ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ – ตอนที่ 50

“แหมๆ หนุ่มสาวสมัยนี้ไฟแรงกันจังนะ”

    ผู้หญิงเผ่าสุนัขพูดขึ้นในขณะที่มองไปที่แขนเฟที่ตอนนี้มีหยินกอดอยู่ ส่วนทางดาดาเองก็จัดหยินเอาไว้ในหมวดหมู่ศัตรูไว้เรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาได้มาถึงร้านอาหารเล็กๆ ที่มีทั้งหมดแค่8โต๊ะ และแต่ละโต๊ะมีเพียง4ที่นั้ง แต่กลับมีภูติดำแวะเวียนมาอยู่เรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย

“แล้วจะสั้งอะไรกันเหรอจ๊ะ”

“ฉันเอาพาสต้าเนื้ออ็อคเหมือนเดิมค่ะ และก็ขอจับหางของคุณด้วยนะคะ คุณมิล”

“ตายจริง สั้งเหมือนเดิมไม่เบื่อเหรอจ๊ะ นานๆทีเปลี่ยนเป็นเมนูหน่อยก็ดีนะ”

“ฉันไม่มีวันเบื่อพาสต้าเนื้ออ็อคหรอกคะ โดยเฉพาะหางของคุณฉันยิ่งไม่เบื่อเลยคะ”

   บเรนพูดออกมาในขณะที่กำลังนั้งยองๆจับหางของมิลอยู่ ใบหน้าของเธอนั้นดูมีความสุขและดูผ่อนคลายมากต่างจากเวลาปกติที่เธอชอบทำหน้าเครียดเสมอ

“คุณบเรนชอบหางสัตว์เหรอครับ?”

“เรียกให้ถูกก็คือชอบหางสัตว์ของสาวใหญ่ต่างหาก ถ้าเป็นหางทั้วไปที่ไม่ใช่สาวสัตว์อายุ30อัพขึ้นไปฉันไม่มีวันสนใจหรอกนะคะ”

“เอ้า หมดเวลาแล้วจ้า~”

“แอ้ก!!”

   เมื่อมิลพูดดังนั้นเธอก็ดึงหางของเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว จนหางของเธอตีไปที่แว่นของบเรนจนเกือบหลุด แต่ถึงอย่างงั้นใบหน้าของเธอกลับดูมีความสุขยิ่งกว่าเก่า

“แล้วพวกเธอจะสั้งอะไรกันเหรอจ๊ะ”

“ผมขอพาสต้าเนื้ออ็อคเหมือนคุณบเรนครับ”

“ของหนูขอซุปข้าวโผดคะ”

“พาสต้าเนื้ออ็อค 2 กับซุปข้าวโผด แล้วคุณหนูที่แต่งตัวแปลกๆ ตรงนั้นละจ๊ะ”

“เยาเมย์ทานเพร์ฟา”

“เอ่อ… เมื่อกี้หนูพูดว่าอะไรนะจ๊ะ”

“เยาเมย์ทานเพร์เฟย์!!!”

   หยินพยามพูดให้มันชัดขึ้นแต่ก็ยังคงฟังไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

“เดี๋ยวผมคุยให้นะครับ”

“รบกวนด้วยนะจ๊ะ”

    เฟพูดคุยกับหยินอีกครั้งดูเหมือนว่าเธอจะพูดคำว่าพาสต้าเนื้ออ็อค เพราะอยากกินเหมือนเฟ

“เธอคนนี้อยากกินพาสต้าเนื้ออ็อคครับ”

“รับทราบจ๊ะ กรุณารอสักครู่นะ”

    มิลเดินจากไปโดยที่ไม่ได้สนใจบเรนที่พยามจะจับหางของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อหมดโอกาศแล้วเธอจึงกลับมานั้งตามเดิม

“เรื่องเมื่อกี้ต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ ที่เผลอไปตบหน้าคุณเข้า จริงๆแล้วภูติดำเป็นพวกที่ให้ความสำคัญกับชื่อมากแม้มันจะฟังดูงี่เง่า แค่ไหนก็ตาม เราก็ภูมิใจกับมัน แต่พอเห็นคุณที่เป็นคนตั้งชื่อให้กับคุณดาดาไม่ให้ควาทสำคัญกับชื่อที่ตัวเองตั้งให้ฟังแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดก็เลยเผลอไป… ต้องขอโทษด้วยจริงๆคะ”

“ไม่เป็นหรอกครับ คุณบเรน ผมไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นแล้วละครับ ผมเองก็”

“ขอบคุณมากจริงๆคะ ที่ยอมให้อภัคฉัน งั้นขอให้ฉันได้เลี้ยงคุณเป็นการตอบแทนได้ไหมคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคงปล่อยให้สุขภาพสตรีมาเลี้ยงไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”

“ไม่เป็นไรคะ ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงแต่ฉันก็มีมือมีเท้านะคะ คงปล่อยให้คุณมาเลี้ยงง่ายๆ แบบนี้คงไม่ดีหรอก แถมนี้ก็เป็นการเลี้ยงเพื่อขอโทษด้วย ได้โปรดให้ฉันเลี้ยงเถอะคะ”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี้ครับ ผมก็แค่อยากเลี้ยงคุณเท่านั้นเอง ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยสอนเวทมนต์ให้ดาดาด้วยไงครับ”

“คุณคิดจะกวนประสาทฉันเหรอคะ คุณจะมาแข่งกับฉันเพื่ออะไร? ฉันบอกว่าจะเลี้ยงเอง เข้าใจไหมคะ คำว่าเลี้ยงนะ! นี้คือการแสดงคำขอโทษของฉัน ช่วยอย่าปฏิเสธและช่วยรับมันไปดีๆด้วยค่ะ!!”

“ผมก็เข้าใจอยู่หรอกครับ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็อยากเลี้ยงคุณเพื่อตอบแทนเรื่องเมื่อเช้าอยู่ดีนั้นแหละครับ”

“….”

   บเรนจ้องไปที่หน้าของเฟแบบเคืองๆ ก่อนที่จะถอดหายใจเบาๆ เป็นการยอมแพ้

“ถ้างั้นฉันจะเลี้ยงคุณผู้หญิงที่นั้งข้างๆ คุณละกันคะ เชิญเลี้ยงฉันให้เต็มที่เลยละกัน”

“฿###฿&&@#&฿&#฿@!!!”

    เมื่อบเรนพูดจบหยินก็เหมือนจะพยามพูดอะไรสักอย่าง ที่เหมือนการตวาดใส่บเรน ซึ่งบเรนเองก็ไม่ได้เข้าใจที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ทราบว่าเธอโกรธอะไรฉันรึเปล่าคะ ฉันฟังที่เธอพูดไม่รู้เรื่องเลย”

“เธอไม่ได้โกรธอะไรคุณหรอก เผอิญสำเหนียงมันเป็นแบบนั้นเท่านั้นครับ เธอก็แค่บอกว่า’ฉันมีปัญญาจ่ายค่าอาหารเอง ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาจ่ายให้ฉันหรอก’ประมาณนี้แหละครับ”

“อย่างงี้นี้เอง แสดงเธอฟังภาษาแกรนเทลออกใช่มั้ยคะ?”

“ก็ใช่อยู่หรอกครับ แต่ดูเหมือนเธอจะพูดภาษาแกรนเทลไม่ได้ ผมเองก็พยามฟังที่เธอพูดมาตั้งหลายรอบแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

“นันไรไดแหย่ชักหน่อย”

“น่าตกใจจริงๆ ด้วยทักษะภาษาที่แย่ยิ่งกว่าเด็ก3ขวบ สามารถมาถึงที่นี้ได้โดยที่ไม่อดตายนับว่าเก่งมากแล้วละคะ จะว่าไปคุณไปเก็บเธอมาจากไหนกันคะ”

“จะเรียกว่าเก็บได้รึเปล่า เผอิญเธอเห็นว่าผมพูดภาษาเธอได้ก็เลยตามผมมาเองนั้นแหละครับ ผมเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรเป็นการส่วนตัวกับเธอเลยแม้แต่น้อยเลยครับ”

“ทำไมท่านพี่พูดแบบนั้น ข้าคือคู่หมั้นของท่านพี่นะ!! ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียหน่อย!”[ภาษาอื่น]

“ดูเหมือนว่าเธอพยามจะพูดอะไรสักอย่าง ถึงฉันจะฟังไม่รู้เรื่องก็เถอะ แต่ผู้หญิงคนนั้นคงเป็นคนรู้จักของคุณสินะคะ”

“จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ เธอก็แค่บอกว่า เธอชื่อ หยิน ยินดีที่ได้รู้จักนะ เท่านั้นเองครับ”

“ท่านพี่! ท่านคิดจะตัดเยื่อใยกับข้าโดยสมบูรณ์รึไง! ข้าไม่ยอมหรอกนะ! ข้าจะทำให้ยัยนั้นเห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ่งของเราเอง””[ภาษาอื่น]

หยินพยามจะจูบเฟ เขาก็เอามือมาบังไว้ก่อน

“ดูเหมือนว่าเธอจะพยามจูบคุณอยู่นะคะ”

“คิดไปเองครับ เธอแค่พยามจะทักทายเท่านั้นเอง”

“ทักทายบ้านไหนเขาทำหน้าตาแบบนี้กันยะ!! อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย! ฉันเห็นนะว่านายคุยกับยัยนั้นสนิทสนมกันขนาดไหน คิดว่าฉันโง่รึไง!”

“มันไม่มีอะไรหรอกน่า เธอคิดไปเองเท่านั้นแหละ ดาดา”

“ไม่มีก็บ้าแล้วยะ! ยัยต่างด้าวจะถอดเสื้อผ้ามาปล้ำนายแล้วนะ!”

   เมื่อเฟหันกลับไปหยินก็เห็นเห็นเธอกำลังง่วนอยู่กับการแกะสายรัดที่เอวอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเฟจึงรีบห้ามทันที

“เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรหยิน! เจ้าไม่อายคนอื่นเลยรึไง!”[ภาษาอื่น]

“ก็ดีกว่าให้ท่านพี่มาตัดสายใยของข้ากับท่าน ต่อหน้าต่อตาอยู่ดี ข้าทนความเจ็บปวดแบบนั้นไม่ได้หรอก ข้ายอมเปลือยต่อหน้าคนอื่นยังดีกว่าซะอีก!”[ภาษาอื่น]

“เจ้าจะบ้ารึเปล่า! หยิน!! เจ้าเป็นสตรีนะ!!”[ภาษาอื่น]

“งั้นท่านก็บอกไปสิว่าเราเป็นอะไรกัน! ไม่งั้นข้าจะเปลือยกายไล่กอดท่านทั้งวันแน่”[ภาษาอื่น]

“ดูเหมือนจะมีประเด็นร้อนกันน่าดูเลยนะคะ แม้ปกติฉันจะไม่ใช่คนชอบสอดรู้สอดเห็นก็เถอะ แต่ฉันเองก็ชักจะสนใจหน่อยๆแล้วสิ”

“อธิบายมาเลยนะ เฟ!! นายกำลังซ่อนอะไรไว้อยู่กันแน่!!”

“บอกพวกนางไปสิ! ว่าข้ากับท่านเป็นอะไรกัน ไม่งั้นข้ากับท่านต้องได้ทองแผ่นเดียวกันตรงนี้แหละ!”[ภาษาอื่น]

   เฟถูกกดดันจารอบข้าง ทำให้เขาอยู่สถานะที่ตกที่นั้งลำบากในทันที ถ้าเขาไม่บอกก็จะถูกหยินจับปล้ำซึ่งตัวเขาในตอนนี้ไม่อาจสู้แรงของเธอ แต่ตอนเช้าเขาพึ่งจะบอกว่าสนใจในตัวของบเรน แต่จะให้บอกว่ามีอดีตคู่หมั้นมาหามันก็ดูจะกระไรอยู่ดี แต่นี้คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คงจะดีกว่าหากบอกความจริงไปดีกว่ามารู้ทีหลัง

“ก็ได้ครับ.. เธอชื่อเหมา หยิน เป็นอดีตคู่หมั้นของผมเองครับ”

“ฉันอยู่กับนายมาตั้ง12ปี ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย! อธิบายมาเลยนะ!”

“ใจเย็นๆสิ ดาดา ผมก็กำลังอธิบายอยู่นี้ไง.. ตอนเด็กๆ พ่อแม่ของพวกเราได้ทำการหมั้นหมายกันเอาไว้ แต่บังเอิญเกิดเรื่องนึดหน่อยเมื่อ15ปีก่อน ทำให้ผมหนีออกจากบ้านมานะ”

“เรื่องทั้งหมดก็เพราะเมื่อ15ปีก่อน ท่านพี่ไปช่วยเจ้าไม่ใช่รึไง! หรือว่านางจะความจำเสื่อมไปเสียแล้ว?”

“งั้นที่บอกว่าอดีตคู่หมั้นนี้คือไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันแล้วใช่มั้ย”

“ครับ ตอนนี้เราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้นเอง”

“หืม~ งั้นเหรอ แค่คนรู้จักสินะ”

   ดาดามองไปที่หยินด้วยแววตาของผู้ชนะ เธอรู้นิสัยของเฟดี เขาเป็นคนที่เรียกได้ว่าไม่สนใจผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ต่อให้คนนั้นจะสวยแค่ไหน เฟก็ไม่แม้แต่จะชายตาไปมองเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง ต่างจากที่เธอยังคงสนิทสนมจนถึงปัจจุบัน

“สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน! คิดจะเย้ยข้ารึไง นังปีศาจจิ้กจอก!”[ภาษาอื่น]

“ถ้าเป็นเรื่องแค่นี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี้ บอกมาตรงๆก็พอไม่เห็นเป็นอะไรเลย ยังไงตอนนี้ยัยต่างด้าวนี้ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าเท่านั้นแหละ”

“จริงๆ มันมีเหตุผลอยู่นึดหน่อย ก็เลยเลือกที่จะเงียบไว้ก่อนนะ..”

“นายนี้ดูแปลกไปนะ ปกตินายเป็นคนพูดอะไรตรงๆ เรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี้”

“เรื่องนั้นก็..”

“บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันก็ได้นะคะ”

เมื่อบเรนพูดขึ้นหยินและดาดาก็หันไปมองบเรนที่กำลังจิบน้ำอย่างสบายใจอยู่

“คุณบเรน ผมว่าเรื่องนั้นควร..”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี้คะ มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับ จะดีด้วยซ้ำไปหากคุณดาดารู้ไว้ก่อนนะคะ”

“มันก็ใช่อยู่แต่ว่ามัน..ออกจะน่าอายนี้ครับ”

   เฟอายหน้าแดงและเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ดาดารู้สึกได้ทันทีว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่บเรนที่นั้งข้างเธอทันที

“นี้มันเรื่องอะไรกันยัยสี่ตา อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ก็แค่ตอนเช้าคุณเฟมาบอกว่าสนใจในตัวฉันเป็นพิเศษเท่านั้นเอง”

“นี้มันเรื่องอะไรกันนะเฟ! ทำไมคนอย่างนายถึงไปสนใจยัยสี่ตาพิลึกนี้ละ!!”

“ท่านพี่นอกใจข้าไปหายัยสาวชาวไร่นี้หรอกเหรอ! ยัยนี้มันมีดีกว่าข้าตรงไหนกัน!”

   เขาถูกคาดเค้นจากสองสาวอีกครั้ง ทางด้านบเรนเองก็ยังคงจิบน้ำอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวมองดูเหตุการณ์ดำเนิดต่อไป

“ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากหรอกครับ.. แต่พอคุยกันไปเรื่อยๆ ผมกลับรู้สึกสนใจในตัวคุณบเรนขึ้นมาเท่านั้นเอง..”

   เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเธอก็หันไปหาบเรนทันที บเรนจึงวางแก้วน้ำล งและก็ขยับแว่นของตัวเองก่อนจะทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

“ไม่ต้องห่วงไปคะ อย่างที่บอกไป พวกเราสนใจเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มหรอก ทางฉันเองก็ไม่อยากจะกลายเป็นฮาเร็มหัวหลากสีของคุณเฟด้วย เพราะดูท่าทางคงไม่จบแค่หัวส้มกับหัวดำแน่นอน เพราะฉะนั้นหัวขาวอย่างฉันขอเลือกที่จะถอนตัวไปอยู่ฝั้งตัวประกอบตามเดิมดีกว่าคะ”

“”…..””

    สองสาวต่างเงียบไม่พูดอะไรออกมา เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าสิ่งที่บเรนพูดหมายถึงอะไร แต่ดูท่าทางแล้วบเรนเองก็ไม่ได้สนใจในเฟเลยสักนึด

“อาหารมาแล้ว ขออนุญาติเสริฟหน่อยนะ”

   อาหารถูกวางเสริฟให้กับทุกคนอย่างรวดเร็ว ทางมิลเองก็รู้สึกแปลกๆที่ทุกคนต่างเงียบและดูท่าทางแปลกๆ ยกเว้นบเรนที่จิบน้ำอย่างสบายใจอยู่คนเดียว

“เอ่อ..ไม่ทราบว่า เกิดอะไรขึ้นเหรอ? บเรน”

“ไม่มีอะไรหรอกคะ คุณมิล ก็แค่มีเรื่องอะไรกันนึดหน่อยเท่านั้นเองคะ”

“ระ..เหรอจ๊ะ”

   บเรนลงมือกินพาสต้าที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีความสุขก่อนจะหันกลับมาหามิลอีกครั้ง

“จะว่าไปคุณจาไปไหนเหรอคะ”

“ฉันก็ไม่รู้ด้วยสิ เห็นว่าจะไปหางานใหม่อีกแล้วละมั้ง”

“ถ้างั้นทำไมไม่กลับมาอยู่กับพวกเราละคะ พวกเรายินดีต้อนรับเธอเสมอเลยนะคะ”

“ก็แหมงานของพวกเธอมันหนักพอสมควรนี้น่า ในสมัยที่มีแค่ก้าก้า ฉันและก็มิล งานเองก็ไม่มีอะไรมากนอกจากลาดตระเวณและล่าสัตว์ป่าแถวนี้เองนะ”

“ก็จริงนั้นแหละคะ ตอนนี้มีทั้งเรื่องเอกสาร รายงานประจำวัน ลาดตระเวณ ล่าสัตว์ป่า ปราบปรามพวกโจร รักษาความปลอคภัคในเมือง ทางฉันเองแต่ละวันก็ทำงานแทบหัวหมุนเลยนะคะ คุณจาเองก็ทนทำไม่ไหวก็ออกไปทันที แม้จะมีหน่วยอื่นมาเพิ่มแล้วก็เถอะ แต่ทางนี้ก็ยังยุ่งอยู่ดี…”

   บเรนกับมิลต่างคุยกันโดยที่ไม่ได้สนใจทั้งสามคนเลยแม้แต่น้อย หยินกับดาดาต่างจ้องตากันและก็ต่างมองฝ่านตรงข้ามเป็นศัตรู หยินจึงตัดสินใจหยิบส้อมออกมาและก็ปักลงไปที่พาสต้าทันที

“ท่านพี่เฟย์ ช่วยข้าด้วย เจ้าบะหมี่แห้งนี้ลื่นเกินไป ข้าไม่สามารถใช้เจ้าสามง่ามจิ๋วนี้ตักขึ้นมากินได้เลย”[ภาษาอื่น]

   หยินเลือกที่จะเปิดก่อนเธอแกล้งทำเหมือยใช้ส้อมไม่เป็นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบเรน

“เจ้าใช้ส้อมไม่เป็นงั้นเหรอหยิน”[ภาษาอื่น]

“ข้าพอใช้ได้บ้างแต่ไม่ถนัดเท่าไหร่นัก.. ท่านพี่ที่นี้ไม่มีตะเกียบบ้างเหรอ ข้าใช้เจ้านี้กินบะหมี่ไม่ได้หรอก”[ภาษาอื่น]

“ไม่มีหรอก ที่นี้ไม่มีวัฒธรรมแบบนั้น เจ้าก็แค่ม้วนมันและยกขึ้นมากินเท่านั้น เห็นไหม”[ภาษาอื่น]

   เฟสาธิตตัวอย่างการกินให้กับหยินดู

“อย่างงี้เหรอ ท่านพี่”[ภาษาอื่น]

“ใช่แล้วละ ค่อยๆยกมันขึ้นนะ”[ภาษาอื่น]

“ค่อยๆยกมัน ว้าย!!!”[ภาษาอื่น]

    พาสต้าที่เธอม้วนขึ้นมาหลุดจากส้อม ทำใหซอสพาสต้ากระเด็นใส่ชุดคลุมของเธอ

“ไม่นะ! นี้มันตัวโปรดของข้าเลย ท่านพี่ช่วยข้าด้วย”[ภาษาอื่น]

“ทำอะไรของเจ้าเนี้ยหยิน อยู่นิ่งๆก่อนเดี๋ยวข้าเช็ดให้”[ภาษาอื่น]

   หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่เสื้อของเธอ ทางฝั้งดาดาเองก็เริ่มอิจฉาตาร้อนแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้

“ข้าช่วยเจ้าได้แค่นี้แหละ พอกลับไปก็รีบนำชุดเจ้าไปล้างกับน้ำสะอาดซะ ไม่งั้นมันจะเอาออกยาก ข้าไม่รู้ว่าผ้าของเจ้าคือผ้าอะไรแต่มันคงมีค่าแน่นอน”[ภาษาอื่น]

“ข้าจะจำคำสอนของท่านไว้ แต่ว่าข้าคงไม่อาจกินเจ้าบะหมี่นี้ได้ ท่านพี่ช่วยป้อนข้าหน่อยได้ไหม ข้าอยากจะลองลิ้มรสมันดูสักครั้งนะ”[ภาษาอื่น]

“เจ้าจะบ้ารึเปล่าหยิน! เราสองต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว เจ้าไม่อายรึไง!”[ภาษาอื่น]

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ข้ากับท่านพี่ก็รู้จักกันมานาน ข้าเองก็อยากลองชิมเจ้าบะหมี่นี้เท่านั้น เอ้า อา~”[ภาษาอื่น]

   เมื่อพูดจบหยินเองก็อ้าปากเล็กๆของเธอไปทางหยิน เพื่อเป็นการบับคับเขา เฟจึงถอดหายใจอย่างหน่ายๆ เขาค่อยๆม้วนผ้าตาในจานตัวเองเป็นก้อนเล็กๆ และใส่มันเข้าไปในปากเล็กๆของหยิน

“อืม~ อร่อยจัง เส้นและรสชาติช่างแตกต่างจากในเทียหมิงอย่างสิ้นเชิง ท่านพี่ข้าขออีกคำได้ไหม?”[ภาษาอื่น]

“ทำไมเจ้าดูเอาแต่ใจซะจริง ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยว่าง่ายกว่านี้นะ”[ภาษาอื่น]

“ข้าขอเพียงแค่อีกคำเท่านั้นเอง ไม่ได้เหรอ?”[ภาษาอื่น]

   หยินส่งสายตาออดอ้อนไปทางเฟ

“เฮ้อ.. อีกแค่คำเดียวเท่านั้น.. ส่วนพาสต้านั้นท่ากินมันไม่ได้ก็ยกมาให้ข้า เดี๋ยวข้าจะกินมันให้เอง จะสั้งอย่างอื่นมากินแทนก็ได้ข้าเลี้ยงเอง”[ภาษาอื่น]

“ท่านพี่ใจของข้าใจดีที่สุดเลย อ้าม~”[ภาษาอื่น]

   หยินกินพาสต้าอย่างเอร็ดอร่อยอย่างมีความสุข และหันมามองเย้ยดาดาที่กำลังอิจฉาตาร้อนอยู่ ดาดารู้เหตุผลดีว่าทำไมหยินถึงยิ้มเย้ยเธอ นอกจากเฟจะป้อนเธอแล้ว เธอยังได้จูบกับเฟทางอ้อมอีกต่างหาก

“ฟะ..เฟ วันนี้นายหนาวรึเปล่า? นายนอนกอดฉันได้เต็มที่เลยนะ..วันนี้นะ”

“ปกติเธอไม่ชอบให้ผมกอดไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย!! นานๆทีฉันเองก็อยากให้นายกอดฉันบ้างนะ มะ..ไม่ได้เหรอ?”

“ดาดา…เธอรักผมขนาดนี้เลยสินะ”

   เฟทำรู้สึกซาบซึ่งใจ นี้คือครั้งแรกที่เธอแสดงความรักต่อเขา ปกติในเวลาปกติเธอจะฟัดเหวี่ยงใส่เขาแทบจะตลาดเวลา

“เดี๋ยวสิ!! นี้มันเรื่องอะไรกัน นี้ท่านร่วมเตียงกับนางแล้วเหรอ!”[ภาษาอื่น]

“พูดอะไรของเจ้ากัน มีพ่อที่ไหนจะร่วมเตียงกับลูกสาวตัวเองที่เลี้ยงมากับมือกัน”[ภาษาอื่น]

“นี้ท่านมีลูกกับนังจิ้งจอกแล้วงั้นเหรอ!!”[ภาษาอื่น]

“จะบ้ารึเปล่า? ข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปมีลูก เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของข้าต่างหาก”[ภาษาอื่น]

“ละ..ลูกสาวบุญธรรม?”[ภาษาอื่น]

   หยินดูมึนงงเล็กน้อย เธอหันไปมองดาดาและเฟสลับกัน เหมือนเธอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้ว เธอจึงยิ้มออกมา

“ดูเหมือนว่าข้าจะระแวงเจ้าเกินไปสินะ”[ภาษาอื่น]

“พูดอะไรของเธอยะ ยัยต่างด้าว!!”

“จะพูดอะไรก็พูดเถอะ ข้าไม่ถือสาเจ้าหรอกยังไงซะ เจ้าเองก็เป็นลูกสาวของท่านพี่ก็เท่ากับเป็นลูกของข้าเช่นกัน”[ภาษาอื่น]

“หนอย~!! ถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ท่าทางของเธอมันน่าหงุดหงิดชะมัด!”

   พวกเธอทั้งสองต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน แม้จะมีปัญหาเรื่องภาษาแต่ก็สามารถสื่อสารกันได้เพียงแค่จ้องตากันเพียงเท่านั้น ส่วนทางเฟเองก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“นี้คะ ค่าอาหารทั้งหมด”

“ขอบคุณที่อุดหนุดเป็นประจำนะ บเรน”

   บเรนจ่ายเงินค่าอาหารทั้งโต๊ะให้กับมิลที่ยืนดูการทะเลาะของสาวๆ ด้วยความสนุกสนาด ทางบเรนเองเมื่อกินเสร็จแล้วก็นั้งเล่นรออาหารย่อยและดูการทะเลาะกันของทั้งสอง ก่อนจะหันไปทางเฟและก็ส่งยิ้มไปให้กับเขา

“ทีนี้ฉันก็เลี้ยงคุณแล้วนะคะ คุณเฟ”

“เอ๋?”

   เมื่อพูดจบเธอเองก็ลุกเดินหนีไม่ปล่อยให้เฟพูดอะไรแม้แต่น้อย ดูเหมือนโต๊ะของเขาจะเป็นจะเป็นจุดสนใจของโต๊ะอื่นๆ แม้กระทั้งพ่อครัวเองก็ถึงขั้นออกมาดูการทะเลาะกันเลยทีเดียว

“ช่วยใจเย็นๆกันหน่อย–“

“เงียบไปเลยยะ!!””เงียบไปเถอะ ท่านพี่!!”[ภาษาอื่น]

   เขายังไม่ทันพูดจบทั้งสองหันขวับมาตวาดเฟพร้อมกันทันที ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่สามารถห้ามการทะเลาะนี้ไม่ได้เหมือนกัน..

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

Status: Ongoing
อ่านผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับชาย2คนที่เป่ายิ้งฉุบแย่งตัวละนักบุญหญิงเพราะอยากเล่นตัวละครผู้หญิงกัน แต่เมื่อเขาสามารถเอาชนะเพื่อนของตัวเองได้ ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่างโลกในฐานะของนักบุญจริงๆ เสียแล้ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset