ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1108 ผลการเก็บเกี่ยวใหม่

หลังจากผ่านฤดูใบไม้ผลิ ฉินสือโอวสั่งซื้อกรงดักกุ้งผ่านเรค บิ๊กฟุต ครั้งนี้เขาสั่งไปหนึ่งพันคู่หรือก็คือสองพันอัน ถ้าหากทุกอย่างราบรื่นได้ในครั้งเดียว ก็จะได้กุ้งมังกรตัวใหญ่ห้าถึงสิบตันเลยทีเดียว
สำหรับตลาดอาหารทะเลในตอนนี้การได้เมนล็อบสเตอร์มาห้าถึงสิบตันถือว่าเป็นโชคดีอย่างมาก และหากคุณภาพของเมนล็อบสเตอร์ล็อตนี้ล้ำเลิศ ความคุ้มค่าที่ได้รับกลับมาคงจะประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว
ส่วนกุ้งมังกรแก๊ฟคี่ส่งผลกระทบต่อตลาดกุ้งมังกรของอเมริกาเหนือเป็นอย่างมาก ซึ่งในปีนี้ก็กำลังเริ่มเป็นที่จับตามองแล้ว
ฉินสือโอวจำได้ว่าตอนที่เขาไปที่บ้านของวินนี่ในช่วงคริสต์มาสครั้งแรก มาริโอ้พ่อของวินนี่เคยบ่นว่าปกติกุ้งมังกรสองปอนด์ ซื้อหนึ่งคู่ราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยดอลลาร์แคนาดา แต่ครั้งนั้นเขาต้องจ่ายถึงสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดาถึงจะได้มันมาหนึ่งคู่
แน่นอนว่านั่นก็เป็นผลกระทบมาจากวันคริสต์มาสด้วย ในวันเทศกาลไม่เพียงแต่อาหารทะเล ของทุกอย่างจะขึ้นราคาสูงหมดเลย
แต่ตลาดในปัจจุบันนี้ แม้แต่ช่วงเวลาธรรมดาที่ไม่ใช่วันเทศกาล ซื้อกุ้งมังกรน้ำหนักสองปอนด์ก็มีราคาถึงสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดาเช่นกัน!
ซึ่งก่อนหน้านี้ ถ้าในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งถือเป็นฤดูตกกุ้งมังกร ราคาต่อคู่จะไม่เกินสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดา และแน่นอนว่าพอถึงฤดูใบไม้ผลิปริมาณกุ้งก็น้อยลง ทำให้ราคาสูงกว่าฤดูที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งอย่างมากที่สุดก็แค่หนึ่งร้อยดอลลาร์แคนาดา แต่ในปัจจุบันราคาสูงขึ้นกว่าเดิมถึงสี่ร้อยเปอร์เซ็นต์!
หลังจากบัตเลอร์มาถึง ฉินสือโอวก็สั่งให้ชาวประมงเอากรงดักกุ้งไปวางไว้ในบ่อปลา กรงใหม่ที่สั่งไปสองพันกรงบวกกับครั้งก่อนที่สั่งไว้สองร้อยชิ้นตอนที่ไปดักกุ้งที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ รวมทั้งหมดตอนนี้เขามีกรงดักกุ้งสองพันสองร้อยชิ้นและเอาไปวางไว้ในบ่อปลาด้วยกันเลย
เห็นชาวประมงวางกรงดักกุ้งด้วยความมั่นอกมั่นใจ สีหน้าของบัตเลอร์ก็เต็มไปด้วยความตะลึง “หะ..หา..ฉิน ฟาร์มปลาของนายยังมีกุ้งมังกรด้วยเหรอ? เท่าที่ฉันรู้ ฟาร์มปลาของนายเพิ่งสร้างมาได้แค่สองปีเองไม่ใช่เหรอ?”
ปกติแล้วกุ้งมังกรจะเจริญเติบโตช้า และจะใช้เวลาประมาณหกปีถึงจะโตได้ถึงหนึ่งปอนด์ ส่วนที่อเมริกาและแคนาดานั้น ตามกฎมาตรฐานการจับกุ้งมังกรที่เล็กที่สุดนั้นอ้างอิงตามวัดความยาวที่เปลือก ถ้าถึง 3.25 นิ้ว ก็คาดว่าหนักถึงหนึ่งปอนด์
ดังนั้นกุ้งมังกรจึงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกถึงเจ็ดปีถึงจะโตได้มาตรฐานและตกขึ้นมาได้ ตามการคาดการณ์แล้ว ทุกปีในอเมริกาเหนือการตกกุ้งมังกรจะมีประมาณแปดสิบห้าถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ได้ตามมาตรฐานกำหนด
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่บัตเลอร์จะสงสัย เพราะฉินสือโอวเพิ่งจะมารับช่วงต่อได้แค่สองปี แต่ในบ่อก็มีกุ้งมังกรให้เก็บผลผลิตได้แล้ว?
จริงๆ นะ ฟาร์มปลาต้าฉินมีกุ้งมังกรให้เก็บผลผลิตได้แล้วจริงๆ
พลังโพไซดอนใช้อย่างไรก็ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ตอนนี้ฉินสือโอก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรแล้ว เพราะหลังจากที่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินดูดซับพลังโพไซดอนไป ความเร็วในการเจริญเติบโตของพวกมันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่คุณภาพของเนื้อเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาก และหลังจากที่กุ้งมังกรได้รับพลังโพไซดอนไป การเติบโตของพวกมันก็คงเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
เหมือนกับกุ้งเครฟิชที่บ้านเกิดของฉินสือโอว และช่วงชีวิตของเมนล็อบสเตอร์ยักษ์ก็ต้องลอกคราบหลายครั้งเพื่อเติบโต ในช่วงอายุน้อยมันจะผลัดเปลือกสองถึงสามครั้งในหนึ่งปี เมื่อเริ่มโตก็ผลัดเปลือกเพียงปีละครั้ง รวมๆ ทั้งชีวิตจนกว่าจะถึงตอนที่สามารถเอาออกขายได้ก็ประมาณสี่สิบห้าสิบครั้ง
แต่กุ้งมังกรของฟาร์มปลาต้าฉินนั้นลอกคราบหนึ่งครั้งต่อเดือน หรือประมาณสิบครั้งต่อปี ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นในหนึ่งปีกว่าๆ ก็สามารถเอาออกขายได้แล้ว ฉินสือโอวมองไปที่ก้นบ่อ ในบ่อนั้นเต็มไปด้วยกุ้งมังกรยักษ์หลายสิบตัว
โดยปกติแล้วกุ้งมังกรที่โตเต็มที่แล้วจะหนักถึงสิบห้าปอนด์ ซึ่งนั่นก็ต้องใช้เวลาถึง 50ปี! แต่ในฟาร์มปลาต้าฉินยิ่งพวกมันได้รับพลังโพไซดอนมากเท่าไร พวกมันก็ยิ่งโตเร็วมากเท่านั้น
ฉินสือโอวลองคิดใคร่ครวญถึงปัญหานี้ เขาเชื่อว่าพลังโพไซดอนนี้ส่งผลต่อวิวัฒนาการของสัตว์เหล่านี้ โดยทำให้การดำรงชีวิตของพวกมันมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ยิ่งไขมันในเนื้อของพวกมันสูงเท่าไร พลังงานก็เยอะขึ้นตามเท่านั้น ความสามารถในการว่ายน้ำก็ยิ่งแข็งแรงมากขึ้น และความสามารถในการดำรงชีวิตก็แกร่งขึ้นเช่นกัน ดังนั้นพลังโพไซดอนจึงทำให้ไขมันในเนื้อของพวกมันเพิ่มเยอะขึ้น
พอมาถึงฝั่งเมนล็อบสเตอร์ เนื่องจากในทะเลมีกุ้งมังกรแก๊ฟคี่อยู่ พวกมันจึงต้องการเปลือกที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อไว้ป้องกันตัวเอง ดังนั้นพวกมันจึงลอกคราบอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่กุ้งมังกรลอกคราบ เปลือกของมันก็จะแข็งและดีขึ้น
สิ่งที่สามารถยืนยันการคาดเดาของเขาได้ก็คือกุ้งมังกร ฟาร์มปลาต้าฉินมีกุ้งมังกรอยู่สองชนิด ชนิดแรกคือกุ้งมังกรสีรุ้ง เป็นพันธุ์ที่นำมาเลี้ยงเป็นกลุ่มแรก เปลือกของกุ้งมังกรชนิดนี้มีการเปลี่ยนสี สีสันของมันทำให้เหมือนหลงอยู่ในความฝัน เปลือกก็แข็งเป็นพิเศษจึงไม่กลัวการโจมตีและการแพร่ของเชื้อโรค พวกมันใช้เวลาที่ลอกคราบนาน การเจริญเติบโตก็เลยช้า
ส่วนพวกที่โตเร็ว เป็นกุ้งมังกรที่นำมาเลี้ยงทีหลัง เปลือกของมันไม่ได้เปลี่ยนสีรุ้ง ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นว่ามีความแตกต่างกับเมนล็อบสเตอร์ทั่วไปไม่มาก ความแข็งของเปลือกก็ต่างกันไม่มาก เช่นนี้จึงทำให้พวกมันเกิดการลอกคราบได้รวดเร็ว การเติบโตจึงเร็วมากขึ้น
ได้ฟังข้อสงสัยของบัตเลอร์ ฉินสือโอจึงพยายามอธิบายด้วยสีหน้าที่เป็นธรรมชาติ “เพื่อน เหตุผลมันก็ง่ายมาก กุ้งมังกรพวกนี้อยู่ในฟาร์มปลามาก่อนแล้วไง ฉันคิดว่านายควรจะรู้ไว้ ก่อนที่ฉันจะมา ฟาร์มปลาของฉันอยู่ที่นี่มาอย่างน้อยก็ยี่สิบปี หนำซ้ำในระยะเวลานั้นก็มีอยู่สิบปีที่ปล่อยว่างไว้!”
“ยี่สิบปีนี้ไม่มีคนมาตกปลาเลยเหรอ?” บัตเลอร์ถามด้วยความยากที่จะเชื่อ
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วตอบว่า “แน่นอนว่าไม่มี นี่เป็นฟาร์มปลาส่วนตัวของคุณปู่ฉัน บนเกาะเขาทั้งมีบารมีและชื่อเสียงใหญ่โต ถ้ายังไม่ได้รับคำอนุญาตจากเขา ชาวประมงก็ยอมที่จะออกไปทะเลไกล และจะไม่มาจับปลาที่ฟาร์มของเขา ดังนั้นตอนนี้ก็เลยมีกุ้งมังกรกับปลาทะเลเยอะขนาดนี้ไงล่ะ”
“ถือเป็นการลดภาระและฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติที่ประสบความสำเร็จจริงๆ” บัตเลอร์ถอนหายใจ “ฉิน ครั้งนี้ถือว่านายได้เปรียบ เป็นอะไรที่โชคดีมากจริงๆ เลยล่ะ ฉันล่ะอิจฉานายมากจริงๆ อิจฉาสุดๆ!”
พูดอย่างไรเขาก็ยังคงไม่เชื่ออยู่ดี “ถ้างั้นก็ไม่มีคนมาขโมยปลาเลยใช่ไหม? แต่ฉันคิดว่าเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น อาจจะไม่มีคนช่วยนายดูฟาร์มปลาก็ได้นะ”
ฉินสือโอวแอบด่าไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่รับมือยากอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้เพียงอธิบายต่อ “พวกเขาสามารถมาขโมยได้แหละ แต่ใครจะสนใจกุ้งมังกรราคาถูกกัน? นายรู้ไหม แต่ก่อนทุกปีแคนาดาสามารถนำกุ้งมังกรออกสู่ตลาดได้ถึงเจ็ดหมื่นตันเลยนะ!”
ในที่สุดบัตเลอร์ก็คล้อยตามไปกับเขา พลางพยักหน้าตามตอนที่ฉินสือโอวพูด
เพราะว่าชายฝั่งทะเลแคบและมีชาวประมงค่อนข้างน้อย แคนาดาจึงอุดมไปด้วยกุ้งมังกร การจับเมนล็อบสเตอร์ก็ครองจำนวนกุ้งมังกรอเมริกาเหนือเกินกว่าครึ่ง
ในจำนวนนั้นกุ้งมังกรประมาณเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์มาจากเรือจับปลาขนาดเล็ก พวกเขามักจะจับอยู่ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์กับเกาะนิวฟันด์แลนด์ โดยไม่จำเป็นต้องแอบขโมย สามารถจับได้อย่างเปิดเผยได้เลย
และถ้าหากไม่ใช่การมาทำร้ายกุ้งแก๊ฟคี่ การขโมยกุ้งมังกรก็ใช่ว่าจะได้กำไรอะไร แล้วอย่างนี้ใครจะยอมเสี่ยงให้ถูกจับได้ที่มาขโมยของที่ไม่มีกำไรแบบนี้กันล่ะ? ปลาอลาสก้าพอลล็อคกับปลาค็อดแอตแลนติกยังมีราคากว่าตั้งเยอะ
และนี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่บัตเลอร์บอกว่าฉินสือโอวโชคดี เขาเพิ่งรับช่วงกิจการฟาร์มปลามา ตลาดโลกกุ้งมังกรก็ผันผวนวุ่นวายไม่แน่นอน ทำให้เขาสามารถฉวยโอกาสนี้ทำกำไรก้อนโตได้พอดิบพอดี
ฉินสือโอเชิญบัตเลอร์มาที่วิลล่าเพื่อพักผ่อนดื่มกาแฟกัน แต่ชายหนวดเครารุงรังคนนี้กลับลากเก้าอี้มานั่งที่ท่าเรือแล้วพูดว่า “ไม่ๆ เพื่อน ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่ ฉันชอบฤดูใบไม้ร่วงของที่ฟาร์มปลามากกว่า”
“ฉันเคยไปมาก็หลายที่แล้ว เคยเห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ มาก็เยอะ แต่ฟาร์มปลาของนายทำให้ฉันได้เห็นน้ำทะเลที่สวยที่สุด ทุกครั้งที่เห็นน้ำทะเลใสๆ เป็นประกาย หัวใจดวงนี้ของคนที่ชอบหลงระเริงก็กลับมาสงบลงได้” ชายหนวดเครารุงรังเริ่มระบายความรู้สึกตัวเองออกมา
ฉินสือโอวจับไปที่หน้าผากเขาแล้วถามขึ้น “นายมีไข้หรือว่ามีอารมณ์อยาก…กันล่ะ?”
บัตเลอร์ “…”
……………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset