ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1101 กิจกรรมอันแสนโหดร้าย

พอฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลา เขาถามชาร์คว่า “เรือลำไหนที่กำลังขโมยปลาอยู่ล่ะ?”
ตอนนี้การลักลอบขโมยปลาสำหรับเขานั้นได้กลายเป็นเหมือนกับการทำงานปกติทั่วไป แต่หลังจากมีตำนานเรื่องเรือผีออกมา พวกที่มาขโมยปลาที่ฟาร์มของเขาก็น้อยลง จนกระทั่งหลังจากฉลองปีใหม่เสร็จ นี่ถือว่าเป็นเคสแรกเลย
ในตอนกลางวันที่ไม่สามารถใช้เรือโจรสลัดได้ แต่ถ้าใช้เรือกำปั้นทะเลที่จอดนิ่งอยู่ตรงท่าเรือดูท่าจะเวิร์กกว่า
ชาร์คที่ลังเลใจอยู่เล็กน้อยก็ได้พูดขึ้นมาว่า “บอสครับ ผมว่านี่อาจจะไม่ใช่เรือโจรสลัดก็ได้ จากการสแกนของเรดาร์พบว่าขนาดของเรือลำนี้เล็กมาก ดูแล้วเหมือนเรือยอชต์มากกว่าจะเป็นเรือจับปลา ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือพวกเราไปเช็กให้แน่ใจกันสักหน่อยดีกว่า”
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมก็เยอะขึ้น เนื่องจากคุณภาพน้ำของฟาร์มปลาบนเกาะแฟร์เวลนั้นดีที่สุดในมหาสมุทรโดยรอบ ดังนั้นจึงมีเรือจำนวนมากล่องเข้าไปในเขตน่านน้ำของฟาร์มปลา จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปไล่ตรวจเรือพวกนี้
แต่ก็ต้องรู้จักป้องกันเอาไว้ก่อน เพราะเรือบางลำก็มักจะถือโอกาสฉวยผลประโยชน์ในยามที่เกิดความวุ่นวาย
ฉินสือโอวเข้าไปดูในห้องเรดาร์ หลังจากเช็กแล้วว่าตำแหน่งของเรือลำนี้อยู่ประมาณไหน ก็ค้นหาตรงบริเวณนั้นดู ประจวบเหมาะกับเห็นฉลามหางยาวที่อยู่แถวนั้นพอดี เลยคิดว่าจะถอดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปหามันแล้วให้มันพาว่ายน้ำไป
เขาจึงบอกให้ชาร์คและคนอื่นๆ ใจเย็นๆ กันก่อน พลางทำท่าเหมือนมีธุระอื่นต้องไปจัดการ แต่พอกลับไปถึงวิลล่าแล้วเขากลับตั้งใจสะกดให้ฉลามหางยาวไปสำรวจสถานการณ์แทน
ภายใต้ความช่วยเหลือจากพลังโพไซดอน หางของฉลามหางยาวก็สะบัดอย่างเร็วราวกับใบพัดเรือ ว่ายด้วยความเร็วสูงจนใกล้จะเข้าสู่น่านน้ำลึก
บนผืนน้ำที่มีเรือยอชต์ลำหนึ่งยาวยี่สิบกว่าเมตรจอดอยู่ คลื่นทะเลที่ไหลเชี่ยวทำให้เรือยอชต์ลอยกระเพื่อมอย่างช้าๆ พร้อมกับฟองคลื่นที่สาดกระเซ็น ให้กลิ่นอายถึงการมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด
แต่น้ำทะเลบริเวณแถวๆ เรือยอชต์มีกลิ่นคาวเหม็นแรงมาก พอฉลามหางยาวได้กลิ่นก็ว่ายกระโจนเข้าไปใกล้ตามสัญชาตญาณ
ฉินสือโอวเลยยับยั้งสัญชาตญาณของมัน แล้วให้มันโผล่หัวขึ้นไปสืบดูสถานการณ์ และพอเจ้าฉลามโผล่หัวขึ้นไป บนเรือยอชต์ก็มีเสียงผู้หญิงร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจขึ้นมา “อ้าย ปรินซ์ ดูนั่นสิ ยังมีฉลามอีกตัวนะ นั่นมันฉลามอะไรน่ะ? จัดการมัน!”
หลังจากโผล่หัวขึ้นไป ฉินสือโอวถึงได้เห็นว่ามีศพวาฬตัวหนึ่งลอยอยู่บนผืนน้ำที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก และตอนนี้เองเรือยอชต์ก็ยิงระเบิดลงมา เขาจึงสะกดให้ฉลามหางยาวดำลงไปในน้ำ
ศพของวาฬตัวนั้นทำให้ฉินสือโอวไม่พอใจเป็นอย่างมาก จิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่คุมผืนน้ำแห่งนี้ไว้ เขาจึงเข้าไปดูก็พบว่า วาฬตัวนี้ตายอย่างน่าเวทนามาก หัวขนาดใหญ่แบะออกไปครึ่งหนึ่ง เลือดสีแดงฉานก็ไหลไปทั่วทั้งผืนน้ำ
ศพวาฬที่กำลังไหลไปตามผิวทะเล ช่างเหมือนกับเรือลำน้อยๆ ที่กำลังแล่นไป เรือลำน้อยๆ ที่น่ารันทด
ฉินสือโอวทั้งตกใจทั้งโกรธไปพร้อมๆ กัน เห็นได้ชัดเลยว่าวาฬตัวนี้ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ แต่มันตายเพราะอะไร อะไรทำให้วาฬตัวนี้เป็นแบบนี้กันแน่? ถึงจะเป็นวาฬเพชฌฆาตนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาสมุทรล่ะก็ ยังไงก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายวาฬยักษ์ตัวหนึ่งให้เป็นได้ถึงขนาดนี้!
การหายไปของฉลามหางยาว ทำให้คนบนเรือผิดหวัง แต่บนเรือก็ได้ติดตั้งเครื่องหาปลาไว้ พวกเขาจึงมั่นใจได้ว่าฉลามหางยาวยังไม่ได้ไปจากแถวนี้ จากนั้นก็มีคนโยนปลาค็อดหั่นชิ้นลงไปในน้ำ หวังว่าจะล่อให้มันลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ปลาค็อดหั่นชิ้นพวกนี้รสชาติประหลาด แถมกลิ่นยังคาวกว่าน้ำทะเลบริเวณรอบๆ อีกด้วย และเนื่องจากฉินสือโอวไม่ได้ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมมันแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นอิสระ พอเจอปลาค็อดหั่นชิ้นพวกนี้มันจึงรีบว่ายอย่างเอาเป็นเอาตายโผล่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำและกลืนมันเข้าปาก
เมื่อเห็นอย่างนั้น ฉินสือโอวก็แน่ใจได้เลยว่าที่มาของกลิ่นคาวนั้นก็คือ สารล่อฉลาม!
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ฉลามขึ้นชื่อในเรื่องประสาทการได้กลิ่นที่เฉียบแหลม และที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือฉลามขาว ที่มีกระเปาะรับกลิ่นซึ่งคิดเป็นสิบสี่เปอร์เซ็นต์ของความจุสมอง ทั้งยังสามารถแยกโมเลกุลซีรีนกับโมเลกุลของน้ำได้ถึง 1015 โมเลกุล และสามารถได้กลิ่นเลือดสดที่อยู่ห่างออกไปถึงสิบเมตร
สารล่อฉลามคือสิ่งที่ทำออกมาโดยใช้ประโยชน์จากหลักการทั่วไป มันอุดมไปด้วยซีรีนอย่างมหาศาลและสารเคมีทดลองชนิดอื่นๆ ที่มีผลคือทำให้มึนและล่อให้ฉลามมาติดกับดักได้
ตามที่กรมประมงโตเกียวของญี่ปุ่นได้ทดลองใช้ การหว่านสารล่อฉลามในปริมาณหนึ่งลิตรลงในเขตน่านน้ำหนึ่ง สามารถไปกระทบต่อฉลามที่อยู่บริเวณภายในหนึ่งร้อยตารางกิโลเมตรได้!
แล้วทำไมกรมประมงโตเกียวของญี่ปุ่นถึงได้ทำการทดลองนี้กันล่ะ? นั่นก็เพราะของสิ่งนี้เป็นงานวิจัยที่พวกเขารับผิดชอบดูแล จุดประสงค์เพื่อเสนอให้แก่เรือล่าฉลามล่อมันมาเพื่อตัดเอาหูของมันโดยเฉพาะ
แต่ที่แคนาดาและอเมริกาสารล่อฉลามชนิดนี้ถูกห้ามใช้อย่างเด็ดขาด เพราะคุณภาพในการละลายของสสารแย่มาก และสามารถตกค้างอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน ทำให้กระทบต่อการอยู่รอดของฉลามบริเวณนั้น
แม้แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้ใช้สารชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้มันจะให้ประสิทธิผลที่ดีแต่ราคาก็แพงหูฉี่เช่นกัน ดังนั้นพวกเรือล่าฉลามจึงชอบไปหาที่ที่มีฝูงฉลามอยู่เยอะๆ จากนั้นก็ใช้พวกเลือดสัตว์ล่อมันมา
อีกทั้งพวกที่อยู่บนเรือต่างก็เป็นแค่วัยรุ่น แต่ทำไมถึงมีสารล่อฉลามได้ นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวแปลกใจ พวกเขาคิดจะทำอะไรกัน?
ไม่นานคำตอบก็ปรากฏออกมา เมื่อฉลามหางยาวโผล่ขึ้นไปเหนือผิวน้ำ เมื่อวัยรุ่นคนหนึ่งเจอมันเข้าก็รีบง้างคันธนูที่อยู่ในมือ หลังจากเล็งเป้าเสร็จก็ยิงออกไป
ศรที่คมกริบเมื่อยิงออกไปก็ทำให้เกิดเสียงดัง ‘ฉึก’ ที่รุนแรง ฉลามหางยาวที่เคยได้รับพลังโพไซดอนก็ฉลาดไม่เบา พอมันเห็นท่าไม่ดี ก็ตัดใจทิ้งปลาค็อดที่กำลังจะเข้าปากมันอยู่แล้ว และรีบว่ายสะบัดหางหายเข้าไปในน้ำ
อย่างไรก็ตามทักษะการยิงธนูของวัยรุ่นคนนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมาก เพราะชิ้นเนื้อปลาอยู่ข้างๆ เรือยอชต์เลย ถึงฉลามหางยาวจะหลบก็หลบไม่ทันอยู่ดี ศรนั้นได้ปักเข้าไปที่ครีบหลังของมันแล้ว แต่ก็ถือว่ามันหลบได้ไวเหมือนกัน เพราะเดิมทีวัยรุ่นคนนี้เล็งไว้ที่หัวของมัน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของฉินสือโอวที่คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด พอเห็นว่าฉลามหางยาวโดนศรปัก เขาก็รีบดึงลูกธนูออกมา หนำซ้ำเขายังรู้สึกว่าลูกธนูนี้ผิดปกติ เส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่เกินแต่ด้ามกลับอ่อนมาก ซึ่งไม่ตรงกับลักษณะโดยทั่วไปของลูกธนู
พอดึงลูกธนูออกเสร็จแล้ว ฉินสือโอวยังไม่ทันได้ดูอย่างละเอียด ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น นั่นก็คือลูกธนูที่โดนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนพันไว้เกิดระเบิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด!
แรงระเบิดถือว่าไม่ใหญ่เท่าไร แต่ถ้าเมื่อกี้ฉินสือโอวดึงลูกธนูออกไม่ทัน แรงระเบิดแบบนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉลามหางยาวเป็นอัมพาตครึ่งตัวได้!
พอคิดปะติดปะต่อไปถึงวาฬที่ตายแล้วตัวนั้น อยู่ๆ ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ก็เป็นเพราะไอ้พวกเวรนี้กำลังเล่นกิจกรรมยิงวาฬกันอยู่
เนื่องจากอ่างเก็บน้ำของแม่น้ำสายอเมริกาเหนือเกิดการเอ่อล้นของปลาคาร์ฟเอเชีย ทำให้ทุกที่มีกิจกรรมยิงปลาขึ้น ซึ่งกิจกรรมยิงปลานี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากกิจกรรมยิงวาฬ
กิจกรรมยิงวาฬเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อโนเบลได้มีการพัฒนาทีเอ็นทีที่ทรงอานุภาพมากที่สุด มีชาวประมงบางคนนำดินระเบิดกับลูกศรมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการขับไล่และล่าฉลามที่มาเข้าใกล้เรือจับปลาของพวกเขา
ต่อมาได้มีคนปรับเปลี่ยนจุดประสงค์ในการยิงนั้น เปลี่ยนมาเป็นการล่ายิงวาฬขนาดใหญ่เพื่อเอาเนื้อของมัน
กิจกรรมนี้มาถึงจุดพีกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หนึ่งคือดินระเบิดในตอนนั้นนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สองคือเกิดการขาดแคลนอาหารในช่วงสงคราม ดังนั้นเนื้อปลาวาฬที่มีโปรตีนและไขมันสูงจึงได้กลายเป็นของล้ำค่าในสายตาของผู้คนในสมัยนั้น
แต่ถึงกิจกรรมนี้จะโหดร้ายมากเพียงใด ในช่วงสงครามที่ทุกประเทศเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร จึงต้องทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อกิจกรรมนี้
หลังจากสิ้นสุดสงคราม แต่ละประเทศจึงจัดการประชุมคุ้มครองสัตว์น้ำครั้งที่หนึ่งขึ้น หลังจากผ่านการตัดสินใจร่วมกันจึงได้ข้อมติในการห้ามใช้ดินระเบิดในการล่ายิงวาฬและฉลาม
ฉินสือโอวแค่เคยได้ยินกิจกรรมแบบนี้ แต่ไม่นึกมาก่อนว่าจะต้องได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง!
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset