ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1099 วินนี่ผิวปาก

ฉินสือโอวที่กลับมาจากโมกาดิชูครั้งนี้กลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายซะสนิท ส่วนเออร์บักก็ติดต่อกับนักออกแบบที่เป็นไพ่ใบเด็ดของสถาบันวางแผนและออกแบบแห่งควิเบก นามว่าคุณอันเดร์ คาร์เพนโก เพื่อมาช่วยเขาออกแบบสวนดอกไม้แห่งนี้
พื้นที่สวนดอกไม้ในฟาร์มปลาของฉินสือโอวไม่ถือว่าใหญ่ แต่ก็ไม่นับว่าเล็กไป ประเด็นหลักเลยคือเส้นฝั่งทะเลที่ดูทอดยาวติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย แต่จริงๆ แล้วความลึกตามยาวของฟาร์มปลานั้นไม่ได้ใหญ่เลย มีเพียงประมาณหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น
แล้วเส้นฝั่งทะเลก็ยาวติดต่อกันได้ยี่สิบกิโลเมตรพอดี ส่วนสวนดอกไม้ตรงนั้นก็มีพื้นที่อย่างน้อยสิบยี่สิบตารางกิโลเมตร
เพราะสวนดอกไม้ได้กำหนดไว้ว่าเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แคบและยาว ดังนั้นในการจัดสวนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าไม่ใช่นักออกแบบผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่เออร์บักติดต่อมา ฉินสือโอวคงไม่กล้ามอบหมายฟาร์มปลาให้เขา
และก็แน่นอนว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเออร์บักออกหน้าให้ เขาก็คงไม่ได้มาออกแบบให้ฉินสือโอว เพราะอันเดร์ คาร์เพนโก คือปรมาจารย์การออกแบบสวนไม้ดอกและสวนสาธารณะชื่อดังระดับโลก และถ้าพูดถึงตำแหน่งของเขาก็คือศิลปินอาชีพ ไม่ใช่นายช่างจัดสวนทั่วไป
หลังจากปลดเกษียณแล้ว อันเดร์ก็หันไปให้ความสนใจกับป่าเขาอย่างเต็มที่ และไม่รับงานออกแบบอีกเลย นี่เพียงเพราะเออร์บักเพื่อนเก่าเพื่อนแก่รบเร้าให้เขาออกจากป่ามา ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะต้องทำให้เพื่อนเก่าขายหน้า
หลังจากที่เออร์บักโทรศัพท์ไปหาอันเดร์แล้ว พอปลายสายตอบตกลงก็รีบนั่งเครื่องบินมานครเซนต์จอห์นในทันที
ฉินสือโอวเตรียมพร้อมที่จะขับเฮลิคอปเตอร์ไปรับ แต่ชายแก่กลับให้เขาขับเรือไปรับแทน เพราะอยากจะนั่งเรือรอบเกาะแฟร์เวลสักสองสามรอบ เพื่อสำรวจดูลักษณะเฉพาะของหมู่เกาะคร่าวๆ ว่าตรงกับแผนที่คิดไว้ในใจหรือเปล่า
พอได้ยินว่าฉินสือโอวจะสร้างสวนดอกไม้สวยๆ วินนี่ถึงค่อยยิ้มออกมาอย่างสดใส และยิ่งได้ยินว่านักออกแบบอย่างอันเดร์ คาร์เพนโกจะมาออกแบบให้ ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ยิ้มออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างสดใส พร้อมกับกอดฉินสือโอวและพูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “ที่รัก คุณสุดยอดมากเลยที่เชิญคุณอันเดร์มาได้ ฉันยังรักคุณเหมือนเดิมนะคะ”
จากนั้นฉินสือโอวก็กระแอมขึ้นหนึ่งที แล้วถกเสื้อแขนขึ้นเพื่อให้วินนี่ดูแขนของเขา
วินนี่จูบลงไปหนึ่งที และพูดอย่างมีความสุขว่า “กล้ามก็แข็งปึก ผู้ชายของฉันนี่สุดยอดจริงๆ”
ฉินสือโอวเลยพูดขึ้น “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมจะให้คุณดูผื่นให้ผม ขึ้นเต็มแขนเลยเนี่ย”
ทันใดนั้นคิ้วที่โค้งโก่งได้รูปของวินนี่กลับตรงทื่อ “งั้นคุณไปเลยไป รีบไปรับคุณอันเดร์ ไม่อย่างนั้น ฉันจะทรมานลูกสาวคุณ!”
ฉินสือโอวอุ้มลูกสาวที่กำลังคลานเล่นอยู่กับหางของเจ้าหลัวปออย่างสนุกสนานอยู่บนโซฟาขึ้นมา พร้อมกับพูดพลางมองไปทางวินนี่  “จำยัยปีศาจคนนี้ไว้ให้ดีนะลูก เธอจ้องจะทรมานลูกอยู่ ถ้าในอนาคตลูกโตขึ้น ลูกต้องเอาคืนเธอให้ได้เลยนะ!”
แต่เสี่ยวเถียนกวารักแม่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เช่นตอนเธอคลานไปมาแล้วไม่เห็นแม่ก็จะแล้วไป แต่พอฉินสือโอวอุ้มขึ้นมาอย่างนี้ เธอมองเห็นแม่อยู่ข้างๆ ก็รีบยื่นแขนน้อยๆ ออกมาแล้วร้องอ้อแอ้ต้องการให้วินนี่อุ้ม
ฉินสือโอวแอบหัวเสียกับเจ้าตัวที่ไม่ให้ความร่วมมือ แต่แล้วก็พยายามอุ้มเธอเอาไว้ จากนั้นสาวน้อยก็แบะปากเล็กๆ เนื้อแน่นๆ ของเธอ พร้อมกับหลับตาลงและเริ่มตะเบ็งเสียงร้องไห้ออกจากลำคอ
วินนี่ทำท่าเหมือนเป็นผู้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ หลังจากรับเสี่ยวเถียนกวามาอุ้ม เธอก็พูดขึ้นว่า “ดูสิ คุณโดนคนที่บ้านเมินแล้ว ชอบไปนู่นไปนี่ดีนัก ลูกไม่ชอบคุณแล้วเนี่ย”
ฉินสือโอวจึงตอบกลับด้วยความคับแค้นใจไปว่า “ถึงอย่างไรผมก็ยังมีหู่จือ เป้าจือ ผมยังมีแคลร์และพวกเด็กๆ ของผม”
แล้ววินนี่ก็มองเขาอย่างน่าสงสาร และถามว่า “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ?”
เธอเอานิ้วแตะไว้ตรงริมฝีปากและผิวปากจนเกิดเสียงดังกังวาน จากนั้นหู่จือเป้าจือที่กำลังตีกันอยู่ที่สนามหญ้าก็สะบัดหูและวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ ส่วนด้านหลังนั้นคือฉงต้าที่จูงมือต้าป๋ายและแบกแมวป่าไว้บนบ่า บุชและนิมิตส์ที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ตีปีกและบินโฉบลงมา
สุดท้าย อินทรีทองแคลร์ที่เหมือนกับแม่ไก่ตัวน้อยก็วิ่ง ‘ตุงๆ’ เข้ามา ฉินสือโอวเลยรีบคุกเข่าลงกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อทำท่ากอด
แคลร์น้อยเห็นดังนั้นก็รีบเบรกทันที แล้วแหงนหน้ามองดูเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็วิ่งอ้อมไปหาวินนี่ด้วยสองขาที่บึกบึน พร้อมกับกระโดดด้วยความดีใจอยู่ตรงขาของเธอ เพราะต้องการให้เธออุ้ม
ที่ตลกร้ายไปกว่านั้นก็คือ แม้แต่มาสเตอร์ที่นอนอาบแดดอยู่ด้านนอก พอได้ยินเสียงผิวปากของวินนี่ ก็รีบสะบัดตูดคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาในห้อง และดูจากทิศทางนั้น ก็รู้ได้เลยว่าไปหาวินนี่
ฉินสือโอวโดดเดี่ยว แต่ทางวินนี่นั้นมีกอดอยู่ในอกสองตัว และบินอยู่บนหัวอีกสองตัว อยู่รอบๆ ตัวเธออีกกองหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือทุกตัวห้อมล้อมแต่เธอ
ฉินสือโอวโดดเดี่ยวผู้น่ารัก เขามองซ้ายแลขวา จนสุดท้ายทำได้เพียงดึงมาสเตอร์มาอยู่ข้างๆ และนั่งทับลงบนกระดองเพื่อให้คอยอยู่เป็นเพื่อนตัวเอง
แต่มาสเตอร์นั้นมีพละกำลังเยอะมาก โดยเฉพาะหลังจากที่โดนพลังโพไซดอนปรับเปลี่ยน จนเกือบจะเหมือนพี่ใหญ่ในมังกรทั้งเก้า
ซึ่งถึงแม้ฉินสือโอวจะนั่งทับอยู่ข้างบน แต่มันก็พยายามที่จะคลานออกไปยังทางที่วินนี่อยู่
“แกนี่ยึดมั่นถือมั่นมากเลยนะ” ฉินสือโอวร้องไห้แม้ไม่มีน้ำตาให้กับตัวเองที่ถูกทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย!
แล้ววินนี่ก็ทำปากจู๋ผิวปากอีกครั้ง เพื่อนตัวน้อยเลยพากันมานั่งข้างวินนี่อย่างว่านอนสอนง่าย หู่จือเป้าจือมองฉินสือโอวด้วยความแปลกใจ ฉินสือโอวจึงโบกมือให้ พวกมันลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไปนั่งข้างวินนี่อยู่ดี
คราวนี้ฉินสือโอวร้องไห้จริงๆ เขาถามวินนี่ว่า “ผมถามหน่อย คุณไปเรียนผิวปากมาตอนไหนเนี่ย?”
วินนี่ยักไหล่ พร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข “พอคุณไปโมกาดิชูแล้ว ฉันก็พาหู่จือและเป้าจือไปขึ้นศาลอีกครั้ง เพื่อช่วยวัยรุ่นคนหนึ่งที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ เพราะตามข้อกำหนดของกฎหมายนั้น ฉันไม่สามารถพูดคุยในขณะที่อยู่ในศาลได้ และเพื่อสื่อสารกับหู่จือเป้าจือ ครูฝึกสุนัขท่านหนึ่งเลยสอนฉันผิวปากน่ะ”
“แต่ก็คิดไม่ถึงอยู่นะ ว่าพวกเด็กๆ จะฉลาดกันได้ขนาดนี้ ฉันแค่ผิวปากสองครั้งพวกมันก็ฟังรู้เรื่องแล้ว จากนั้นฉันเลยผิวปากเรียกเวลาให้อาหารพวกมันหรือกระทั่งเวลานอน” วินนี่ยักไหล่อีกครั้งและพูดว่า “หรือจะโทษฉันเหรอ?”
แต่ที่แท้ลูกชายสุดที่รักหู่จือเป้าจือ ที่ในตอนแรกไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ผ่านไปสักพักพอเห็นสีหน้าเศร้าโศกของฉินสือโอว พวกมันก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองจึงรอจังหวะที่วินนี่ไม่สนใจแล้ววิ่งเข้าไปกอดขาฉินสือโอว และเลียไปที่มือของเขาเป็นการปลอบใจ
แต่พอวินนี่กลับมา พวกมันก็รีบลุกออกจากฉินสือโอวและวิ่งกลับไปที่เดิม…
สุดท้ายวินนี่จึงจูบปลอบโยนเขาไปหนึ่งที พร้อมกับเตือนเขาว่า “ตอนนี้ทั้งลูกสาวและพวกเด็กๆ ของคุณต่างก็ตกอยู่ในกำมือของแม่ใจร้ายคนนี้แล้ว ต่อไปถ้าคุณทำให้ฉันโกรธล่ะก็ ฉันจะหาพ่อเลี้ยงใหม่ให้พวกเขา!”
ฉินสือโอวได้ฟังก็โมโหขึ้นมาทันที จึงจะลากวินนี่เข้าห้องเพื่อสั่งสอนเธอให้รู้เสียบ้าง แต่วินนี่รู้ว่าเขามีเจตนาจะทำอะไร เธอจึงยิ้มหวานใส่และวิ่งหนีไป ส่วนฝูงสัตว์โลกผู้น่ารักที่เรียงแถวตามมาอยู่ด้านหลังก็นึกว่ามีเรื่องสนุก แต่ละตัวก็พากันกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานตามหลังไปติดๆ
ส่วนเสี่ยวเถียนกวาที่ถูกวางทิ้งไว้บนโซฟา เธอกะพริบดวงตากลมโตสีดำขลับปริบๆ จนในที่สุดก็รู้ตัวว่าตัวเองโดนทิ้ง ทันใดนั้นเธอก็พลิกตัวด้วยความโกรธ แขนและขาเล็กๆ ของเธอก็สะบัดและถีบไปทั่วอย่างแรงจนเหมือนกับท่าว่ายน้ำ แล้วไถลบนโซฟาผิวเรียบลื่น
ฉินสือโอวที่บังเอิญหันไปเจอพอดิบพอดี เขาถึงกับร้องขึ้นด้วยความงงว่า “โอ้โห ลูกสาวผมอัจฉริยะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เธอคลานได้แล้วเหรอเนี่ย?!”
วินนี่ที่หลบอยู่ตรงบันไดก็มองดูด้วยความประหลาดใจ พอเห็นลูกสาวที่ไถลอยู่บนโซฟาคล้ายกับว่ายน้ำ พลันก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความดีใจ “นี่ไม่ใช่คลาน แต่เธอก็ใกล้จะคลานได้แล้วล่ะ ขอแค่สองแขนสองขาเธอมีแรงมากกว่านี้อีกหน่อยก็คลานได้แล้ว!”
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset