ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ – ตอนที่ 51

    ตอนเช้าที่สนามหญ้าตอนหลังของโรงแรมขนนุ่ม มีเด็กสาวที่กำลังเตะไปที่อากาศซ้ำๆ โดยที่มีหญิงสาวที่พอดูมีอายุกำลังเฝ้าดูเด็กสาวอยู่

“ไฮย่า!!”

“ยกกระโพกให้สูงและใส่แรงให้มากกว่านี้หน่อย!! ลูกเตะปวกเปียกแบบนั้นมันเตะใครไม่เจ็บหรอกนะ”

“แบบนั้นไม่ไหวหรอกป้า สูงกว่านี้หนูก็คงล้มแล้วนะ แถมหนูก็เริ่มเหนื่อยแล้วด้วย”

   เทลเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มใบหน้าของเธอ นี้ก็ผ่านมา1ชม.แล้วที่เธอฝึกเตะซ้ำๆ ตามคำสั้งของมีเรีย

“มันก็ต้องฝึกสิ!! นี้แหละศิลปะการต่อสู้ ป้าแก่กว่าเธอยังทำได้ไม่มีปัญหาเลย!!”

   เมื่อมีเรียพูดจบเธอก็เตะโชว์เทล การเตะการมีเรียนั้นแตกต่างกับของเทล ลูกเตะของมีเรียนั้นรุนแรงและดุดัน รวดเร็ว การเตะแต่ละครั้งของมีเรียจะทำให้เกิดสายลมที่รุนแรงจนสามารถพัดใบไม้ให้ปลิวไปไกลได้

“เห็นไหม? แค่นี้เอง”

“พูดนะมันง่าย แต่ทำจริงมันยากนะป้า”

“ทุกอย่างย่อมมีการเริ่มต้นทั้งนั้น ถ้าเธอไม่พยาม เธอก็จะอ่อนแอ การต่อสู้มันเป็นเรื่องง่ายๆแบบนั้นแหละ หรือว่าเธออยากจะอ่อนแอละ?”

   มีเรียพูดพร้อมกับมองไปที่ตาของเทลอีกครั้ง ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไผจุดไฟในตัวของเทล เทลกำหมัดแน่นและนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะความอ่อนแอของเธอ ถ้าเธอแข็งแกร่งดรีมก็จะไม่ถูกทำร้ายแบบนั้น

“ไม่!! หนูอยากแข็งแกร่ง!! หนูไม่อยากให้ดรีมโดนแบบนั้นอีกแล้ว!!”

“อย่างงั้นแหละดี จำความรู้สึกนั้นไว้ดีๆ ท่างั้นฝึกเตะอีก1ชม. รอบนี้ใส่แรงให้มากกว่านี้อีกละ”

“รับทราบ!!”

    เทลเริ่มเตะอีกครั้งฝั้งมีเรียเองก็เริ่มไฟติดและเริ่มฝึกฝนไปพร้อมกับหลานสาวของตัวเอง

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ คุณเจมินี่”

   เรย์ที่นั้งดูน้องสาวตัวเองกำลังฝึกเอ่ยถามเจมินี่ที่กำลังนั้งวาดรูปอยู่ข้างๆ เธอ

“เมื่อวานเทลไม่ได้บอกอะไรเลยเหรอจ๊ะ?”

“ไม่เลยคะ พอเธอตื่นหนูก็พยามถามเธออยู่หรอก..แต่เธอไม่ยอมบอกอะไรหนูเลยนี้สิ”

“แสดงว่าเทลไม่อยากให้เธอรู้ เพราะงั้นฉันเองก็เล่าไม่ได้หรอกนะ”

“ตะ..แต่หนูเป็นห่วงเทลนะคะ”

“ถึงจะเป็นห่วงก็ไม่ได้จ๊ะ นี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเทล ถึงจะเป็นพี่สาวก็ไม่ควรไปยุ่งนะ ที่สำคัญฉันกับไทเอลก็จัดการปัญหาไปแล้วด้วย เอาไว้เมื่อเทลพร้อมเดี๋ยวเธอก็เล่าให้ฟังเองแหละจ๊ะ”

“ค่ะ…”

“แล้วเป็นยังไงบางจ๊ะ พอวาดอะไรได้รึเปล่า?”

“หนูไม่รู้ว่ามันจะสวยเท่าภาพของคุณเจมินี่ไหม…”

    เรย์ยื่นรูปภาพที่เธอวาดให้กับเจมินี่ดู มันเป็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้างดงามกำลังชี้ดาบขึ้นไปบนฟ้า เขาใส่ชุดเกราะที่มีลวดลายงดงาม และมีเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเทลยืนอยู่ข้างๆ กำลังเอากิ่งไม้ชี้ขึ้นไปบนฟ้าเช่นเดียวกับผู้ชายคนนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“แหม~ วาดสวยมากเลยละ ไม่น่าเชื่อเลยว่านี้คือครั้งแรกเลยนะ”

“เผอิญหนูมีสกิลวาดรูปนะคะ มันจะออกมาแบบนี้ก็ไม่แปลกหรอก คุณเจมินี่เก่งกว่าหนูตั้งเยอะ ทั้งที่ไม่มีสกิลแท้ๆ แต่กลับวาดรูปได้สวยขนาดนั้น”

   เรย์จ้องไปที่รูปที่เจมินี่กำลังวาด มันเป็นรูปลูกแมวสี่ตัวกำลังดูดนมแม่แมว ที่นอนอยู่หน้าเตาผิง รูปภาพของเจมินี่นั้นมีรายละเอียดที่ค่อนข้างสูงจนแทบจะเหมือนจริง

“ที่ฉันทำได้ขนาดนี้ก็เพราะวาดรูปบ่อยเฉยๆ ถ้าเรย์ที่มีสกิลวาดรูปหากฝึกวาดไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นานก็นำหน้าฉันไปได้แล้วละจ๊ะ”

“งั้นเหรอคะ.. แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ท่าแค่วาดรูปสวยหนูก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอยู่ดี”

“อย่าพูดแบบนั้นสิจ๊ะ วาดรูปสวยนะทำอะไรได้มากกว่าที่หนูคิดนะ อย่างที่หมู่บ้านเราเองก็มีภูติดำคนหนึ่งวาดรูปขายอยู่นะ”

“พวกเขาจะซื้อรูปพวกนั้นไปทำไมเหรอคะ สุดท้ายมันก็เป็นแค่ภาพทำอะไรก็ไม่ได้ สู้เอาเงินไปซื้อของกินยังจะดีกว่าซะอีก”

“พวกเขาซื้อไปก็เพราะเป็นความสุขของเขานะจ๊ะ มันไม่ใช่ของที่ทำให้อิ่มท้องก็จริง แต่ภาพพวกนี้ทำให้เกิดความสุขได้นะจ๊ะ”

“ความสุขงั้นเหรอคะ?”

“ใช่แล้วละจ๊ะ ตอนที่หนูวาดภาพของผู้กล้ากับเทล เธอก็ทำมันด้วยความสุขไม่ใช่เหรอ?”

   เมื่อเรย์ฟังเจมินี่พูดจบเธอก็ลองนึกถึงความรู้สึกตอนที่วาดภาพนี้ เธอมีความสุขที่ได้วาดน้องสาวของเธอที่ได้ยืนเคียงข้างผู้กล้าที่ตัวเองชอบด้วยรอยยิ้มอันสดใสของเธอ

“ก็จริงอย่างที่คุณเจมินี่ว่านั้นแหละคะ หนูมีความสุขจริงๆ ที่ได้วาดภาพนี้”

“ใช่มั้ยละ ถ้าเทลมาเห็นเองก็คงดีใจน่าดูเลย ขนาดเมื่อวานที่ฉันซื้อฟิกเกอร์ผู้กล้าให้เธอยังยิ้มไม่หยุดเลย”

“เทลชอบผู้กล้ามาตั้งแต่เด็กๆแล้วละคะ พอเป็นเรื่องผู้กล้าไม่ว่าจะไร้สาระยังไงเธอก็จะหยุดเล่นแล้วมานั้งฟังอย่างตั้งใจเลยละคะ”

“หุๆๆ พอจะนึกภาพออกเลยละจ๊ะ”

   เจมินี่หัวเราะออกมาเบาๆ เธอนึกภาพของเทลตอนเด็กๆ กำลังนั้งฟังเรื่องเล่าอย่างตั้งใจ

“จะว่าไปทำไมคุณเจมินี่ถึงวาดรูป ลูกแมวสี่ตัวกำลังดูดนมแม่เหรอคะ”

“ถ้าถามว่าทำไมก็–“

“คุณเจมินี่ครับ มาช่วยผมหน่อยสิ คาลกับดรีมมาเกาะผมตั้งแต่เช้าไม่ยอมปล่อยเลย”

   ไทเอลปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่เจมินี่จะพูดจบ ตอนนี้เธอกำลังอุ้มคาลกับดรีมที่กำลังเอาหน้าซุกไปที่หน้าอกของเธออยู่และเกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“นี้ไงละจ๊ะ คุณแม่แมวมาแล้วละจ๊ะ”

“แม่แมวเหรอคะ…อุ๊บบ!!”

   เทลเกือบหลุดหัวเราะออกมาตอนนี้เธอเข้าใจความหมายของภาพที่เจมินี่วาดแล้ว เธอค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยามใจเย็นที่สุด

“แม่แมว? พูดถึงเรื่องอะไรกันเหรอครับ?”

“ไม่มีอะไรหรอกหม่าม๊า ก็แค่พูดอะไรเรื่อยเปื่อยกันเท่านั้นแหละ เนอะ”

“ชะ..ใช่แล้วละ..คะ..”

   เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั้นเครือ เธอเกือบจะหลุดหัวเราะอีกครั้งเมื่อมองไปที่ไทเอล เธอจึงปิดปากเอาและก็ก้มหน้าลงไปเพื่อที่จะไม่เห็นไทเอล

“งั้นเหรอครับ?”

“แล้วละ จริงสิ!! วันนี้พวกเราจะไปไหนกันดีละหม่าม๊า”

“วันนี้เหรอครับ..เมื่อวานเราเดินดูตลาดกันไปแล้ววันนี้ก็คงเป็นพิพิธภัณฑ์ผู้กล้ากับวังเก่าที่เปิดให้เข้าชมได้ละมั้งครับ”

“เมื่อกี้ใครพูดว่าผู้กล้าเหรอ!!”

   เทลที่ฝึกซ้อมอยู่รีบวิ่งมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่าผู้กล้าเพียงแว่วๆ ส่วนทางมีเรียเองก็ยักไหล่ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“วันนี้หม่าม๊าจะพาพวกเราไปพิพิธภัณฑ์ผู้กล้าจ๊ะ”

“เอ๋!! จริงเหรอ!!! พวกเราจะได้ไปจริงๆเหรอ!!”

“จริงสิจ๊ะ หม่าม๊าไม่เคยโกหกหรอก”

“เย้~!!”

“ดะ.เดี๋ยวสิครับ”

   ด้วยความดีใจเทลกระโดดกอดไทเอลทันที ทำให้ตอนนี้มีร่างของเด็ก3คนกำลังเกาะไทเอลอยู่ ทำให้เรย์ที่เห็นดังนั้นก็ยิ่งทรมาณเข้าไปใหญ่

“คุ..คิกๆๆ ฮ่าๆๆๆ”

   สุดท้ายเธอก็ไม่อาจกลั้นขำได้อีกต่อไป เธอหัวเราะออกมาเสียงดังจนทำให้ไทเอลที่กำลังมองอยู่ก็ค่อนข้างสับสน เพราะไม่รู้ว่าทำไมเรย์ถึงหัวเราะออกมาในขณะที่มองเธออยู่

“แล้วเรย์จะไปด้วยกันไหมละจ๊ะ”

“แฮ่กๆ… “

   เรย์พยามจะตอบแต่ดูเหมือนเธอจะหัวเราะมากเกินไปจนเหนื่อย เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง และพยามใจเย็นลง

“หนูคิดว่าหนูขออยู่โรงแรมดีกว่าคะ”

“เอ๋~ ไม่เอาน่าพี่ ไปด้วยกันเถอะ นี้มันพิพิธภัณฑ์ผู้กล้าของขึ้นชื่อของเมืองหลวงเลยนะ”

“ก็พี่กลัวผู้ชายนี้น่า…”

“ไม่เอาน่า เดี๋ยวท่ามีผู้ชายมาทำร้ายพี่เดี๋ยวหนูปกป้องให้เอง!!”

“แต่ว่า..”

“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวฉันกับไทเอลจะจัดการให้เอง ไม่ต้องกลัวไปหรอกทุกอย่างจะไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เชื่อมือได้เลย”

   เจมินี่พูดพร้อมลูบหัวของเรย์เบาๆ เรย์มองภาพของตัวเองที่มีเทลกำล้งยิ้มอยู่ข้างๆผู้กล้าสลับกับมองเทลที่กำลังส่งสายตาคาดหวังมาทางเธออยู่

 

“ก็ได้..วันนี้พี่เองก็จะไปด้วย”

“ต้องอย่างงี้สิ! ถึงจะสมกับเป็นพี่สาวของหนู”

   เธอรู้สึกพอใจอย่างมากที่เห็นน้องสาวของเธอยิ้ม สำหรับเรย์แล้วมันคือสิ่งสำคัญที่คอยเยียวยาจิตใจของเธอมาตลอด

“พี่วาดรูปเทลกับผู้กล้ามาให้ด้วยนะ”

“จริงดิ!! สุดยอด!! หนูได้ยืนข้างๆกับผู้กล้าคิรามิด้วย!! สุดยอด!!”

   เมื่อเห็นรูปภาพของเรย์ที่วาดให้เธอ เทลก็ปล่อยมือจากไทเอลและวิ่งมากอดเรย์ทันที

 

“เดี๋ยวสิ แบบนี้พี่อึดอัดนะ”

“ไม่เห็นเป็นไรนี้น่า ก็หนูรักพี่นี้”

“จ้าๆ”

   เรย์ยิ้มอ่อนๆ และก็ลูบหัวเทล ส่วนทางเจมินี่เองก็เหมือนจะเขียนอะไรเพิ่มเติมในกระดาษอีกครั้ง

“คุณเจมินี่กำลังวาดอะไรอยู่เหรอคะ?”

   มีเรียที่มองอยู่ไกลๆ ได้เข้ามาถามเจมินี่ที่กำลังวาดรูปอยู่

“ฉันกำลังวาดแมวเพิ่มอีก3ตัวนะคะ คุณมีเรีย”

“เอ๋! แต่แมวในภาพนี้ก็มีตั้ง5ตัวแล้ว ท่าเพิ่มไปอีก3ตัวมันจะไม่รกเกินไปเหรอคะ”

“ไม่รกไปหรอกคะ แบบนี้กำลังดีเลยละคะ”

“?”

   เจมินี่มองรูปภาพของตัวเองพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ โดยที่มุมซ้ายล่างเขียนว่า My family เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ใช่ภาษาของโลกใบนี้ ภาพนี้คงจะกลายเป็นภาพที่เธอเก็บไว้ตลอดชีวิตเลยก็ได้

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ

Status: Ongoing
อ่านผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับชาย2คนที่เป่ายิ้งฉุบแย่งตัวละนักบุญหญิงเพราะอยากเล่นตัวละครผู้หญิงกัน แต่เมื่อเขาสามารถเอาชนะเพื่อนของตัวเองได้ ก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่างโลกในฐานะของนักบุญจริงๆ เสียแล้ว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset