ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1077 สลับฉาก

ต้นเดือนเมษายน การแข่งขันระดับชั้นประถมปีสี่ถึงปีหกก็เริ่มขึ้น
เป็นการแข่งขันระดับมลรัฐนิวฟันด์แลนด์ แต่เพราะผู้เข้าแข่งล้วนเป็นเด็กประถม เพื่อลดภาระลงจึงทำการแบ่งเขตการแข่งขัน โรงเรียนประถมแกรนท์ก็เป็นหนึ่งในเขตการแข่งขันของเซนต์จอห์น รวมถึงโรงเรียนใกล้เคียง
การแข่งนัดแรกคือวันพฤหัส ระหว่างโรงเรียนประถมแกรนท์กับโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอล สนามแข่งจะใช้สนามกีฬาในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเป็นการแข่งนอกสถานที่ แต่ดูจากพยากรณ์อากาศวันแข่งอากาศจะค่อนข้างดี แจ่มใสมาก แบบนี้คนที่มาชมคงมีไม่น้อย
เมื่อถึงวันแข่งส่วนใหญ่ที่จะมากันก็คือครอบครัวญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของพวกเด็กๆ คนแคนาดาให้ความสำคัญกับกิจกรรมของเด็กมาก อย่างทีมบาสเกตบอลโรงเรียนประถมแกรนท์ แม้ทุกคนจะไม่เต็มใจมาเข้าร่วมก็ตาม อันที่จริงเพราะน้อยครั้งที่โรงเรียนเคยชนะ พวกเด็กๆ ซึ่งอ่อนไหวง่ายเลยกลัวแพ้แล้วเสียหน้ากัน
ถ้าเป็นโรงเรียนที่โดดเด่นเรื่องกีฬานักเรียนก็สามารถเข้าร่วมทีมและคว้าเหรียญมาได้ อารมณ์และระดับความสนใจที่ได้รับจากการได้ที่หนึ่งในโรงเรียนก็ยิ่งมากตาม และน่าชื่นชมมากขึ้น
โรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอลเป็นหนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากกว่าเซนต์จอห์น ทว่าระดับการเล่นบาสเกตบอลก็ยังอยู่ในเกณฑ์ทั่วไป เพื่อเป็นการให้เกียรติคู่แข่ง ฉินสือโอวจึงเรียกฮิวจ์คนน้องไปหาวิดีโอการแข่งปีที่แล้วของพวกเขามาศึกษาวางแผนเองโดยเฉพาะ
ปรากฏว่าฮิวจ์ที่ใช้เส้นสายหลายทางแล้วก็ยังไม่สามารถหาวิดีโอการแข่งครั้งก่อนได้
ดังนั้นฉินสือโอวเลยยังไม่ได้ดูวิดีโอจนกระทั่งวันพุธ เขาเริ่มกังวลจึงไปหาฮิวจ์แล้วตำหนิว่า “จะมีผู้ช่วยโค้ชไปทำไมเนี่ย? วิดีโอของฉันล่ะ? นายไม่ใช่บอกว่ามีเส้นสายอยู่เต็มถนนเลยหรือไง?”
ฮิวจ์ไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นว่าตัวเองโดนสงสัย เขาตบอกตอบว่า “เย็นนี้นายได้วิดีโอแน่นอน! หลังเลิกเรียนมากับฉัน ฉันจะให้นายได้เห็นความเก่งกาจของลูกพี่ฮิวจ์กับตาเอง”
หลังเลิกเรียนฉินสือโอวให้พวกเด็กๆ กลับบ้านไปพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ และตามฮิวจ์ไปที่เซนต์จอห์น
เมื่อถึงท่าเทียบเรือเซนต์จอห์น ฮิวจ์โทรศัพท์เหมือนกำลังส่งสัญญาณลับก่อนจะวางสายไป และพาฉินสือโอวไปร้านกาแฟร้านหนึ่ง
ฉินสือโอวถาม “พวกเรามาเอาวิดีโอไม่ใช่เหรอ? จะมากินกาแฟอีกทำไม?”
ฮิวจ์ยิ้มลึกลับ เอ่ยอย่างมั่นใจ “คอยดูเถอะน่า อีกเดี๋ยวนายก็ได้วิดีโอแล้ว”
อีกเดี๋ยวที่ว่าคือใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง หลังฟ้ามืดถึงมีคนรีบร้อนวิ่งเข้ามา เป็นชายหนุ่มผิวดำคนหนึ่ง
พอมาถึงร้านกาแฟทั้งสองพยักหน้ากันแล้วไปที่มุมอับ ฮิวจ์หยิบธนบัตรม้วนหนึ่งส่งให้ ชายผิวดำเองก็ส่งกระเป๋าถือสีดำให้
“ดีใจที่ได้ร่วมงานด้วยนะเพื่อน คราวหน้าถ้าจะทำธุรกิจแบบนี้ต่อก็อย่าลืมติดต่อฉันล่ะ เดี๋ยวฉันให้ราคาพิเศษ” ชายผมดำลูบธนบัตรม้วนหนาพลางยิ้มหน้าบาน
ฉินสือโอวคอยมองอยู่ไม่ไกล รู้สึกเหมือนเจรจาค้ายากันชัดๆ เขาสังเกตเห็นว่าเจ้าของร้านกาแฟหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเรียกตำรวจแล้ว
ที่เซนต์จอห์นการค้ายาเสพติดถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ชายผิวดำกลับไป ฮิวจ์ดันกระเป๋าสีดำให้ฉินสือโอวพลางยิ้มกริ่ม
จู่ๆ ผู้หญิงรูปร่างดีแข็งแรงคนหนึ่งก็เข้ามากดกระเป๋าไว้ พร้อมแกว่งตราตำรวจในมืออีกข้าง “คุณผู้ชาย พวกคุณถูกจับแล้ว!”
ฉินสือโอวแทบสติแตก นี่เขาทำอะไรเนี่ย? ทำไมถึงถูกจับอีกแล้ว?
อีกด้านหนึ่ง ชายผิวดำที่กลับไปก่อนหน้านี้โดนชายสองคนจับกุมกลับมา คนในร้านกาแฟพากันดื่มกาแฟต่อเงียบๆ บางคนชี้ไม้ชี้มือมา “พวกค้ายาสมควรตาย ลงนรกไปเสีย!”
ชายผิวดำรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาตะโกน “จับพวกเราทำไม? พวกเราค้าขายสุดจริตนะ! ค้าขายสุดจริต!”
ตำรวจนอกเครื่องแบบหญิงเปิดกระเป๋าถือสีดำก็เจอหนังสือพิมพ์ม้วนหนึ่งข้างใน เธอยิ้มเย็นพลางแกะเปิด แล้วพบซีดีแผ่นหนึ่ง ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกกัญชา ยาเสพติดดังที่คาดไว้แม้แต่น้อย
ตำรวจหญิงชะงักไป “พวกคุณขายแผ่นหนังโป๊กันเหรอ?”
ที่แคนาดาไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง เช่นเดียวกับอเมริกาเพราะภาพยนตร์และโทรทัศน์ของที่นี่มีการจัดหมวดหมู่ไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์
ชายผิวดำกล่าว “ไม่ใช่โว้ย เบิกตาดูให้มันดีๆ ก่อนสิ ในแผ่นนี้คือบันทึกการแข่งบาสเกตบอลภายในของโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอลต่างหาก!”
ฮิวจ์อธิบายด้วยสีหน้าขมขื่น “พวกเราเป็นกลุ่มโค้ชทีมบาสของโรงเรียนประถมแกรนท์ครับ ส่วนเพื่อนคนนี้เขาเป็นยามรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอล ผมจ่ายสองร้อยดอลลาร์เพื่อให้เขาช่วยถ่ายการฝึกของพวกเขา เพราะพรุ่งนี้พวกเราต้องแข่งกันแล้ว”
พวกตำรวจใช้คอมพิวเตอร์เปิดตรวจสอบดู ในซีดีเป็นภาพบันทึกการแข่งของกลุ่มเด็กบ้าธรรมดาที่กำลังเล่นบาสอยู่
หลังฉินสือโอวได้ดูวิดีโอก็รู้สึกอนาถใจ ระดับการเล่นบาสของเด็กประถมมันแย่ถึงขั้นนี้เลยเหรอ? ถึงภายนอกจะดูดี แต่ถ้ามองในเชิงเทคนิคโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอลยังเทียบกับพวกแซมไม่ได้ด้วยซ้ำ
แล้วแบบนี้นับเป็นกลยุทธ์ไหมเนี่ย? ช่างเถอะ ประเด็นนี้ถกไปก็เสียความรู้สึกเปล่าๆ มาคิดเรื่องจะแก้ความเข้าใจผิดนี้กับตำรวจยังไงดีกว่า
ตำรวจนายหนึ่งถามตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบเสียงเบา “พวกเราควรฟ้องพวกเขาข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้เยาว์หรือขโมยความลับธุรกิจดีครับ?”
ตำรวจหญิงหมดความอดทน เธอเก็บซีดีคืนก่อนพูดด้วยความโมโห “สมองขี้เลื่อยหรือไง? ไม่รู้เหรอว่าการแข่งขันแบบไม่เป็นทางการสามารถบันทึกรูปหรือวิดีโอได้ตามสบายน่ะ?”
ฮิวจ์โมโหลุกขึ้นตบโต๊ะจะฟ้องพวกตำรวจ แต่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบกลับไม่กลัว ยิ้มเย็นตอบ “คุณจะฟ้องพวกเราก็ได้ แบบนั้นพวกเราจะได้แจ้งทางโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอลว่าเพื่อนคุณลอบถ่ายวิดีโอขายให้คู่แข่ง”
ชายผิวดำพลันปอดแหก ดึงฮิวจ์ไว้พลางเอ่ยอย่างน่าสมเพช “นี่เป็นอาชีพเดียวที่ฉันมีเลยนะ!”
เป็นอันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างยอมถอยจับมือสงบศึก พวกตำรวจขอโทษแถมยังช่วยจ่ายค่ากาแฟให้ฉินสือโอวกับฮิวจ์ด้วย ฮิวจ์เองก็ไม่ได้ตำหนิพวกเขา
ฉินสือโอวไม่โกรธที่โดนแบบนี้แม้แต่น้อย ฮิวจ์สมควรแล้ว หาเรื่องใส่ตัวแต่แรกเอง เจ้าโง่นั่นดันทำเป็นลับๆ ล่อๆ ตอนเจรจา มันจะไปต่างอะไรกับค้ายาล่ะ? ตัวเองเลยพลอยโดนหางเลขไปด้วย
หลังสลับฉาก วันที่สองก็เป็นการแข่งขันเสียที
การแข่งธรรมดามาก สู้ซื้อแผ่นเกมนี้ไปยังน่าสนใจกว่า
ก่อนการแข่งเจ้าพวกเด็กโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอลต่างฮึกเหิมกันมาก พวกเขาเชื่อสุดใจว่าโรงเรียนประถมแกรนท์ด้อยกว่าพวกเขา
จากนั้นฉินสือโอวได้ให้บทเรียนพวกเขาอย่างหนึ่ง ให้รู้ไว้ว่าบาสเกตบอลไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมาชิกคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นกลยุทธ์ ดูอย่างทีมโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอลที่ไม่มีกลยุทธ์ ความสามัคคีแทบแตกกระจาย
ในทางกลับกัน โรงเรียนประถมแกรนท์ที่มีกลยุทธ์ คืออาศัยมิเชลในการรุก ทุกคนช่วยป้องกัน และกอร์ดอนอยู่แป้นบาส…
พวกกลยุทธ์อย่างการสกรีนแล้วหมุนเข้าห่วง รูปแบบพรินซ์ตัน แผนบุกสามเหลี่ยม วิ่งและยิง การเล่นครึ่งสนาม พวกนั้นฉินสือโอวเข้าใจอยู่แล้ว แต่ช่วงประถมอย่างพวกเขาจะเล่นแบบนั้นได้เหรอ?
แม้ไม่ใช่วันหยุด กัวซงก็ยังหาเวลามาเข้าร่วมการแข่ง ปกติเขาจะเป็นครูฝึก ด้วยเหตุนี้หัวหน้าโค้ช ผู้ช่วยโค้ช ครูฝึกจึงมากันครบ อย่างน้อยการจัดการของโรงเรียนประถมแกรนท์ก็ยังสมบูรณ์กว่าโรงเรียนประถมโบสถ์เซนต์พอล
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset