ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1091 เจอดีเข้าแล้ว

พอสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเรือดำน้ำ จัสตินก็ถามอย่างแตกตื่น “เกิดอะไรขึ้น?”
พลทหารนายหนึ่งที่กำลังกินอยู่พูดอู้อี้ทั้งแก้มตุ่ย “รายงานครับกัปตัน ดูเหมือนจะปะทะเข้ากับคลื่นใต้น้ำครับ…”
“ไอ้หมึกเวรเอ๊ย โพเวลล์!” ชายผิวดำร่างหนาที่ล้มลงไปกับพื้นลุกขึ้นมาคว้าคอเสื้อพลทหารนายนั้น แล้วแผดเสียงใส่ “อย่ามัวแต่กิน! ไอ้เวรนี่ กินๆๆ อยู่ได้ แกจะกินอะไรนักหนา! แล้วทำไมจู่ๆ ถึงเกิดคลื่นใต้น้ำได้? ยังมีอะไรที่ทำให้เกิดคลื่นรุนแรงขนาดนี้ได้กัน?”
กองทัพเรือดำน้ำอเมริกาใช้ระบบปฏิบัติหน้าที่ 18 ชั่วโมง แบ่งเป็นสามกะ ทุกกะทำงาน 6 ชั่วโมง อีก 12 ชั่วโมงที่เหลือครึ่งหนึ่งพักผ่อนนอนหลับ ส่วนอีกครึ่งคือฝึกซ้อม กินข้าว เวลาอิสระและนันทนาการ
เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจของเหล่าทหาร อาหารของเจ้าหน้าที่บนเรือดำน้ำถือว่าดีที่สุดในกองทัพเรืออเมริกา แบ่งเป็นสี่มื้อ มื้อเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็นและมื้อดึก ทว่าทหารเรือดำน้ำเป็นสิ่งที่อ้างว้างน่าเบื่อที่สุด นายทหารหลายคนจึงไม่มีอะไรทำนอกจากการกิน
ดังนั้นในหนังอเมริกันหรือหนังฟอร์มยักษ์ตอนมีฉากเกี่ยวกับทหารเรือดำน้ำ ก็จะเห็นบนโต๊ะทำงานพวกของว่าง เครื่องดื่มวางบนโต๊ะของพวกเขาตลอด
ปกติเวลาไม่มีอะไรทำ นายทหารผิวดำจ่าสิบเอกจิน เวิร์ดสเวิร์ธก็จะกินดื่มของว่าง จากนั้นจึงเข้าฟิตเนสของเรือดำน้ำเพื่อเรียกเหงื่อ ไม่งั้นจะให้ทำอะไรยามว่างในเรือที่แออัดแบบนี้กัน?
คนอเมริกันชื่นชอบการออกกำลังกายกับเล่นกีฬามาก ส่วนรองลงมาคืออาหาร พวกเขาเป็นประเทศเดียวที่ย้ายฟิตเนสไปไว้ในเรือดำน้ำนิวเคลียร์
ทว่าตอนนี้สถานการณ์ร้ายแรงจริงๆ เรื่องกินคงต้องเอาไว้ทีหลัง แถมนายทหารผู้น่าเกรงขามยังมาซุ่มซ่ามหกล้มอีก คงอับอายขายหน้าไปถึงบ้านย่าแล้ว
ตามระเบียบการทหารอเมริกา ตำแหน่งสูงที่สุดในเรือดำน้ำนิวเคลียร์ย่อมเป็นกัปตัน แต่ตำแหน่งของจ่าสิบเอกนั้นพิเศษที่สุด พวกเขาร่วมกันกับกัปตันและเจ้าหน้าที่บริหารก่อตั้งผู้มีอำนาจสามฝ่ายขึ้น ถ้าว่ากันตามตรงก็คือจ่าสิบประสานงานกับทหารและพวกเจ้าหน้าที่ในฐานะนายทหารยศใหญ่บนเรือดำน้ำนั่นเอง
ดังนั้นปกติจ่าสิบเอกจึงใส่ใจในศักดิ์ศรีของตัวเองในเรือดำน้ำมาก ถึงเขาจะไม่ได้เข้าร่วมวางแผนการรบ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับการรบ เวลากัปตันจะทำอะไรจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นจากเขา
พอเห็นจ่าสิบเอกโมโห พวกทหารในห้องบังคับการก็รีบเข้าประจำตำแหน่งเรือทำหน้าที่ของตัวเองทันที
คลื่นใต้ทะเลที่ฉินสือโอวสร้างขึ้นนั้น เหมาะสำหรับจัดการกับเรือดำน้ำพอดี
หลังเรือดำน้ำลงทะเลแล้วช่วงเวลาไหนที่ทหารบนนั้นไม่ชอบมากที่สุดกัน? ตอนเพิ่งออกจากท่าเรือแล้วลอยลำบนน้ำนั่นเอง
อย่างที่รู้ไม่ว่าเรือดำน้ำทั่วไปหรือเรือดำน้ำนิวเคลียร์ พื้นที่ว่างด้านในล้วนแออัด เบียดเสียดทั้งนั้น ถ้าในช่วงนี้เรือไม่สามารถรักษาสมดุลไว้ได้ก็จะสั่นโคลงเคลง ซึ่งมันแย่มากทำให้ทหารเมาเรือกันได้
นอกจากนี้ เรือดำน้ำยังแล่นอย่างไม่หวั่นเกรงต่อคลื่นยักษ์ ที่น่ากลัวคือความแปรปรวนที่ขึ้นๆ ลงๆ ต่างหาก เวลาบนทะเลปรากฏคลื่นยักษ์ปั่นป่วน ระดับความสูงของกระแสน้ำที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีสามารถสูงได้ถึงห้าหกเมตรทีเดียว ตอนนั้นพวกทหารที่อยู่ในเรือดำน้ำคงโดนแกว่งเป็นชิงช้าไม่ต่างจากเล่นรถบัมพ์
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังคงส่งพลังโพไซดอนเพิ่มแรงคลื่นใต้น้ำไม่หยุด กระแสน้ำกระหน่ำใส่รอบเรือเป็นระลอก ด้วยความปั่นป่วนเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลมหาศาลต่อเรือดำน้ำได้ แม้ไม่ได้สนุกแบบเครื่องเล่น แต่ด้วยแรงกระแทกแบบนี้ก็ทำเจ้าหน้าที่ในเรือทรมานกันเลยทีเดียว
จัสตินรีบสั่งการให้เรือดำน้ำลอยขึ้นหนีคลื่นใต้น้ำนี้ พวกเขาเข้ามาในกระแสน้ำกะทันหัน คนยังสามารถเกาะกับที่นั่งได้แต่ไม่ใช่กับเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้มากมายยามนี้ไม่ได้ยึดติดไว้ จึงเป็นปัญหายุ่งเหยิงมาก
ฉินสือโอวเองก็ไม่สามารถสร้างคลื่นใต้น้ำมาจัดการกับเรือดำน้ำต่อได้ เขาเลยฉวยโอกาสขณะอีกฝ่ายลอยขึ้นส่งพลังโพไซดอนใส่หมึกยักษ์และพวกงูเหลือมทะเล เพิ่มความเร็วในการดำน้ำให้พวกมัน
โดยไม่คาดคิด เขาได้ไปกระตุ้นจัสตินเข้า หลังจากเจ้าหน้าที่โซนาร์บอกเขาด้วยความสับสนว่าสัตว์ประหลาดทะเลพวกนี้จู่ๆ ก็เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ในระดับที่น่าตกใจมาก
จัสตินก็ตระหนักได้ทันทีว่าสัตว์ประหลาดทะเลเหล่านี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงโบกมือตะโกนว่า “ปล่อยระเบิดน้ำลึก ฆ่าพวกมันเสีย!”
ความจริงนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย ระเบิดกับตอร์ปิโดที่เรือดำน้ำใช้แม้จะมีระบบนำทางแต่เพราะรูปแบบการรบกับคู่ต่อสู้มันมีแค่พวกผิวเหล็ก ดังนั้นอาวุธพวกนี้จะทำการตามหาศัตรูที่เป็นเหล็กโดยอัตโนมัติ
ในจุดนี้กองทัพเรือต่างจากกองทัพบกและกองทัพอากาศตรงที่คุณสมบัติคู่ต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่มีความแน่นอน มิสไซล์ที่กองทัพอากาศยิงนั้นสามารถควบคุมผ่านระบบเรดาร์ได้ แต่ระเบิดกับตอร์ปิโดของกองทัพเรือนั้นไม่เหมือนกัน
ระเบิดลูกหนึ่งถูกปล่อยออกจากท่อตอร์ปิโดตามคำสั่งของจัสติน หลังระเบิดพวกนี้โผล่ออกมาก็ดำหายไปในน้ำแบบเดียวกับปลาตัวใหญ่
ฉินสือโอวไม่พอใจมาก ไหนว่าตำรวจสากลนี่มันสุดยอดนักไง? พวกเด็กๆ ฉันไปยุ่งอะไรกับพวกนายหรือไง? ก็ได้ ต่อให้มันไปกวนพวกนายแล้วอย่างไรล่ะ จะตีหมาก็ควรดูเจ้าของ ที่พวกนายทำมันก็คือหาเรื่องดีๆ นั่นแหละ!
จิตสำนึกโพไซดอนยันระเบิดเอาไว้ขณะกำลังจะร่วง ฉินสือโอวสร้างภาพลวงตาเป็นคลื่นใต้น้ำทรงพลังขึ้นม้วนระเบิดแสนหนักพวกนี้ให้ลอยเป็นแนวราบไปไกล
เจ้าหน้าที่ภายในเรือดำน้ำนิวเคลียร์มองหน้ากัน ระเบิดน้ำลึกใช้ระบบชนวนแรงดันน้ำ เมื่อถึงระดับความลึกที่กำหนดไว้มันถึงจะระเบิด แต่ปรากฏว่าระเบิดกลับไปไหนก็ไม่รู้ จะยังระเบิดในน่านน้ำตามที่ตั้งค่าไว้ไหม? แล้วจะทำร้ายสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนั้นอย่างไร?
นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ เจ้าหน้าที่ในเรือดำน้ำไม่ได้โง่กัน พวกเขารู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีพลังงานแน่ๆ เพราะมีเรื่องแปลกๆ ในน่านน้ำนี้เยอะเกินไปแล้ว ทั้งสัตว์ประหลาดทะเลยักษ์ที่สามารถไล่ฆ่าหมึกยักษ์ได้ จู่ๆ ก็เกิดคลื่นใต้น้ำรุนแรง แถมระเบิดน้ำลึกยังโดนคลื่นไร้ที่มาพัดพาไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทั้งหมดนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย
จัสตินเป็นทหารเรือมาเป็นเวลาสิบห้าปีแล้ว ด้วยระยะเวลาขนาดนั้น เขาเคยได้เห็นได้ฟังสาเหตุของการที่ชนวนระเบิด ตอร์ปิโดไม่ทำงานมามากมาย แต่สาเหตุเหล่านั้นไม่ได้มีเรื่องระเบิดโดนคลื่นใต้น้ำซัดหายไปด้วย…
หลังประสบกับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ นายทหารในห้องบังคับการต่างเริ่มกำไม้กางเขนตรงอกสวดภาวนากัน ในใจจัสตินเองก็หวาดกลัวไม่น้อย เขาสั่งการเด็ดขาด “บันทึกพิกัดตำแหน่งนี้ไว้ รายงานฐานทัพว่าที่นี่มีปัญหา! ส่วนพวกเราถอย ให้เขาส่งเรือดำน้ำนักวิทยาศาสตร์มาวิจัยที่นี่เสีย”
นายทหารใหม่ที่ดูเหมือนเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยนายหนึ่งมองจัสตินทั้งตัวสั่น เอ่ยว่า “กัปตันครับ นี่พวกเรามาเจอกับเรื่องลี้ลับอะไรกันครับเนี่ย?”
นายทหารด้านข้างกล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องลี้ลับอะไรเล่า คาร์ล นายนี่มันเป็นพวกช่างเชื่อเรื่องผีสางจริงๆ! ฉันกล้าพนันเลยว่าที่นี่มันต้องมีพวกมนุษย์ต่างดาวอยู่แน่ๆ! ใช่ไหมครับ จ่าสิบเอกจิน?”
จ่าสิบเอกผิวดำเพิ่งจะล้มหัวกระแทกไป หน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บ พอได้ยินที่พวกทหารใหม่พูดกันก็โมโหตวาดออกไปว่า “ไปทำงานหน้าที่ของตัวเองให้มันดีไป! เห็นแก่พระเจ้าให้ตายเถอะ เจ้าพวกโง่ ใครยังพูดไร้สาระอีก ฉันจะเตะก้นมัน!”
รอจนทหารใต้บัญชาที่ยิ้มเยาะเงียบปากกันแล้ว จ่าสิบเอกผิวดำก็เข้าไปใกล้จัสตินเงียบๆ ก่อนเอ่ยเสียงเบา “กัปตัน ผมว่าพวกเราน่าจะเข้ามาในดินแดนโพไซดอนแล้วหรือเปล่า? สมัยเด็กคุณยายผมเคยเล่าเรื่องโพไซดอนให้ฟัง เป็นเทพแห่งท้องทะเลที่บ้านเกิดผมเอง แล้วบ้านเกิดผมก็อยู่ที่แอฟริกาใต้ด้วย กัปตันอยากฟังไหม?”
จัสติน “…”
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset