ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1063 แลบราดอร์ระดับเทพ

ทำซ้ำกับขั้นตอนการเปิดศาลก่อนหน้านี้ แต่ผู้พิพากษาที่เป็นประธานเปลี่ยนไป ผู้พิพากษาคนนี้อายุน้อยกว่า และมีสายตาที่เฉียบคม ฉินสือโอวสบตาเขาหนึ่งครั้ง เขารู้สึกว่าผู้พิพากษาหนุ่มคนนี้ต้องเป็นคนที่เก่งมาก
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงก็คือ พิพากษาหนุ่มมีผิวสีเหลือง ผมสีดำและดวงตาสีเข้ม คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนผิวเหลือง แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนจีนหรือไม่
ทุกคนลุกขึ้นและนั่งลง การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น หู่จือและเป้าจือกระโดดขึ้นไปบนม้านั่งที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับพี่น้องโรชาน ทั้งคู่กำลังกอดกัน หลังจากที่หู่จือและเป้าจือกระโดดขึ้นไป พวกเธอจึงเปลี่ยนไปกอดแลบราดอร์คนละตัว และเผยให้เห็นสีหน้าที่มีความสุข
เด็กหญิงทั้งสองยังเด็กมาก เมื่อแลบราดอร์นั่งยองๆ ก็มีขนาดพอๆ กับพวกเธอ ดังนั้น หู่จือและเป้าจือจึงเปลี่ยนท่าทาง พวกมันไม่ได้แสดงท่าทีน่ารักเหมือนการพิจารณาคดีของจูดี้ก่อนหน้านี้ แต่นั่งด้วยความสง่าผ่าเผย เหมือนนักรบที่จะช่วยพี่น้องตัวน้อยคู่นี้บังฝนและลม
เมื่อเห็นฉากนี้ บางคนในคณะลูกขุนเริ่มพูดคุยกันเสียงเบา ผู้ชมเองก็วุ่นวายไม่แพ้กัน
“พระเจ้า สุนัขทั้งสองตัวนั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างไร? นี่เป็นสุนัขบำบัดมืออาชีพที่ยืมมาจากสหรัฐอเมริกาเหรอ?”
“ว่ากันว่าเป็นสุนัขส่วนบุคคล มีสายเลือดแชมเปี้ยนระดับโลกหรือเปล่า? ดูความฉลาดของพวกมันสิ ฉันคิดว่าฉันเห็นเด็กโตสองคนสะอีก!”
“ควรเปิดใช้ระบบสุนัขบำบัดจริงๆ! บอกว่าขัดขวางการตัดสินของผู้พิพากษา เป็นเพราะเหล่าสุนัขปลอบโยนเด็ก จึงพิพากษาจึงรู้สึกลำบากใจเหรอ?”
แม้เสียงสนทนาจะเบา แต่เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ จึงทำให้บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวาย ผู้พิพากษาหนุ่มกวาดสายตาที่เคร่งขรึมไปยังผู้ชม จากนั้นเคาะค้อนประธานแล้วพูดว่า “เงียบ! เงียบ! เงียบ! ถ้ามีใครขัดต่อกฎระเบียบศาลอีก จะถูกไล่ออกไป!”
เมื่อผู้พิพากษาเตือน ผู้คนก็พากันหุบปาก แต่ความสนใจของพวกเขายังคงจดจ่ออยู่ที่หู่จือและเป้าจือ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่พ่อแม่พาเข้ามาด้วย ต่างมองไปที่เหล่าแลบราดอร์ด้วยแววตาที่เป็นประกาย
ศาลเปิดพิจารณาคดีอย่างเป็นทางการ ทนายความของทั้งสองฝ่ายลุกขึ้นและส่งโครงร่างการแก้ต่างให้ผู้พิพากษา
พ่อของพี่น้องโรชานเป็นชายผิวขาวในวัยสามสิบ เขาตัวใหญ่มาก กล้ามใหญ่ แต่มีขาแค่ข้างเดียว แม้จะได้รับการดูแลแล้ว แต่ก็ยากที่จะปกปิดความเสื่อมโทรมและความดุร้ายของเขา จากสีหน้าและแววตาของเขา จะสามารถดูออกได้ว่าเขามักจะดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นสลัมสันดานหยาบมาตรฐานคนหนึ่ง
คนประเภทนี้ไม่ค่อยภูมิใจในชีวิตและหน้าที่การงาน พวกเขามักจะมีอารมณ์ที่รุนแรง เป็นฆาตกรในครอบครัวที่สงบสุข
ตามที่คิดไม่มีผิด หลังจากเปิดศาลพิจารณาคดีทนายความของโจทก์เริ่มฟ้องพ่อของโรชาน ชายคนนี้ไม่รอให้ทนายพูดจบ ก็ตบโต๊ะตัวเล็กตรงหน้าของเขาและตะโกนว่า “พวกคุณยุ่งมากจริงๆ! พวกคุณพูดมากเหมือนเพื่อนบ้านที่น่ารังเกียจเหล่านั้นของฉัน! ฟัคยู! ฟัคยู! พวกเธอเป็นลูกสาวของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้…”
ทันทีที่เขาโวยวาย สองพี่น้องก็หดตัวลงด้วยความกลัว หู่จือและเป้าจือบังพวกเธอไว้ และมองไปที่พ่อของสองพี่น้องด้วยตาที่เบิกกว้าง ปากของพวกมันกระตุกไปด้านหลัง ทำท่าเตรียมจะคำราม
เมื่อเห็นอย่างนั้น หลุยส์รีบเข้าไปปลอบโยนแลบราดอร์ อย่างไรพวกมันก็ไม่ใช่สุนัขบำบัดมืออาชีพ ตามข้อกำหนดของศาล สุนัขบำบัดทำได้แค่อยู่ข้างๆ คู่ความเท่านั้น ไม่สามารถส่งเสียงร้องและทำการโจมตี ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการตัดสินของผู้พิพากษา
หู่จือและเป้าจือถือว่าเริ่มคุ้นเคยกับหลุยส์แล้ว เขาลูบต้นคอของเด็กทั้งสอง พวกมันจึงสงบลง และหันไปใช้จมูกที่เปียกของพวกมันถูกพี่น้องโรชานเบาๆ เป้าจือยกขาหน้าข้างหนึ่งวางบนไหล่ของน้องสาวโรชาน เหมือนว่ากำลังกอดเธอ
“ว้าว!” มีเสียงอุทานดังขึ้นจากผู้ชมข้างล่างอีกครั้ง
ครั้งนี้ผู้พิพากษาหนุ่มไม่ได้ออกคำสั่ง เขาเองก็จ้องไปที่แลบราดอร์ทั้งสองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และแสดงสีหน้าที่ค่อนข้างน่าสนใจ
พ่อของสองพี่น้องกำลังจะโวยวายอีกครั้ง ผู้พิพากษาหนุ่มก็กลับมามีสติและพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณผู้ชาย ผมต้องการเตือนคุณว่า การโวยวายของคุณในตอนนี้เป็นหลักฐานให้ผมตัดสินว่าคุณกำลังรู้สึกผิดและหวาดกลัว ทนายจำเลยโปรดเจรจากับลูกความของคุณว่าใครจะเป็นคนพูด”
ทนายความขอโทษผู้พิพากษาแล้วกระซิบข้างหูของพ่อของสองพี่น้อง ผู้ชายที่มีอารมณ์รุนแรงคนนี้จึงยอมเงียบลง แต่ยังคงจ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาที่ดุร้าย
หู่จือหันหน้ากลับมาและทำตาหยี คิ้วเล็กๆ ของมันเลิกขึ้น แววตาก็มีความแหลมคม
ผู้ชมข้างล่างอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่าย
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ นี่เป็นผลของการเลียนแบบ แววตาของหู่จือในตอนนี้ คล้ายกับตอนที่วินนี่โกรธจริงๆ ถ้าตอนนี้วินนี่อยู่ในนี้เธอต้องภูมิใจมากแน่ๆ
ในความเป็นจริง คดีนี้ได้ข้อสรุปบ้างแล้วล่ะ พ่อของสองพี่น้องจึงดูกังวลอย่างนี้ ผู้พิพากษาหนุ่มพูดถูก เขาเริ่มรู้สึกผิดและหวาดกลัว คำพิพากษาทางกฎหมายที่กำลังรอเขาอยู่ ไม่ได้แค่เพิกถอนสิทธิ์ในการดูแลแค่นั้น
ซึ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกสงสัยขึ้นมา และกระซิบถามหลุยส์ว่า “เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความผิดของผู้ชายเฮงซวยคนนี้ ทำไมทนายคนนี้ยังต้องช่วยแก้ต่างให้เขาอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้ล่ะ? เอาเถอะ คำถามนี้อาจดูไร้เดียงสาไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับคดีก่อนหน้านี้ บุคลิกของจำเลยดูดีกว่า ทำไมทนายจำเลยคนนั้นจึงไม่ช่วยแก้ต่างให้อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้ล่ะ?”
หลุยส์กล่าวว่า “มันไม่เหมือนกัน ทนายความฝ่ายจำเลยครั้งนี้ ได้รับการว่าจ้างโดยพ่อของพี่น้องโรชาน แต่ครั้งก่อนหน้านี้ พ่อของจูดี้ไม่ได้จ้างทนายความ และสละสิทธิ์ที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง ทนายความคนนั้นเป็นทนายที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลของเราเอง”
ฉินสือโอวจึงเข้าใจแล้วว่า ที่แท้ก็เพราะคนหนึ่งได้รับเงินและอีกคนไม่ได้รับเงินนี่เอง ไม่แปลกที่พลังการต่อสู้ของทนายทั้งสองจึงแตกต่างกันมาก นั่นเป็นเพราะแรงจูงใจต่างกัน
ไอ้สังคมทุนนิยมบัดซบ ฉินสือโอวยืนด่าบนฐานของความยุติธรรม
ในเวลานี้ได้เผยให้เห็นบทบาทของสุนัขบำบัด ในการเปิดศาลพิจารณาคดีสองครั้งที่ผ่านมา สองพี่น้องกลัวจนไม่กล้าตอบคำถาม ทำให้ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ กระทั่งทนายฝ่ายจำเลยต้องการบังคับให้พวกเธอถอนฟ้อง
ตอนนี้มีหู่จือและเป้าจืออยู่ข้างๆ สองพี่น้องมีความกล้ามากขึ้น พี่สาวโรชานสามารถยืนขึ้นตอบคำถามโดยที่ถอดหู่จือไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอถกเสื้อขึ้นเพื่อแสดงส่วนที่เคยถูกทำร้ายและรอยแผลที่ยังอยู่
หู่จือใช้หูมีขนดกและอ่อนนุ่มของมันถูไปที่ใบหน้าและแขนของสาวน้อย บางครั้งที่ทนายความจำเลยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มันจะบังสาวน้อยไว้ และมองทนายความคนนั้นด้วยสายตาที่ดูหมิ่น
คาดว่าทนายความจำเลยน่าจะพบสถานการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก ถูกสุนัขตัวหนึ่งจ้องมองด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากในการที่เขาจะแสดงศักยภาพออกมา ในที่สุดเขาก็จนปัญญา และร้องขอให้นำสุนัขบำบัดออกไป “การมีอยู่ของพวกมันทำให้ผมเบี่ยงเบนความสนใจอยู่เสมอ ผมขอคัดค้าน”
ผู้พิพากษาหนุ่มมองเขาอย่างเย็นชา แล้วเคาะค้อนประธานและพูดว่า “การคัดค้านไม่เกิดผล การปรากฏตัวในศาลของสุนัขบำบัดได้รับอนุญาตจากทางศาล พวกมันมีสิทธิที่เท่าเทียมกับคุณ การแก้ต่างยังคงดำเนินต่อไป ทนายความของโจทก์โปรดแสดงความเห็น”
ในทางตรงกันข้าม ทนายแก้ต่างของสองพี่น้องกลับรู้สึกมีความกล้ามากกว่าเดิม ยิ่งลูกความของเขามีอารมณ์ดีมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเขา แต่เดิมนี่เป็นคดีที่มีคำตอบชัดเจน เมื่อมีความช่วยเหลือของหู่จือและเป้าจือ ผลลัพธ์ก็ง่ายและชัดเจนขึ้น
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset