าดูเลยลา~”

“หมอนั้นเป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยเหรอ!!! งั้นต้องรีบตามไปแล้ว!!”

“ไม่ได้หรอก”

“ปล่อยนะ!!”

   คาลจับแขนของดาดาเอาไว้ ไม่ว่าเธอพยามจะดิ้นมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจพ้นจากมือของคาลได้ แม้เธอจะพยามสะบัดมืออย่างเต็มแรงแล้วก็ตาม

“ถ้าพี่ชายกลับมาไม่เจอน้องแมวละก็มันจะยุ่งยากขึ้นไปอีกน้า~ เพราะงั้นอยู่เฉยๆเป็นเด็กดีแล้วรอที่นี้ดีกว่านะ”

“ถ้าเป็นเฟละก็ตามหาฉันไม่หยุดแน่ๆ ฉันรู้จักหมอนั้นดีกว่าใครนะ!!”

   เธอจำได้ในอดีตมีครั้งหนึ่งที่เธอโกรธเฟมาก จึงเอาคืนด้วยการหลอกว่าตัวเองหนีออกจากบ้านเพื่อให้เฟออกตามหาเธอ และก็หายไป3วันเต็มๆและกลับมาในสภาพสะบัดสะบอม เพราะวิ่งตามหาเธอไปทั้วเมืองตลอดไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนล้มป่วยไป1เดือนกว่าๆ ตั้งแต่วันนั้นเธอก็สาบานว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวคาลบอกให้คุณแม่มินาโตะพากลับมาเอง แปปๆเดียวก็เจอแล้วละ”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่จ้า~ น้องแมวอ่อนแอจะตาย แค่สะบัดมือของคาลยังทำไม่ได้เลย ขืนให้ออกไปเดินในเมืองโดยไม่ระวังตัวละก็….อาจจะโดนลักพาตัวหายไปจริงๆนะ”

“……”

    คาลพูดความจริงจนดาดาเถียงไม่ออก ตอนในเมืองเองเธอก็ถูกพวกภูติดำลักพาตัวไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่อาจขัดขืนพวกนั้นได้เลยแม้แต่น้อย ท่าเธอหายไปจริงๆละก็ เฟต้องเสียใจมากกว่านี้แน่ๆ

“ก็ได้…ฉันจะรออยู่นี้…เธอเองก็อย่าลืมบอกมินาโตะให้หาเฟด้วยละ!!”

“รับทราบจ้า~”

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

Status: Ongoing
อ่านผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับชาย2คนที่เป่ายิ้งฉุบแย่งตัวละนักบุญหญิงเพราะอยากเล่นตัวละครผู้หญิงกัน แต่เมื่อเขาสามารถเอาชนะเพื่อนของตัวเองได้ ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่างโลกในฐานะของนักบุญจริงๆ เสียแล้ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset