ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1106 สมาคมพี่น้องบิ๊กแซม

พอสื่อมวลชนมาถึงเรื่องก็ง่ายขึ้น ฉินสือโอวแสดงให้พวกนักข่าวเห็นว่าเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวพวกนี้ใช้ทั้งปืนผาหน้าไม้ ธนู สารล่อปลา ลูกธนูระเบิด และยังเผยร่างวาฬที่ตายอย่างน่าเวทนาให้พวกเขาดู
ที่รู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจมากที่สุดเห็นจะเป็นร่างของวาฬ นักข่าวและช่างกล้องปรึกษาหารือกัน ก่อนการออกอากาศมีบางส่วนจะต้องเซนเซอร์ เพราะว่าฉากนี้ดูนองเลือดและโหดร้ายทารุณเกินไป
ในจุดนี้พวกวัยรุ่นต้องได้รับโทษ พวกเขาฆ่าวาฬ และล่อให้ฉลามมากัดเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ใช้มันล่อนกนางนวลมากินมันเป็นอาหาร แถมยังลากซากของมันไปตลอดทางที่ขับเรือ ทำให้ซากของวาฬยุ่ยไปหมด
ตัวเองเป็นคนสร้างเรื่อง ถึงจะดูน่าเกลียดขนาดไหนก็ต้องแสดงให้จบ ตอนนี้พวกวัยรุ่นก็กำลังจำลองเหตุการณ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
และฉินสือโอวก็หันไปพูดกับสื่อมวลชน โดยใส่ร้ายป้ายสีพวกวัยรุ่นว่าจุดมุ่งหมายที่พวกวัยรุ่นมาถึงฟาร์มปลาก็คือต้องการที่จะฆ่าเต่ามะเฟือง จริงๆ แล้วเขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ กระดองเต่าของเต่ามะเฟืองแข็งมากขนาดนั้น ไม่ต้องพูดถึงลูกธนูว่าจะยิงเข้า แม้แต่ชนวนระเบิดยังไม่เพียงพอที่จะสามารถระเบิดกระดองของพวกมันให้แตกได้
แต่ฉินสือโอวก็ไม่สน เขาทำแบบนี้ก็เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าต่อไปมีใครกล้ามาลักลอบจับสัตว์ที่ฟาร์มปลาของเขาอีก เขาก็จะจับกุมมันโดยเอาข้อหาลักลอบล่าเต่ามะเฟืองมาใช้ จากนั้นก็ฟ้องร้องมันเข้าไปด้วยเลย วัยรุ่นพวกนี้โชคไม่ดีนัก ที่เขาเพิ่งบอกกับพวกหน่วยยามฝั่งไปว่าจะฟ้องร้องคนพวกนี้ นั่นไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะเขาบอกเออร์บักให้เขียนหนังสือฟ้องร้องแล้วจริงๆ
เจรจากับสื่อมวลชนเสร็จ ฉินสือโอวก็นำพวกวัยรุ่นส่งต่อให้กับตำรวจ จากนั้นก็กลับมาที่ฟาร์มปลา
แล้วเรือยอชต์ลำนั้นล่ะ? หน่วยจู่โจมกองทัพบกอายัดมันไว้แล้ว เพราะว่าเป็นอุปกรณ์ที่พวกวัยรุ่นใช้ทำผิดกฎหมาย หลังจากนี้ต้องรอให้ศาลอ่านคำตัดสินบทลงโทษแปดเก้าในสิบเปอร์เซ็นต์ น่าจะถูกนำไปประมูลขายลดราคา
เรือบิ๊กแซม 107 เป็นเรือยอชต์ลำหนึ่งที่ดีมาก ห้องรับแขกบนดาดฟ้าของเรือกว้างขวางและหรูหรา เอาไว้ใช้ต้อนรับแขก แถมยังเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับการคุยเรื่องธุรกิจการค้า ส่วนกลางห้องรับแขกทางซ้ายมือเป็นโซฟารูปตัวยูและโต๊ะกระจกทรงเตี้ยสำหรับวางชุดน้ำชา เป็นการนำสไตล์และสีสันของยุโรปเหนือมาใช้ ทั้งชุดน้ำชาและโซฟาล้วนแล้วแต่มีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับเทพนิยายของทางยุโรปเหนืออยู่บนนั้น
ทางขวาเป็นโซนอาหาร มีเก้าอี้สี่ตัวและโซฟามุมโค้งรูปตัวแอลล้อมรอบโต๊ะอาหารหนึ่งตัว เป็นหนึ่งชุดต่อหกคน ผนังของห้องรับแขกทั้งสี่ด้าน มีที่นั่งสี่ที่สำหรับดูวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืน ที่นั่งแต่ละที่ไม่เท่ากัน เล็กสุดคือยี่สิบหกนิ้ว ใหญ่สุดประมาณหกสิบนิ้ว
ชั้นล่างของดาดฟ้าเป็นโซนสำหรับพักผ่อน ส่วนแรกเป็นห้องนอนของแขกวีไอพี ฉินสือโอวเดินเข้าไปดูด้านใน ด้านในห้องมีเตียงน้ำสำหรับสองคน ตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ โต๊ะหนังสือ โต๊ะคอมพิวเตอร์ และอีกมากมาย ซึ่งสไตล์การแต่งห้องจะเป็นแบบเรียบง่าย แต่ค่อนข้างที่จะพิถีพิถัน
นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำที่แบ่งเป็นฝั่งเปียกกับแห้ง ด้านในห้องน้ำปูด้วยไม้สักกันลื่น ส่วนด้านข้างของห้องนอนมีบาร์ขนาดเล็กอยู่ ด้านในมีเหล้าครบครัน และยังมีเครื่องดื่มที่เพิ่มความสนุกให้อยู่ไม่น้อย และจะช่วยเพิ่มให้อะไรสนุกนั้นก็อย่างที่รู้ๆ กัน
ฉินสือโอวพร้อมด้วยตำรวจสำรวจรอบๆ ข้างในเรือยอชต์ คนที่อยู่ด้านหลังถ่ายรูปเก็บหลักฐาน เพื่อป้องกันการตกหล่นเวลาอายัดสิ่งของ
ลินตันและพวกวัยรุ่นถูกใส่กุญแจมือและพาเข้าไปในรถตำรวจ ก่อนจะไปก็มีคนตะโกนใส่ฉินสือโอว “แกไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นกับใครอยู่! แกซวยแน่ ดันมาหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรหาเรื่อง!”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วเดินมาตบไหล่หนุ่มวัยรุ่นที่กำลังเอะอะโวยวาย พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “อาจจะงั้นนะเพื่อน ต่อไปฉันอาจจะซวย แต่ฉันคิดว่าตอนนี้คนที่จะซวยน่ะก็คือพวกแก ที่ทัณฑสถานก็นึกถึงพระเจ้าไว้ซะ แล้วภาวนาให้พระเจ้าคุ้มครองไม่ให้ศาลตัดสินโทษหนักเกินไปล่ะ”
พวกวัยรุ่นหน้าซีดเผือด ฉินสือโอวออกแรงที่แขนเพื่อเอาพวกเขายัดใส่รถตำรวจแล้วปิดประตู
แบ็กอัปของพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวนี้ไม่ใช่เล็กๆ ฉินสือโอวเตรียมพร้อมแล้ว แต่หลังจากที่เออร์บักมองเห็นชื่อของเรือยอชต์นี้ ก็เตือนเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “ระวังหน่อยนะ คนที่เราจะเล่นครั้งนี้ไม่ใช่คนธรรมดา”
ทำให้คนอย่างเออร์บักต้องบอกให้ระวังนั้นถือว่าไม่ใช่เล่นๆ ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจจึงถามขึ้นว่า “แล้วคนพวกนั้นเป็นลูกหรือว่าเป็นญาติของใครล่ะ? พวกเขาร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เออร์บักจึงตอบว่า “ฉันไม่รู้จักเด็กวัยรุ่นพวกนั้น แต่ฉันรู้จักเรือนั่น เรือบิ๊กแซม 107 มันน่าจะเป็นของที่เกี่ยวโยงกับสมาคมพี่น้องบิ๊กแซม วัยรุ่นพวกนั้นน่ะ นายแน่ใจไหมว่าพวกเขาเป็นคนแคนาดา?”
ข้อนี้ฉินสือโอวสามารถแน่ใจได้ อีกทั้งในตอนแรกหน่วยยามฝั่งก็พูดยืนยันถึงสถานะของพวกวัยรุ่นแล้ว แล้วตอนที่พวกวัยรุ่นถูกตำรวจจับ พวกเขาก็ไม่ได้พูดถึงสถานะตัวเองออกมา ถ้าเป็นคนอเมริกา ก็จะรีบเอะอะตะโกนพวกเรื่องสถานทูต เรื่องรัฐสภา เรื่องประธานาธิบดีอะไรเทือกนั้นไปแล้ว
ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าสมาคมพี่น้องบิ๊กแซมคืออะไร เออร์บักจึงอธิบายให้เขาเข้าใจว่า มันก็คือกลุ่มกลุ่มหนึ่ง ที่ก่อตั้งมาได้หลายปีแล้ว เมื่อประมาณศตวรรษที่ห้าสิบ
ก่อนครึ่งศตวรรษ อันมีสาเหตุเนื่องมาจากสงครามเย็น ที่ทางอเมริกาต้องการให้มีแรงสนับสนุนมากกว่านี้ และแคนาดาก็แสดงออกอย่างดี ดังนั้นความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้จึงรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งแหล่งทรัพยากรก็ใช้ร่วมกัน
การถือกำเนิดของสมาคมพี่น้องบิ๊กแซม มาจากสองประเทศเรียนรู้ที่จะใช้ทรัพยากรร่วมกัน ในเวลานั้นอเมริกาได้ส่งนักเรียนจำนวนมากไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดา เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เฉพาะทาง ผู้อพยพในแคนาดาช่วงยุคแรกส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษและฝรั่งเศส คนเหล่านี้ไม่มีความประทับใจที่ดีต่ออเมริกาเพราะบรรพบุรุษของพวกเขา แต่จริงๆ แล้วในปัจจุบันนั้นเป็นเพราะว่าคนอเมริกาไล่พวกเขามาที่นี่
เพราะแบบนี้ตอนอยู่ในโรงเรียน นักเรียนของทั้งสองฝ่ายก็มักจะทะเลาะวิวาทกันอยู่เป็นประจำ นักเรียนแคนาดาจะชอบสั่งการในฐานะที่เป็นเจ้าถิ่นและครองทุกอย่างไว้เอง ทำให้นักเรียนอเมริกาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ด้วยเหตุนี้นักเรียนอเมริกาจึงได้เลียนแบบกลุ่มสมาคมพี่ชายน้องชายและกลุ่มพี่สาวน้องสาว จนกลายมาเป็นกลุ่มสมาคมพี่น้องบิ๊กแซม
ในตอนนั้นสมาคมนี้ได้รับการยอมรับและได้รับความสนใจจากนักเรียนอเมริกาที่อยู่ในแคนาดาอย่างล้นหลาม พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านและเป็นปฏิปักษ์กับนักเรียนแคนาดา ต่อมาพวกเขาสำเร็จการศึกษาและพากันแยกย้ายเข้าไปทำงานในสังคมและงานต่างๆ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น ความหมายของสมาคมก็คือนับวันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ไม่ได้มีแค่นักเรียนนักศึกษาแล้ว
ที่อเมริกาและแคนาดาหรือแม้กระทั่งยุโรป สิ่งที่ยากจะรับมือมากที่สุดก็คือพันธมิตรสมาคมแบบนี้ ก็เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวที่พอก่อให้เกิดความยุ่งยากแล้ว สุดท้ายก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ใคร
อย่างที่คิดไว้ ในตอนค่ำมีคนโทรศัพท์มาหาฉินสือโอ ซึ่งก็คือเบลค เขาถามขึ้นว่า “ฉิน วันนี้นายจัดการพวกวัยรุ่นไปกี่คน?”
ฉินสือโอวสรุปไปเอง แล้วถามถึงสิ่งที่นึกขึ้นได้พอดี “เฮ้ยเพื่อน นายคงไม่ใช่คนในสมาคมบิ๊กแซมอะไรนั่นนะ?”
เบลคจึงขำแห้งขึ้นว่า “สมัยเรียนมหาลัยฉันชอบก่อเรื่องน่ะ เลยเข้าสมาคมนั้นไป”
ฉินสือโอวจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “สมาคมพี่น้องอะไรนั่นไม่ใช่ว่าจัดขึ้นเอาไว้สำหรับพวกอเมริกาต่อต้านคนแคนาดาอย่างพวกนายไม่ใช่เหรอ? นายเป็นคนแคนาดาจะเข้าไปทำอะไรอีก? ไปเป็นหนอนบ่อนไส้?”
พอฟังเขาพูดจบ เบลคก็หัวเราะขึ้นมา หลังจากนั้นเลยอธิบายให้เขาฟัง ตอนนี้สมาคมพี่น้องไม่ใช่แค่นักศึกษาง่ายๆ แบบเดิมแล้ว ตอนนี้เกี่ยวข้องพัวพันกับผลประโยชน์เยอะมาก แล้วก็มีคนแคนาดาในกลุ่มเยอะมาก
สมาชิกชาวแคนาดาพวกนี้ บางคนก็เป็นคนอเมริกาที่มาทำงานที่แคนาดาเพื่อหาโอกาสเติบโต หลังจากนั้นก็ได้สัญชาติแคนาดา ลูกของพวกเขาก็เลยกลายเป็นคนแคนาดาแต่กำเนิด แต่พอขึ้นมหาลัย รุ่นพ่อของพวกเขาก็แนะนำให้พวกเขาเข้าสมาคมนี้
และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นแกนกลางสำคัญของสมาคมคิดว่าคนแคนาดาพวกนี้ค่อนข้างเก่ง จะมีประโยชน์ต่อสมาคมในอนาคตเลยดึงตัวเข้ามาไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่ในอนาคตจะได้ใช้งานได้สะดวก
ส่วนเบลคถือว่าอยู่ในประเภทนั้น ตระกูลของเขาเป็นตัวแทนที่มีอิทธิพลมากในแคนาดา สมัยเรียนมหาลัยก็เลยถูกดึงเข้าไปอยู่ในกลุ่ม
“โอเค งั้นตอนนี้ฉันจะให้นายมาทำหน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อมให้ นายนับถือพระเจ้าองค์ไหนล่ะ?” สุดท้ายฉินสือโอวก็เป็นฝ่ายถามเขา
………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset