ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 164 ต้อนรับแขก

เมื่อเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ชายวัยกลางคนอายุราวห้าสิบสวมชุดสูทเนี้ยบคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทั้งรอยยิ้ม เขาสวมแว่นตาขอบสีดำ มีกลิ่นอายความสง่างาม เหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยที่สวมชุดทางการท่านหนึ่ง
“จิม สวัสดีตอนเย็นครับ เป็นเกียรติที่ได้มางานของคุณมากครับ” เออร์บักเข้าไปยื่นมือทักทายก่อน เป็นการบอกฉินสือโอวกลายๆ ว่า คนผู้นี้ก็คือราชาแห่งอาณาจักรวอลมาร์ตอันยิ่งใหญ่ จิม วอลตันนั่นเอง
วอลตันเป็นกันเองมาก เขาจับมือเออร์บักกล่าวยิ้มๆ “การได้เชิญคุณมาก็ถือเป็นเกียรติสำหรับผมเหมือนกันครับ คุณเออร์บัก คุณพ่อเคยบอกผมว่า ไม่มีทนายคนไหนในอเมริกาที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพเท่าคุณอีกแล้ว ซึ่งผมก็จำไว้ในใจมาตลอด หวังว่ายามจำเป็นในอนาคต ผมจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณนะครับ”
จากนั้นก็มีคนเข้ามาเพิ่ม แต่วอลตันไม่ได้ออกไปรับด้วยตัวเอง แม้แต่พวกนักบาสชื่อดังอย่างแอนโธนี่กับบอชที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว
แสดงให้เห็นว่าชื่อเสียงของเออร์บักไม่ได้มีอยู่แค่ในแคนาดา ที่อเมริกาเองเขาก็เป็นคนดังมากเช่นกัน
เออร์บักกล่าวชมวอลตันอีกเล็กน้อย แล้วจึงแนะนำฉินสือโอว
สำหรับฉินสือโอว วอลตันไม่ได้สนใจมากนัก ไม่ว่าอายุ เส้นสาย ความรู้หรือทรัพย์สิน พวกเขาก็อยู่คนละระดับกัน วอลตันเข้ามารับเองก็เพราะเออร์บัก ดังนั้นเมื่อเขาต้อนรับเออร์บักเสร็จ จึงทำความรู้จักฉินสือโอวเพียงสั้นๆแล้วจากไป
พอวอลตันไปแล้ว ก็มีหญิงสาวขายาวสะโพกผายสวมชุดสูท OL สีขาวน้ำนมเข้ามายื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ฉินสือโอวอย่างสุภาพ ตัวนามบัตรบางแต่แข็ง ด้านบนเขียนว่าจิม วอลตันมีเบอร์บริษัท เบอร์มือถือ และอีเมล
แน่นอน นี่ก็คือเป้าหมายของเหล่าเศรษฐีในงานเลี้ยงครั้งนี้ การแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อเพื่อวันหลังจะได้ทำธุรกิจร่วมกัน
ฉินสือโอวเริ่มกระอักกระอ่วน เขายังไม่มีนามบัตรเลย ปรากฏเออร์บักยกยิ้มแล้วดึงนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าชุดสูทส่งให้หญิงสาว ฉินสือโอวแอบชำเลืองดู นั่นนามบัตรเขานี่หว่า
หญิงสาวรับนามบัตรเขาไปเก็บไว้ ก่อนจะผละไปเธอขยิบตาให้ฉินสือโอว แฝงท่าทีมีลับลมคมในชัดเจน
ในใจฉินสือโอวรีบท่อง ‘รูปลักษณ์คือความว่างเปล่า’ ‘สาวเสน่ห์ร้ายก็เหมือนกระดูกขาว’ ‘ฉันเป็นผู้ชายของวินนี่’ ฯลฯ ไปมาให้ใจมันสงบลง หญิงสาวคนนี้ถือว่าคุณภาพสูงทีเดียว ไม่ว่าความสวย เสน่ห์ทางเพศ และท่าทางที่ดูมีประสบการณ์ ดูอย่างไรก็ปีศาจกระดูกขาวชัดๆ
นอกจากนี้ยังเป็นถึงเลขาสาวของจิม วอลตันได้ ย่อมไม่มีทางธรรมดาแน่
รอจนหญิงสาวเดินไปไกลแล้ว เออร์บักก็ลดเสียงพูดยิ้มๆ ว่า “ดอริสถือเป็นผู้จัดการสาวมืออาชีพในย่านธุรกิจเลย คนมีความสามารถอายุน้อยหลายคนของวอลสตรีตต่างหมายปองเธอ แต่ก็ไม่สำเร็จทั้งนั้น คิดว่าไงล่ะ? นายไม่ลองหน่อยเหรอ? ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะสนใจนายนะ”
ดอริสมีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม ถึงกับสามารถติดตามวอลตันได้ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์โชกโชนมาขนาดไหน แค่มองแวบเดียวก็เห็นถึงความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อและความไม่ธรรมดาที่อยู่ภายในร่างวัยเยาว์ คนอายุน้อยแบบนี้อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในช่วงหนึ่ง แต่เมื่อไรที่มีโอกาส จะทะยานขึ้นฟ้าแน่นอน
นอกจากนี้ ขนาดไม่รู้สถานะหรือปูมหลังของฉินสือโอว ก็มองออกว่าการที่เขาพาเออร์บักทนายชื่อดังของอเมริกามาร่วมงานด้วยได้นั้น ก็รู้ทันทีว่าความสามารถเขาต้องไม่ธรรมดา
ฉินสือโอวยักไหล่ พยายามคุมสายตาตัวเองไม่ให้มองตามสาวขาสวยสะโพกผายคนอื่น แล้วพูดเสียงเบาหวิวว่า “ผมไม่ได้สนใจผู้หญิง…”
สตีเฟน เคอร์รีและคริส พอลที่เดินผ่านมา ได้ยินประโยคนั้นของฉินสือโอวเข้าพอดี นักบาสทั้งสองมองหน้ากัน แล้วก้าวถอยหลังไปเงียบๆ
ฉินสือโอวรีบอธิบาย “บ้าเอ้ย ผมไม่ได้สนใจผู้ชายด้วย…”
เคอร์รียักไหล่ จงใจเหยียดยิ้มตอบว่า “คุณไม่ต้องอธิบายก็ได้ ฉิน เราไม่เลือกปฏิบัติกับคุณหรอก”
“ใครจะกล้าเลือกปฏิบัติกับคุณกัน? ที่อเมริกาถ้าทำแบบนั้นกับคนรักร่วมเพศเดี๋ยวได้โดนฟ้องกันพอดี โดยเฉพาะตอนที่ข้างตัวคุณมีทนายความชื่อดังอยู่คนหนึ่งด้วยเนี่ย” พอลกล่าวเสริม
หยอกล้อกันเสร็จ ทั้งสองก็หัวเราะเสียงดัง ฉินสือโอวยื่นกำปั้นไปด้านหน้า ชนกับทั้งสองคน พอนิสัยเข้ากัน คุยแค่ไม่กี่ประโยคก็กลายเป็นเพื่อนกันได้แล้ว
ทว่ามันก็มาจากการสร้างพื้นฐานทางฐานะ ทรัพย์สิน และความเท่าเทียมของทั้งสองฝ่ายด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเหมาเหว่ยหลง ต่อให้เขาจะรู้สึกว่าตัวเองนิสัยเข้ากับพวกดาวเด่นเอ็นบีเอมากแค่ไหน แต่พวกนั้นก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้เร็วเท่านี้
ฉินสือโอวเพิ่งเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ครั้งแรก ยิ่งมีเออร์บักพามายิ่งไม่ชิน ไม่ต้องบอกเลยว่าอึดอัดขนาดไหน
หลังได้คุยกับประธานบริหารเมอร์เซเดสเบนซ์อีกเล็กน้อย ฉินสือโอวพาลไม่อยากสนใจต่อแล้ว วัฒนธรรมกับวิธีสื่อสารต่างกันเกินไป ผู้คนชูแก้วกับเขาแล้วเริ่มคุยเรื่องวัฒนธรรมไวน์ และไล่ลำดับแต่ละห้าโรงงานผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งเขาได้แต่ฟังอย่างอึ้งๆ ไม่สามารถต่อบทสนทนาได้
เหนื่อยจะเจรจากับคนพวกนี้ต่อแล้วนะ ฉินสือโอวแอบบ่น ‘ตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่พนักงานเล็กๆ อีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องเจอหน้าพวกนายไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะงั้นพ่อไม่อยู่คอยมันแล้ว’
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาผละจากการนำของเออร์บักที่พาไปแลกนามบัตรเสร็จรอบหนึ่งแล้ว ก็ตรงไปคุยกับพวกดาวเด่นนักบาสแทน
ในส่วนของคนอายุน้อย นอกจากลูกหลานผู้มีอิทธิพลของวอลตัน ที่เหลือก็มีฉินสือโอว เหมาเหว่ยหลงและดาวเด่นเอ็นบีเอ
พวกดาวเด่นมีอำนาจเต็มที่ในสนามบาส แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบการต้องมาพูดคุยแบบนี้เท่าไรเช่นกัน ด้วยเหตุผลเดิม ต่างฝ่ายมีข้อมูลและที่มาไม่เท่ากัน
เหมาเหว่ยหลงดูจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด เขาแลกข้อมูลติดต่อ แค่กับพวกดาวเด่น ดีที่เขามีทวิตเตอร์อยู่พอดี จึงสามารถกดติดตามพวกเขาได้ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองนั้นช่างยอดเยี่ยมจนแทบเปล่งประกายทีเดียว
เมื่อคนมาครบแล้ว วอลตันก็กล่าวเปิดงานเลี้ยง ขอบคุณผู้บริหารโรงพยาบาลใหญ่ทั้งห้าแห่ง ขอบคุณเหล่านักบาสชื่อดังเอ็นบีเอ ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหาทั่วโลกอย่างมะเร็งสมอง ตามด้วยบทพูดอีกชุดหนึ่ง ซึ่งฉินสือโอวได้ยินมามากพอแล้ว วอลตันยังพูดไม่ดีเท่าคำปราศรัยการประชุมประจำปีของผู้จัดการที่บริษัทปิโตรเลียมเลย
งานเลี้ยงเริ่มไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ไม่ถึงเที่ยงคืนก็เลิกแล้ว ฉินสือโอวกอดบอกลากับเคอร์รี พอล และดาวเด่นคนอื่นๆ แยกย้านกลับบ้านตัวเอง และชวนพวกเขาว่าถ้าตอนมาพักร้อนไม่มีอะไรทำจะไปเที่ยวกับพวกเขาก็ได้
ระหว่างทางกลับ เหมาเหว่ยหลงที่ยังไม่หายตื่นเต้น ก็ไถเว่ยป๋อ ไถ** ไถคิวคิว ไถทวิตเตอร์ จนโทรศัพท์ไม่มีอะไรเหลือให้เขาไถแล้ว
ในที่สุดก็ถึงห้องพักโรงแรม เหมาเหว่ยหลงไปอาบน้ำก่อน แสงจากโทรศัพท์ฉินสือโอวกะพริบไม่หยุด เขาจึงเปิดดู เจ้าหมอนี่แกล้งโพสเรื่องลงในบอร์ดบาสเก็ตบอลหู่พู[1] ชื่อรูปที่โพสคือ ‘อวดนักบาสดาวเด่นเอ็นบีเอที่คุณเคยเจอกัน’
ด้านล่างมีคนตอบกลับ ส่วนใหญ่เป็นรูปโคบี ไบรอันต์ที่มาประเทศจีน แม็คเกรดี มาร์บูรี่และพวกนักบาสดาวเด่นที่มาจีน สุดท้ายเหมาเหว่ยหลงก็อวดรูปที่เขาถ่ายด้วยกันก่อนหน้า ทั้งเคอร์รี่, พอล, เจมส์, เพียร์ซไปทีละรูป
ฉินสือโอวยิ้ม ตอนนี้เขายิ่งชอบเหมาเหว่ยหลงกว่าเดิมอีก เพราะเวลาอยู่กับหมอนี่ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้ขี้แพ้ ที่โดนเนียนฉวยโอกาสไม่หยุด หรือประโยคที่ว่า ‘ระดับความเสแสร้งฉันมันเท่าฟ้า’
เขาโยนโทรศัพท์ไปบนหัวเตียง ฉินสือโอวล็อกอินเข้าเว็บท่องเที่ยวอเมริกาเหนือเตรียมจองเที่ยวบินไปไมอามี เขาเซ้าซี้ถามเวลากลับถึงไมอามีของวินนี่มาแล้ว เที่ยวบินเธอจะหมดพรุ่งนี้ช่วงเย็น แล้วพักผ่อนอีกสองวัน
………………………………………………..

[1] เว็บกลุ่มที่ใช้แชร์เรื่องราวตามหมวดต่างๆ

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset