ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 160 บอสตัน

บทที่ 160 บอสตัน
โดย
Ink Stone_Fantasy

 

นกฟรีเกตมาอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาชั่วคราว แน่นอนว่า ต่อให้มันอยากเดินก็เดินไม่ไหว ขาหักหนึ่งข้างปีกหักข้างหนึ่ง จะไปไหนได้กัน?
พาวลิสกับเชอร์ลีย์รวมทั้งสี่คนหาไม้กระดานมาตอกตะปูทำเป็นกระท่อมไม้หลังเล็กทรงเบี้ยวๆ สุดท้ายซีมอนสเตอร์ก็ช่วยแก้ให้พวกเขาทำเป็นรังนก
ฉินสือโอวนำกระท่อมน้อยไปตอกไว้บนหน้าประตูต้นเมเปิล เจ้านกฟรีเกตดูไม่เต็มใจจะเข้าไป
เขาหาข้อมูลมา นกฟรีเกตเป็นนกที่อยู่กลางแจ้ง หรือนกที่ชอบอาศัยอยู่ในที่โล่งนั่นเอง เช่นอีกา นกกระจอก เหยี่ยวฯลฯ ไม่ใช่นกที่อยู่ในสิ่งปลูกสร้างแคบๆ
แต่ไม่มีทางเลือก กระท่อมไม้นี้เป็นน้ำใจจากเด็กๆ ทั้งสี่ พวกเขายุ่งตลอดทั้งบ่ายเพื่อสร้างที่พักให้นกฟรีเกต
ไม่รู้ว่าเพราะนกฟรีเกตเป็นผู้มีพระคุณครึ่งหนึ่งหรืออย่างไร เสี่ยวหมิงถึงแสดงความเป็นมิตรต่อเจ้านกที่เข้ามาในอาณาเขตตัวเองขนาดนี้ กระท่อมน้อยมาตั้งได้ไม่ถึงวันก็เอาลูกไม้มาให้หลายลูกเสียแล้ว
นกฟรีเกตเริ่มจิกกินชิ้นหนึ่ง ปรากฏว่ามันคาอยู่ที่ถุงใต้คางจนเกือบสำลักตาย จากนั้นมันก็ไม่แตะอีกเลย พอเวลาฉินสือโอวให้เนื้อปลา ไม่ว่าปลาทะเลหรือปลาคาร์ฟเอเชีย มันก็กินจนเกลี้ยง
“เฮ้อ เหมือนฉงต้าไม่มีผิด เจ้าตะกละอีกตัว” ฉินสือโอวมองเจ้าตัวที่สวาปามโดยไม่แม้แต่จะเลือกกิน แล้วถอนหายใจอย่างอดไม่ไหว
ผลการรักษาของพลังโพไซดอนเป็นไปด้วยดี วันที่ 23 ตอนที่พวกเขาเตรียมตัวจะไปออตตาวา นกฟรีเกตก็สามารถลุกขึ้นเดินไปมาได้แล้ว ถึงแม้จะยังเดินกะเผลกๆ
ทุกครั้งที่เห็นมันเดินรอบๆ ในกระท่อมเล็ก ฉินสือโอวอดนึกถึงการแสดงของลุงเปิ่นชาน[1]ในละครสั้นตอนขายไม้ค้ำ[2]ไม่ได้ “เอ้าเดินสิ ไม่เป็นไรเดินเถอะ… ดูจะเป๋แล้วนะเนี่ย…”
พวกเด็กๆ มีเรียน เพราะยังไม่ถึงเวลาปิดเทอม พวกเขาจึงต้องอยู่ที่ฟาร์มปลาต่อ ฉินสือโอวให้นีลเซ็นคอยดูแลพวกเขา รวมทั้งจับตาดูนกฟรีเกต ไม่ให้โดนเด็กทั้งสี่เล่นจนทำมันตาย แล้วจึงขับเรือไปยังเซนต์จอห์น
ฉินสือโอวโทรหาวินนี่ แต่โทรไม่ติด จนจวนถึงเวลาเที่ยวบินของเขาแล้ว วินนี่ถึงโทรกลับ “พระเจ้า ฉิน ช่วงนี้ยุ่งมากเลย ฉันวุ่นจะแย่แล้วเนี่ย! จริงสิ คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
ทีแรกฉินสือโอวอยากบอกว่าเขาต้องไปที่บอสตันกะทันหัน แล้วจะไปหาเธอที่ไมอามี่ แต่คิดๆ ดูแล้ว เขาเตรียมเซอร์ไพรส์เธอดีกว่า จึงพูดว่า “ไม่มีอะไร วินนี่ คือไม่ได้ติดต่อกันตั้งหลายวัน ผมเลยคิดถึงคุณน่ะ”
“ฉันรู้สึกดีใจกับคำพูดหวานๆ นะ ยิ่งได้ค่อยได้ยินประโยคแบบนี้จากปากคุณเท่าไร โอเค ฉิน วิธีพูดอย่างนี้มันไม่ใช่สไตล์คุณเลย”
“ไม่ วินนี่ คุณแค่ยังไม่รู้จักผมทั้งหมด ที่จริง อะแฮ่ม ถึงผมจะเป็นชายซื่อๆ ไม่รู้จักคำหวานเท่าไร แต่สำหรับหญิงสาวที่ผมรัก กลับยังไม่เคยกล่าวชม…”
“แหวะ แม่ง ฉินโซ่ว ไอ้หน้าไม่อาย นายเนี่ยนะเป็นชายซื่อๆ ? ผู้ชายที่ในไดร์ฟดีมีแต่หนังญี่ปุ่นแอ็คชั่นรักโรแมนติก ไดร์ฟอีก็มีแค่หนังยุโรปอเมริกันแอ็คชั่นติสท์ๆ ส่วนไดร์ฟเอฟมีแต่เกมแนวแอ็คชั่นอินดี้ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าซื่อๆ อีกเหรอ? ฉันล่ะอยากจะอ้วก…”
จู่ๆ เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ด้านหลังก็โพล่งขึ้นมา พูดยิ้มเยาะเสียงดัง
“เฮ้ ฉิน มีใครอยู่ข้างๆ คุณเหรอ? เปิดวิดีโอคอลได้ไหม?” วินนี่ถามอย่างสงสัย
อินเทอร์เน็ตของอเมริกาและแคนาดาพัฒนาหน้าไปมาก เทียบกับเน็ตมือถือประเทศตัวเองก็เหมือนเน็ต 4G ความต่างด้านความเร็วเหมือนกับลัมโบร์กินีกับแทรกเตอร์ไถ ดังนั้นพวกเขาจึงชอบโทรแบบวิดีโอคอลกัน
ฉินสือโอวกลัวว่าเหมาเหว่ยหลงจะแฉเรื่องในอดีตตัวเอง เลยรีบวางสาย แล้วไล่ตีเหมาเหว่ยหลง
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะพลางหนีไปซ่อน ปรากฏแอร์โฮสเตสคนหนึ่งเข้ามาพูดทั้งรอยยิ้มว่า “ขออภัยค่ะ คุณสุภาพบุรุษทั้งสอง ที่นี่คือสนามบิน ขอความกรุณาปฏิบัติตามระเบียบด้วยค่ะ”
ฉินสือโอวกำลังจะตอบ เหมาเหว่ยหลงที่เห็นคนรอบข้างมองอย่างไม่พอใจมาที่ตัวเอง ก็โค้งเก้าสิบองศาให้แอร์โฮสเตสคนนั้น กล่าวว่า “โยช(โอเค) ซูมิมาเซน!(ขอโทษครับ) ซูมิมาเซน!(ขอโทษครับ)”
ฉินสือโอวรู้สึกอับอายไม่เหลือหน้า เขารีบสะพายกระเป๋าสีเทาหม่นไปเข้าแถวแลกตั๋วเครื่องบิน
เมื่อถึงออตตาวา โรเบิร์ต เบลคที่สี่ ก็รอพวกเขาอยู่ที่ทางออกเครื่อง ต่างฝ่ายต่างถามสารทุกข์สุกดิบ โรเบิร์ตรู้จักกับเออร์บักอยู่แล้ว ฉินสือโอวช่วยแนะนำเหมาเหว่ยหลงให้เขา แล้วทั้งสามก็นั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ S600 ไป
โรเบิร์ตพาพวกเขาไปส่งสถานทูต เพื่อให้ฉินสือโอวดำเนินการเรื่องพาสปอร์ตอเมริกาก่อน ซึ่งไม่ได้ซับซ้อน ในเมื่ออเมริกาและแคนาดาเป็นประเทศพี่น้องกัน เขาแค่นำวีซ่าถาวรแคนาดาไป ก็ใช้เป็นกรีนการ์ดที่อเมริกาได้แล้ว
ฉินสือโอวยื่นจดหมายเชิญของผู้จัดการการแข่งขันเพื่อการกุศลของเอ็นบีเอ รูปถ่ายตัวเองกับข้อมูลเครดิตการ์ด หลังตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรผิดพลาดก็ถือว่าทำพาสปอร์ตอเมริกาเรียบร้อย กรอกแบบฟอร์มและจ่ายเงิน ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
เหมาเหว่ยหลงยุ่งยากยิ่งกว่า ในการทำพาสปอร์ตของเขาต้องมีใบรับรองด้วย ซึ่งโรเบิร์ตได้แสดงความสามารถให้ได้ประจักษ์ในเวลานี้ โดยการโทรศัพท์ไม่กี่ครั้ง ก็มีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือเหมาเหว่ยหลงกรอกข้อมูลบางอย่างลงในคอมพิวเตอร์ และจัดการช่วยเขาย้ายพาสปอร์ตได้ทันที
“ฉันนึกว่าที่แคนาดาไม่มีระบบเส้นสายเสียอีก ที่แท้ของแบบนี้ก็มีอยู่ทั่วโลกนี่นา” เหมาเหว่ยหลงลดเสียงพูดกับฉินสือโอว
ฉินสือโอวเล่าถึงสิ่งที่เออร์บักเคยบอกเขาให้กับเหมาเหว่ยหลงฟัง “ที่ประเทศจีน เส้นสายเป็นเหมือนประตูหลัง ส่วนที่แคนาดา ดอลลาร์แคนาดาก็คือกุญแจสู่ประตูหลัง รวบรัดกว่าเยอะ”
โรเบิร์ตพูดไว้ไม่ผิดจริงๆ แค่วันเดียวพวกเขาก็สามารถบินไปที่บอสตันได้แล้ว แต่ฉินสือโอวก็ยังพาไปเลี้ยงข้าวกลางวันก่อนเดินทาง
ร้านอาหารมีชื่อว่า ‘ซับพลาย แอนด์ ดีมานด์’ สร้างด้วยสไตล์โบราณ ด้านนอกดูเหมือนเรือลำใหญ่ ลานหน้าประตูสร้างเป็นทรงดาดฟ้าเรือ ส่วนอาคารหลักสร้างเป็นทรงห้องโดยสาร พอเข้าประตูไปก็จะเป็นหางเสือ เหมือนเรือลำใหญ่
ฉินสือโอวมองร้านอาหารที่ถูกแนะนำมา ว่ากันว่ารสชาติอาหาร ราคา การบริการและบรรยากาศของร้านนี้ โดยรวมถือเป็นร้านอาหารทะเลอันดับสี่ของแคนาดาเลยทีเดียว สามอันดับก่อนหน้าอยู่ที่โทรอนโต อีกร้านหนึ่งในนิวฟันด์แลนด์ ก็คือร้าน ‘เงือกน้อย’ ที่เรค บิ๊กฟุตเคยพาไปกินครั้งที่แล้วนั่นเอง
มื้อเที่ยงมีอาหารทะเลเป็นหลัก ฉินสือโอวคิดเผื่อเหมาเหว่ยหลงให้เขาได้ทานอาหารทะเลที่แคนาดาจนได้
หลังทานเสร็จ โรเบิร์ตมาส่งพวกเขาที่สนามบิน เครื่องบินออกตอนบ่ายสองแล้วลงจอดสนามบินนานาชาติตอนสี่โมง ที่นั่นเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของบอสตัน มีพื้นที่สองพันสี่ร้อยไร่ เป็นสถานีขนส่งของแคนาดา ลาตินอเมริกาและยุโรป เป็นหนึ่งใน 20 สนามบินที่ยุ่งที่สุดในโลก
มีคนอเมริกามากกว่าแคนาดา โดยสามารถดูได้จากสนามบิน พอออกมา ก็จะเห็นว่าผู้คนที่สัญจรไปมาล้วนมีหลากหลายเชื้อชาติ คนขาว คนผิวสี คนมองโกลอยด์มากมายนับไม่ถ้วน
เออร์บักส่ายหัว กล่าวว่า “มาอเมริกาทีไร ฉันก็ไม่ชินเสียที จังหวะชีวิตของผู้คนที่นี่เร่งรีบเกินไป”
เหมาเหว่ยหลงขยิบตาให้ฉินสือโอว เออร์บักรู้ตัว ก็หลุดหัวเราะ พูดว่า “อ้อ ขอโทษที ฉันลืมไปว่าพวกเราตรงนี้ยังมีเพื่อนจากเมืองปักกิ่งอยู่ เกรงว่าจังหวะของนิวยอร์กคงเทียบกับปักกิ่งไม่ติดเลยสินะ”
ชายชราผิวขาวอายุรุ่นราวเดียวกับเออร์บักรอพวกเขาอยู่ตรงประตูทางออก เมื่อเห็นเขา เออร์บักก็อ้าแขนเข้าไปกอดทันที “เพื่อนเก่า ขอบคุณที่มารับพวกเรานะ”
“ก็ต้องมาอยู่แล้วสิ เพื่อน” ชายชราหัวเราะเสียงดัง เขาพิจารณาเออร์บักอย่างละเอียด แล้วเอ่ยว่า “ดูเหมือนช่วงนี้นายจะได้พักผ่อนเพียงพอนะ สีหน้านายดูดีมาก แววตาเฉียบคมเหมือนช่วงสมัยเรียนเลย ฉันต้องเรียกนายว่าอินทรีทองแห่งโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ดอีกไหมเนี่ย?”
พอได้ฟังที่ชายชราพูด ฉินสือโอวถึงนึกออก ว่านี่คือศาสตราจารย์คาร์ลที่เคยโทรศัพท์หาเขาหลายครั้งนั่นเอง
ชายชราเป็นมิตรมาก ทักทายเออร์บักเสร็จก็จับมือขอบคุณฉินสือโอวที่มาเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อการกุศลนี้
เหมาเหว่ยหลงพูดยิ้มๆ “คนอเมริกันนี่น่าสนใจจริง ไม่ใช่ว่าการแข่งออลสตาร์นี้ฟรีหรอกเหรอ? เขาขอบคุณเราที่มาเข้าร่วมเนี่ยนะ ทำเหมือนมันไม่ดังไปได้”
ฉินสือโอวเพียงยิ้มไม่ได้อธิบายอะไร แอบตอบในใจว่าไว้รอนายอยู่จนจบการแข่งก่อนเถอะจะได้รู้ว่าพ่อต้องจ่ายไปเท่าไรถึงให้นายได้มาดูการแข่งออลสตาร์นี่
……………………………………………………………
[1] จ้าวเปิ่นชานนักแสดงตลกชาวจีนคนหนึ่ง
[2] อยู่ในรายการโทรทัศน์ที่ฉายช่วงปีใหม่ เกี่ยวกับคนสองคนที่พยายามหลอกขายไม้ค้ำให้ชายคนหนึ่ง

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset