ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 163 จดหมายเชิญมูลค่านับล้าน

ฉินสือโอวนิ่งไป ชื่อเสียงวินนี่ดังขนาดนี้เลยเหรอ? คนที่ตามบาสเกตบอลต่างรู้ดี เวดที่เป็นถึงวีรบุรุษด้านกีฬาแห่งไมอามี ก็ยังรู้จักวินนี่ด้วย?
เขาหยิบโทรศัพท์ที่มีรูปเขาถ่ายเซลฟี่กับวินนี่ออกมาแล้วส่งให้เวดดู อีกฝ่ายพลันทำหน้าหม่นหมอง ส่ายหัวกล่าวว่า “มิน่าเล่า ที่แท้เธอมีแฟนอยู่แล้วนี่เอง ผมถึงเห็นเธอเก็บโทรศัพท์ไม่ห่างตัวเลย”
บอชที่นั่งอยู่ด้านข้างหยิบมาดู พวกเขาล้วนเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ถ้าฉินสือโอวไม่ได้พบปะกับอีวิลสันบ่อยๆ คงรู้สึกกดดันที่ต้องนั่งกับคนพวกนี้
บอชเห็นก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ยว่า “คริส รอบนี้นายตัดใจดีกว่าไหม? หึๆ นายต้องเปลี่ยนเป้าหมายแล้วล่ะ สาวแอร์คนนี้คงไม่ใช่เหยื่อของนายแล้ว”
จากนั้นเขาก็อธิบายให้ฉินสือโอวฟัง “ปีนี้ตอนพวกเราไปแข่งรอบสุดท้ายในโทรอนโต เที่ยวบินที่พวกเรานั่งก็คือของแฟนคุณนั่นแหละ แฟนคุณน่ะเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากเลย ทำพวกเราพี่น้องหลงกันไปหมด”
เวดพูดอย่างไม่พอใจ “บ้าเอ้ย เป็นไปไม่ได้ ฉิน คุณกับวินนี่แต่งงานกันหรือยัง?”
ฉินสือโอวยักไหล่ “ยังไม่แต่งงาน…”
เวดเริ่มยิ้ม แต่ฉินสือโอวพูดต่อ “แต่เรามีลูกสองแล้วล่ะ”
เวดยิ้มค้างบนหน้า
ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่า ตัวเขาไม่ได้พูดมั่วนะ วินนี่ถึงกับเรียกหู่จือกับเป้าจือว่า ‘ลูกๆ ที่น่ารักของฉัน’ ล่าสุดเขายังโดนเรียกเป็น ‘พ่อ’ เลย จะบอกว่าหมาสองตัวนั้นไม่ใช่ลูกได้ไง?
เคอร์รีและบอชโห่ คริส พอลที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างจึงถามด้วยความสงสัย พอเข้าใจเรื่องทั้งหมดก็หลุดหัวเราะออกมา พูดกับเวดว่า “พ่อยอดนักรักเอ้ย สมควรโดนแล้ว”
ด้านเหมาเหว่ยหลงไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย มัวยุ่งหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูป ซึ่งพวกนักบาสชื่อดังดูจะชินแล้ว เลยไม่มีใครแสดงท่าทีไม่พอใจ ยิ่งคนอารมณ์ดีอย่างเคอร์รีกับพอล ยังให้ความร่วมมือโพสท่าตามด้วย
หลังการบรรยายความรู้ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง การแข่งขันจึงเริ่มขึ้น เหล่าแพทย์ลงจากสนาม นักบาสดาวเด่นเข้าสนามวอร์มร่างกาย
จอใหญ่บนสนามกีฬายังคงแสดงรายชื่อผู้บริจาค คนที่บริจาคมากที่สุดคือจิม วอลตัน ด้วยจำนวนเงินห้าล้าน ขณะที่ไม่มีใครบริจาคถึงหนึ่งล้านเลย คนส่วนใหญ่จะบริจาคหลักร้อยถึงหลักพันดอลลาร์ ซึ่งคนพวกนี้ได้นั่งบนอัฒจันทร์ปกติ
“จิม วอลตันเป็นใครกัน?” ฉินสือโอวกระซิบถาม โทรศัพท์เขาไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตที่อเมริกาได้ จึงหาข้อมูลของคนนี้ไม่ได้
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวตอบไม่รู้เหมือนกัน แต่เขารู้ว่าพลังการขูดรีดเงินของอเมริกานั้นทรงพลังมาก ทีแรกเขาคิดว่าการแข่งเพื่อการกุศลนี้ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋ว ตอนนี้ถึงเข้าใจว่ามันเก็บเงินไม่ต่างกัน โดยหักเป็นเงินค่าเช่าสนามกีฬา และที่เหลือเป็นทุนของศูนย์วิจัยมะเร็งสมอง
นอกจากดาวเด่นเอ็นบีเอที่เข้าสนามมา ยังมีเอ็นซีเอเอ[1]บางส่วนที่ตอนนี้กลายเป็นจุดสนใจกว่าดาวเด่นนักบาสไปแล้ว แต่ฉินสือโอวไม่รู้เกี่ยวกับพวกเขาเท่าไร เห็นแค่เด็กหนุ่มที่ดันได้รับความนิยมมากกว่าเหล่านักบาสชื่อดังเท่านั้น ตอนจิบน้ำระหว่างวอร์มร่างกาย พวกแฟนบาสก็ส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด
การแข่งเริ่มขึ้นแล้ว ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงยืนขึ้น ไม่ใช่ว่าพวกเขาจงใจ แต่พอได้ดูการแข่งแบบนี้ เลือดมันก็พลุ่งพล่านจนนั่งไม่ติดไปเอง แม้จะเป็นแค่การแข่งกระชับมิตร แต่ก็แข่งกันอย่างดุเดือดมาก
เพื่อป้องกันตัวเอง และเพื่อทำให้การแข่งขันน่าสนใจขึ้น ส่วนใหญ่พวกดาวเด่นจึงไม่เน้นป้องกัน แต่เน้นการประสานทีมและการรุก การปะทะส่งบอลอันยอดเยี่ยมและการชู้ตลูกยาวครึ่งสนามที่ดูจะไม่สิ้นสุด เสียงลมแหวกอากาศราวจามขวานยามสแลมดังก์ ทั้งสนามแทบลุกเป็นไฟ
การแข่งขันเอ็นบีเอต้องดูที่สนามกีฬาเท่านั้น ถึงจะสัมผัสได้ถึงความดุเดือดเลือดพล่าน
ถ้าดูผ่านโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ จอที่เล็กเกินไปจะลดเสน่ห์ของการแข่งลง ยิ่งละสายตาจากจอก็ยิ่งทำให้เสียอรรถรสไปอีก ด้วยเหตุนี้เองเอ็นบีเอจึงชนะใจแฟนคลับนับไม่ถ้วน หากได้ดูจากในสนาม แฟนคลับคงแทบเป็นลมกันเพราะความบ้าคลั่งของการชิงชัยอันดุเดือดและบรรยากาศการแข่งขัน
ตอนดูการแข่งเอ็นบีเอโดยเฉพาะตำแหน่งพอยต์การ์ด (คนส่งลูก) กับชู้ตติ้งการ์ด ต้องตั้งใจเป็นพิเศษ เผลอไปนิดเดียวอาจพลาดฉากสำคัญได้
โค้ชของทั้งสองทีมต่างก็มีชื่อเสียงมากเช่นกัน ท่านหนึ่งคือเจฟฟ์ ฟาน กันดี้ ที่แฟนๆชาวจีนคุ้นเคยดี ช่วงขาขึ้นของเหยาหมิงส่วนใหญ่ก็เล่นอยู่ในทีมของโค้ชท่านนี้นั่นเอง อีกท่านหนึ่งคือสตีฟ เคอร์ ตัวเต็งที่คอยอยู่เคียงบ่าจอร์แดนแทบทุกสนาม
การแข่งกระชับมิตรและโค้ชไม่ได้เกี่ยวข้องกันอย่างใด โค้ชทั้งสองจึงกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร บางครั้งก็เรียกขอเวลานอก เพื่อให้พวกเชียร์ลีดเดอร์ได้มีโอกาสแสดง
แข่งไปสี่สิบแปดนาที ไม่ทันครึ่งชั่วโมงก็จบเสียแล้ว ซึ่งในสถานการณ์ปกติ นัดหนึ่งเอ็นบีเอจะใช้เวลาเล่นประมาณสองถึงสามชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการหยุดขอเวลานอก
เมื่อการแข่งจบลง เหล่าดาวเด่นนักบาสก็กลับห้องล็อกเกอร์ แล้วผู้จัดงานก็มากล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยบริจาคมาตลอด คนที่บริจาคหลักล้านขึ้นไป ล้วนได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ ส่วนฉินสือโอวอยู่ระดับกลางๆ ระหว่างนั้นฉินสือโอวได้รับข้อความจากเออร์บักว่าให้เขาบริจาคเพิ่มเป็นหนึ่งล้าน
ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจ แต่เออร์บักมักจะทำโดยคำนึงถึงเขาเสมอ ดังนั้นเขาจึงเพิ่มไปอีกแปดแสน รวมเป็นหนึ่งล้านดอลลาร์อเมริกา ทำเหมาเหว่ยหลงอุทานว่าเขาบ้าไปแล้ว
พวกดาวเด่นเองก็มีระดับการบริจาคต่างกันไป คนที่บริจาคเยอะที่สุดก็คือผู้สนับสนุนรายหลัก จักรพรรดิน้อยเลอบรอน เจมส์ เขาและฉินสือโอวบริจาคหนึ่งล้านเท่ากัน ขณะที่นักบาสคนอื่นบริจาคกันหนึ่งแสนสองแสน
ในสนามแข่งเพื่อการกุศลตกอยู่ในความเงียบ กระทั่งผู้จัดงานแสดงความขอบคุณสั้นๆ อีกครั้ง ฉินสือโอวจึงได้รู้ว่ารวมค่าตั๋วแล้ว ได้รับเงินบริจาคทั้งหมดเกือบยี่สิบล้านดอลลาร์อเมริกา!
พอทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็มีรปภ.มาพาพวกแฟนบาสออกจากสนาม ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงกำลังจะเตรียมเดินออก ก็ถูกศาสตราจารย์คาร์ลขวางพวกเขาไว้ บอกว่ายังมีงานเลี้ยงต่ออีกจะไปร่วมด้วยก็ได้
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจงานเลี้ยงแบบนี้ ศาสตราจารย์คาร์ลจึงเตือนเขาว่า “ฉิน นายจะพลาดงานเลี้ยงนี้ได้อย่างไร คนที่เข้าร่วมงานได้นอกจากนักบาสดาวเด่นที่ได้รับเชิญแล้ว ก็มีแค่เศรษฐีที่บริจาคหนึ่งล้านเท่านั้น”
ไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก ฉินสือโอวก็เข้าใจทันที งานเลี้ยงนี้คือการพบปะในวงการสังคมและเป็นโอกาสในการเพิ่มเส้นสาย เออร์บักถึงให้เขาบริจาคหนึ่งล้านเพื่อได้รับโอกาสนี้
จริงอยู่ ที่เส้นสายของฉินสือโอวค่อนข้างแคบ แม้ฐานะทางสังคมเขาจะมีค่าเกือบหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์แคนาดาแล้วก็ตาม แต่นอกจากเศรษฐีที่รู้จักในบริษัทจัดประมูลริชชี่ เขายังไม่มีเส้นสายในแวดวงอื่นเลย
ไม่ว่าที่ไหน เส้นสายล้วนเป็นสิ่งสำคัญ
ฉินสือโอวจึงตามศาสตราจารย์คาร์ลขับไปยังร้านอาหารที่จัดเตรียมไว้ในโรงแรมฮิลตันบอสตัน เออร์บักรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว คาร์ลพาฉินสือโอวมาส่งให้เพื่อน แล้วขับรถจากไป
เมื่อเข้าประตูไปก็มีรปภ.มาต้อนรับ หลังยืนยันฐานะของฉินสือโอวเรียบร้อย จึงอนุญาตให้เขาเข้าได้
เออร์บักอธิบาย “งานเลี้ยงครั้งนี้คุณจิม วอลตันเป็นผู้จัด คนที่เข้าร่วมได้มีแต่เศรษฐีเท่านั้น แต่นอกจากนักบาสชื่อดัง นายคงเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดแล้ว บางทีอาจกลายเป็นจุดสนใจก็ได้”
ฉินสือโอวยิ้ม แล้วถามคำถามที่กวนใจเขามานาน “ว่าแต่คุณจิม วอลตันนี่ เขาเป็นใครเหรอครับ?”
เออร์บักมองเขาอย่างตะลึง ก่อนส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจกล่าวว่า “ฉิน ฉันรู้ว่านายรู้เรื่องแวดวงในสังคมเศรษฐีไม่มาก แต่ไม่นึกว่าจะน้อยขนาดนี้ นายคงรู้จักวอลมาร์ตใช่ไหม? จิม วอลตันก็คือประธานวอลมาร์ตยังไงเล่า!”
วอลมาร์ต บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก!
ฉินสือโอวแอบสบถว่าหลอกลวง ตอนแรกเขาเข้าใจว่า เจ้าของวอลมาร์ตก็นามสกุลวอลมาร์ตเหมือนกัน ที่ไหนได้เป็นวอลตันหรอกเหรอ คนละอย่างกันเลย
………………………………………………………

[1] National Collegiate Athletic Associatio สมาคมกีฬาระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ องค์กรอาสาสมัครจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset