ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1065 ภัยพิบัติที่เสื้อผ้าก่อกวน

หลังจากกลับบ้าน หู่จือกับเป้าจือก็ร่าเริงขึ้นมา
แบบนั้นก็เหมือนเรียงความเรื่องหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ก่อนหน้านี้ไก่ตัวผู้ที่เลี้ยงไว้ในบ้านเดินอยู่ มันยืดอกและเชิดหน้าขึ้น ท่าทางสง่างาม ตั้งแต่เกิดไข่ไก่ตัวผู้ ท่าทางการเดินก็เปลี่ยนไป อุ้งเท้าไก่เขี่ยพื้นอย่างแรง มันเดินไปพลางฝึกเซ็นลายเซ็นไปพลาง…
แน่นอนว่าหู่จือกับเป้าจือไม่ได้กลายเป็นแบบนี้ แต่หลังจากพวกมันกลับมาก็ไม่เล่นกับพวกเพื่อนตัวน้อยอย่างฉงต้า ปอหลัวและหลัวปอ
ความจริงไม่ว่าจะสัตว์ชนิดไหน ขนของพวกมันก็มีการรับรู้ทุกตัว พวกมันไม่ชอบถูกสวมเสื้อผ้าและล่ามโซ่
ตัวอย่างเช่นการรับรู้ของแมวค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ถ้าพวกมันสวมเสื้อผ้าพวกมันจะไม่ขยับตัว เพราะพวกมันจะรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในท่อหรือของบางอย่าง สุนัขไม่รู้สึกไวขนาดนั้น สวมเสื้อโค้ตก็สามารถออกกำลังกายได้อย่างอิสระ แต่จะไม่สบายตัว ยกเว้นฤดูหนาวที่หนาวมาก พวกมันจะไม่เต็มใจสวมเสื้อโค้ต
หู่จือกับเป้าจือเป็นข้อยกเว้น ชุดที่วินนี่ซื้อให้พวกมันคือชุดพิธีการตัวเล็กของแลบราดอร์ คู่กับหูกระต่ายดูหล่อมากจริงๆ แต่มันก็สมเหตุสมผลที่จะสวมใส่ไม่สบายและพวกมันจะไม่เต็มใจที่จะสวม
แต่พวกมันกลับทำตัวตามธรรมชาติ ดูเหมือนจะชอบสวมเสื้อผ้า และหลังจากที่กลับมาถึงฟาร์มปลา เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวก็สวมชุดพิธีการตัวเล็กและผูกเนกไทวิ่งไปรอบๆ วินนี่อยากจะถอดชุดให้พวกมัน แต่จับพวกมันไม่ได้เลย พวกมันปีนต้นไม้ขึ้นไปบนสันเขาผ่านทุ่งหญ้าและหลบอยู่ในเถาองุ่น ทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถอดเสื้อผ้าออก
วินนี่จนปัญญา เธอก็เลยดุพวกมันว่าหลงตัวเอง
เมื่อฉินสือโอวกับวินนี่เดินออกไป เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวก็แอบยื่นหัวออกมามองจากข้างใต้เถาองุ่น พวกมันรู้สึกว่าไม่มีใครคุกคามแล้วจึงเดินออกมา
เมื่อเดินออกมา พวกมันก็วิ่งไปอยู่ด้านหน้าของฉงต้าและเชิดหัวขึ้นอย่างจองหองเดินไปรอบๆ ฉงต้าและหมุนตัว ฉงต้าคิดว่าพวกมันอยากเล่นกับตัวเองจึงหาวและลุกขึ้นมา มันพาต้าป๋ายและแบกราชาเจ้าป่าซิมบ้าไว้บนบ่าไปไล่ตามหู่จือกับเป้าจือ
แต่มันคิดผิด แลบราดอร์แค่มาอวดเท่านั้น ไม่ได้มาเล่นกับมันเลย
เมื่ออวดอยู่ด้านหน้าของฉงต้าเสร็จ แลบราดอร์ก็ไปหาปอหลัวอีกและก็หมุนตัวสองสามรอบอยู่ด้านหน้าของมันเพื่ออวดเสื้อผ้าตัวเล็กกับหูกระต่ายของตัวเองรอบทิศทาง
ตัวต่อมาที่โชคร้ายคือหลัวปอ หลัวปอกำลังใช้ลิ้นเลียขนสีขาวหิมะภายใต้แสงแดดเพื่อดูแลรูปลักษณ์ของตัวเอง หลังจากนั้นหู่จือกับเป้าจือก็เดินไปและจงใจนั่งส่ายหัวอยู่ด้านหน้ามัน หูกระต่ายอันเล็กที่ประณีตก็ปรากฏออกมา
หลัวปอก็เป็นสาวซึนเดเระเหมือนกัน มันแสดงความสนใจออกมาในทันที และลุกขึ้นไปดูเครื่องแต่งกายของหู่จือกับเป้าจือใกล้ๆ
หู่จือกับเป้าจือถอยไปด้านหลังและมองหลัวปออย่างไม่พอใจ ราวกับว่ามันเข้าใกล้จะทำให้เสื้อผ้าของตัวเองเลอะ
ตอนแรกหลัวปอไม่เข้าใจและเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างต่อเนื่อง หู่จือกับเป้าจือไม่เต็มใจ พวกมันอ้าปากแยกเขี้ยวเห่าโฮ่วๆ ไม่ยอมให้หลัวปอเข้ามาใกล้ตัวเองอย่างเด็ดขาด
หมาป่าขาวตัวน้อยก็ฉลาดเหมือนกัน หลังจากเติบโตขึ้นมาด้วยการดูดซับพลังโพไซดอนตั้งแต่เด็ก หลังจากเข้าใจความหมายของพวกมันก็รู้สึกโกรธในทันที มันเบิกตากว้างจ้องแลบราดอร์ทั้งสองตัวด้วยความเกลียดชังและวิ่งไปหาฉินสือโอวในบ้าน มันยืดคออ้าปากและส่งเสียงร้องไห้ฮือๆ ออกมาสองครั้ง
ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนโตตัวนี้ ต่อมาปอหลัวกับฉงต้าก็เดินเข้ามาอย่างไม่มีความสุขเหมือนกัน ร่างอันใหญ่โตบังเขาจนมิด
ราชาเจ้าป่าซิมบ้ากระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉินสือโอว และยื่นลิ้นเล็กๆ ที่อ่อนนุ่มไปเลียฝ่ามือของเขาอย่างเอาอกเอาใจ ต้าป๋ายยังมีลักษณะที่ต่างออกไปอย่างเป็นตัวของตัวเองนั้น แต่ก็ตามมาอยู่ใกล้ๆ ที่ด้านข้างเหมือนกัน
เดิมทีเสี่ยวหมิงกระรอกน้อยนั่งทุบถั่วไพน์นัทอยู่ตรงหน้าต่าง มันเห็นเพื่อนๆ ตัวน้อยรวมตัวอยู่ด้วยกันจึงขึ้นมาผสมโรงด้วย เวลานี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาจริงๆ
ฉินสือโอวเริ่มไม่รู้ว่านี่เกิดอะไรขึ้น แต่หู่จือกับเป้าจือรีบวิ่งเข้ามาจากด้านหลังปอหลัว ฉงต้านั่งอยู่บนพื้น มันยื่นอุ้งเท้าอวบอ้วนชี้ไปที่เสื้อผ้าของแลบราดอร์ทั้งสองตัวและร้องออกมาเสียงดัง ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น…
ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขากอดฉงต้าและเริ่มอธิบาย “เสื้อผ้าไม่ดี ใส่แล้วตัวจะร้อน เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็จะค่อยๆ อุ่นขึ้น เข้าใจไหม?”
ฉงต้าเด็กโง่ตัวนี้จะเข้าใจได้อย่างไร? พูดอีกอย่างคือสัตว์เลี้ยงตัวน้อยพวกนี้จะรู้สึกไวมาก และเข้าใจเหตุผลที่ไม่ต้องกังวลกับความไม่เท่าเทียม ขอเพียงแค่ของที่เพื่อนตัวน้อยมี ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีพวกมันก็ต้องการหนึ่งชิ้นเหมือนกันทุกตัว
ฉินสือโอวปลอบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อถึงเวลาอาหาร แคลร์ อินทรีทองตัวน้อยตัวอวบอ้วนก็เบียดเสียดเข้ามา มันกระพือปีกและส่งเสียงร้องแกว๊กๆ ต้องการกินอาหาร ดังนั้นความวุ่นวายจึงเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
อินทรีทองตัวน้อยโตเร็วมาก มันมีความสูงครึ่งหนึ่งของหน้าแข้งของวินนี่และเหมือนกับบุชในวัยเด็กนิดหน่อย เพราะกินและดื่มมากเกินไปมันจึงโตมาอ้วนมาก หลังจากที่เรียนการบินก็มั่นใจว่าจะเปลืองแรงมากเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้จะเป็นห่านขาวที่รับผิดชอบพามันไปหาอาหารกิน แต่เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อนร่วมชั้นอย่างเสี่ยวแคลร์โตเร็วเกินไป และความอยากอาหารก็เพิ่มมากขึ้น ห่านหัวสิงโตสามารถจับปลาได้ ปลาที่จับได้ทุกตัวก็เป็นปลาทั้งตัวและขนาดใหญ่เกินไป อินทรีทองกินไม่ได้ มันกินได้แค่ปลาตัวเล็กๆ เท่านั้น
และถ้าห่านหัวสิงโตจับปลาตัวเล็กจะเปลืองแรงมาก ดังนั้นถ้าต้องให้อาหารมันจนอิ่มจะค่อนข้างยาก วินนี่ก็เลยต้องมาให้อาหารมันด้วยตัวเอง
เสี่ยวแคลร์ค่อยๆ พบว่านักเก็ตปลาที่วินนี่ป้อนให้มันมีขนาดที่เหมาะสม และสะดวกมากสำหรับมันที่จะกิน ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ตามวินนี่มันยังได้กินเนื้อแกะกับเนื้อวัวที่อร่อยกว่าเนื้อปลาอีกด้วย ดังนั้นมันจึงเต็มใจที่จะตามวินนี่ไปกินอาหารมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เมื่อถึงเวลาอาหารทุกครั้ง มันจะกระพือปีกอย่างชาญฉลาดและวิ่งกลับมากินอาหาร หลังจากกินอิ่มมันก็จะกระพือปีกอีกครั้งและวิ่งไปหาแม่อุปถัมภ์อย่างห่านหัวสิงโตเพื่อออกไปเล่น
ความสามารถในการวิ่งของอินทรีทองก็สุดยอดมาก ความจริงอุ้งเท้าของพวกมันไม่ได้แข็งแรงเท่าอินทรีหัวขาว แต่การทรงตัวดีมากและความสามารถในการเคลื่อนไหวก็โดดเด่นมาก แม้ว่าแคลร์จะยังเด็ก แต่ความเร็วในการวิ่งของมันกลับเร็วมาก
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ตัวเองเรียนรู้ที่จะกระพือปีกช่วยไปด้วยระหว่างที่วิ่งจากเพื่อนร่วมชั้นอย่างเสี่ยวเฉิน นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เช่นเดียวกับเครื่องบินเจ็ทลำเล็ก มันวิ่งไปทั่วทุกที่และตลอดทั้งวัน
ฉินสือโอวบางครั้งก็รู้สึกแปลก เจ้าตัวน้อยตัวนี้เคลื่อนไหวมากขนาดนี้ ยังสามารถโตมาอ้วนขนาดนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเห็นอินทรีทองตัวน้อยหาอาหารกิน ไวส์จึงปลุกใจขึ้นมาและวิ่งไปที่ห้องครัวนำชิ้นเนื้อออกมาให้มันเป็นอาหาร ในใจของเขาคิดจะทำให้เจ้าตัวน้อยตัวนี้เชื่องหลังจากนั้นรอมันโตตัวเองก็จะได้เป็นจอมยุทธ์เทพอินทรี
แต่อย่าเห็นว่าแคลร์ตัวเล็ก มันก็ไม่ได้โง่ มันสามารถรับรู้ได้ถึงแผนการที่หลงผิดของไวส์ที่มีต่อมัน มันไม่เคยกินของที่ไวส์ให้มันเลยและจะตามแค่วินนี่เท่านั้น วินนี่แม่ที่ร่างกายงดงามและเป็นอันตรายต่อสัตว์ตัวน้อยพวกนี้มาก
เมื่อหาวินนี่รอบหนึ่งและไม่พบ มันจะไปหาฉินสือโอว นี่คือตัวเลือกที่สอง
เมื่อเห็นอินทรีทองตัวน้อยไม่สนใจตัวเองไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไวส์ก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง กอร์ดอนเยาะเย้ยว่า “อินทรีทองไม่สามารถถูกฝึกให้เชื่องได้ พวกนายไม่เคยเรียนในชั้นเรียนธรรมชาติเหรอ? น้องชาย นายนี่น่ารักแบบโง่ๆ จริงๆ แต่ถ้านายเต็มใจจะเอาอั่งเป่าของนายมาให้ฉัน ฉันอาจจะช่วยนายฝึกนกจมูกหลอดหางสั้นตัวหนึ่งให้เชื่องได้”
ไวส์พูดอย่างดูถูกว่า “หลังจากนั้นล่ะ? หลังจากนั้นฉันก็ต้องเดินไปแม่น้ำในภายหลังและขี่นกจมูกหลอดหางสั้นที่มีความยาว 20 เซนติเมตร? หลังจากนั้นทุกคนจะเรียกฉันว่าอย่างไรเหรอ? จอมยุทธ์นกจมูกหลอดหางสั้น?”
กอร์ดอนกระหืดกระหอบ “โอ๊ย ฟัค เด็กอย่างนายยังจะอวดดี มาๆๆๆ พี่ชายอย่างฉันจะไปฝึกเคล็ดลับบางอย่างเป็นเพื่อนนายเอง”
ไวส์ยื่นมือออกไป “อย่ามาบังคับฉัน ความรู้สึกโกรธของฉันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ระยะห่าง 10 เมตรฉันก็สามารถแทงนายตายได้เชื่อไหมล่ะ?”
ฉินสือโอวกำลังจะปรับความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองคน ศาสตราจารย์แซนเดอร์สก็กลับเข้ามาอีกครั้งและพูดว่า “เฮ้ บอส ตอนนี้คุณยุ่งอยู่ไหมครับ?”
“คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณลองดูสถานการณ์นี้ในตอนนี้สิ ผมยุ่งอยู่ไหม?”
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset