ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1111 ความกลัดกลุ้มของโลลิน้อย

เมื่อเกี่ยวข้องกับการจับปลา พวกชาวประมงมักจะเหนื่อยยากลำบาก การทำงานจับกุ้งล็อบสเตอร์ล็อตแรกดำเนินไปสองวันสองคืน ในช่วงเวลานี้ พวกชาวประมงจับกุ้งล็อบสเตอร์อยู่บนทะเล 24 ชั่วโมงต้องทำงานเกินกว่า 20 ชั่วโมง
ที่เหลืออีก 4 ชั่วโมง พวกเขาต้องพักผ่อนกินข้าวเข้าห้องน้ำ ที่ดีกว่าบนทะเลเล็กน้อย ก็คือข้าวที่กินเป็นข้าวร้อนๆ ที่คนในครอบครัวเป็นคนทำเอง ไม่ใช่ของที่ทำออกมาเหมือนขี้หมาผ่านการอุ่นด้วยไมโครเวฟบนทะเล
นี่เองก็ไม่มีทางอื่น หลังกุ้งล็อบสเตอร์ถูกจับออกมา ชีวิตก็เริ่มเข้าสู่การนับถอยหลัง จำเป็นต้องรีบเร่งเวลาการจับ จากนั้นก็ขนส่งพร้อมกัน แบบนี้ถึงจะเป็นการลดต้นทุนที่ดีที่สุด
ทำงานเสร็จสองวันสองคืน บัตเลอร์ยิ้มจากไปอย่างพอใจ เครื่องบินของเขาขนกุ้งล็อบสเตอร์สดไป 5 ตัน ที่เหลืออีก 20 กว่าตันก็ใช้วิธีการแช่แข็งอุณหภูมิต่ำมาจัดการขนส่งทางทะเลไปที่นิวยอร์ก
จัดการเรื่องเกี่ยวกับกุ้งล็อบสเตอร์เสร็จ วินนี่ให้ฉินสือโอวไปเยี่ยมดูเชอร์ลี่ย์หน่อย เห็นว่าอารมณ์ช่วงนี้ของสาวน้อยเหมือนจะหดหู่เล็กน้อย
ฉินสือโอวไม่อยากไป เขาเดาว่าเชอร์ลี่ย์คงจะเป็นช่วงมีรอบเดือน เพราะว่าอายุกำลังพอดี หัวข้ออย่างนี้เขาไม่สามารถพูดได้ จึงพึมๆ พำๆ ให้วินนี่ไปถามดู
วินนี่มองบนใส่เขาทีหนึ่ง พูดว่า “อย่าคิดไปเรื่อย ไม่ใช่เรื่องนี้ ฉันไม่รู้ว่าเชอร์ลี่ย์เป็นอะไร ถามเธอก็ไม่บอก คุณออกโรงจะดีกว่า”
ฉินสือโอวพูดอย่างแปลกใจว่า “ผมออกโรงแล้วจะมีประโยชน์อะไร? คุณยังถามออกมาไม่ได้ ผมยิ่งทำไม่ได้? เสน่ห์ของคุณเยอะกว่าผมมากนัก ผิวปากครั้งเดียว เจ้าตัวน้อยต่างก็ให้คุณเป็นแม่พวกมันหมดแล้ว”
ระหว่างพูดน้ำเสียงของเขามีความอิจฉาขึ้นมา ฉงต้าเดินมาขอให้เขาลูบอย่างอ้อยอิ่ง เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เจ้านี่เอาหน้าแนบวินนี่อย่างไม่สนใจตัวเอง จึงขยำหน้ามันแรงๆ แกล้งมันอย่างเต็มที่
ฉงต้าเป็นเจ้าแห่งป่าที่เจ้าอารมณ์ มันผลักแขนของฉินสือโอวออกอย่างไม่พอใจ อ้าปากย่นหน้า ทำสีหน้าท่าทางที่ดุมาก
เสียดาย เจ้านี่อ้วนเกินไป ตัวใหญ่พอแต่หน้าเองก็ยิ่งใหญ่ เนื้อบนหน้าสั่นอย่างนี้ นั่นมันมีแต่น่ารักไม่ได้มีความน่ากลัวเลย
ดังนั้นฉินสือโอวก็เลยจับมันมาแกล้งต่อ ครั้งนี้จับฉงต้าพลาด มันใช้แรงทั้งหมดหนีออกจากกรงเล็กมารของฉินสือโอว วิ่งเข้าไปในอ้อมกอดวินนี่อย่างน่าสงสาร เอาหัวมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเธอ ขอการปลอบประโลมเหมือนกับเป็นหญิงสาวที่ถูกรังแกอย่างไรอย่างนั้น
วินนี่ลูบขนของมัน ค้อนให้ฉินสือโอวทีหนึ่ง “อย่างรังแกลูกชายคนโตของฉันอย่างนี้! คุณพูดไม่ผิด เด็กๆ คิดว่าฉันเป็นแม่ ฉันก็คือแม่ของพวกเขา ใช่ไหมฉงต้า?”
เนื้อบนตัวของฉงต้าค่อนข้างเด้ง ใบหน้าใหญ่เหมือนกันกับหมีขน บีบขยำแล้วรู้สึกสบายมาก วินนี่เองก็เสพติด อุ้มฉงต้าบีบขยำหน้าอ้วนๆ ของมันขึ้นมาอย่างมีความสุข
นี่ทำให้ฉงต้าสะเทือนใจไม่หาย นี่มันเป็นถึงราชาแห่งสรรพสัตว์ในดงป่าเชียว ทำไมถึงชอบแกล้งมันเล่นอย่างนี้ประจำ?
แต่แขนสู้ขาไม่ได้ ฉงต้าหนีออกจากมือวินนี่ไม่ได้ จึงได้แต่มุดหัวเข้าไปในโซฟา เอาก้นยื่นให้วินนี่
เสี่ยวเถียนกวานอนอยู่บนโซฟาเรียนรู้การคลาน เงยหน้าขึ้นเห็นหูที่มีขนนุ่มกำลังขยับอยู่ ดังนั้นดวงตาจึงเป็นประกาย อ่าๆ อู่ๆ พยายามยกแขนขึ้น ใช้มือน้อยจับหูของฉงต้าแล้วดึงขึ้นมา
ฉงต้าเห็นอย่างนี้ ทั้งบ้านรวมหัวกันแกล้งตัวเอง ยิ่งรู้สึกเสียใจขึ้นมา ยังดีที่มือของเสี่ยวเถียนกวามีแรงไม่มาก สามารถให้เธอแกล้งนิดหน่อยได้
วินนี่ผลักฉินสือโอวให้เขาไปหาเชอร์ลี่ย์ แล้วบอกว่า “คุณเป็นถึงพี่ชายที่ใจดีของเธอนะ ไปเถอะ ถามดูว่าสาวน้อยเป็นอะไร หรือว่าจะมีความรักแล้ว?”
พอได้ยินแบบนี้ ฉินสือโอว ‘ชึบ’ เด้งขึ้นมา พูดอย่างโมโหว่า “อะไรนะ มีความรักแล้ว? เธอเพิ่งจะอายุเท่าไร ไม่ได้ มีความรักไม่ได้ ฉันจะต้องคุยกับเธอดีๆ”
สุดสัปดาห์ มิเชลฝึกซ้อมบอลภายใต้การชี้แนะของกัวซง กอร์ดอนเองก็ฝึกซ้อมเหมือนกัน แต่ว่าซ้อมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ส่วนพาวลิสก็กำลังเก็บซีบิสกิตของเขาไม่เปลี่ยนแปลง รถเอทีวีบอมบาร์เดียร์ขนาดเล็กคันนี้อยู่ในมือของพาวลิสเป็นการใช้ได้คุ้มค่าจริงๆ เก็บรักษาได้ดีมาก
ฉินสือโอวไปที่ห้องเชอร์ลี่ย์ โลลิต้ากำลังหมอบอยู่บนเตียงไม่รู้ว่ากำลังเปิดอะไรดูอยู่ ขาสวยยาวเรียวละมุนยกขึ้นแกว่งไปมา เต็มไปด้วยพลังแห่งความอ่อนเยาว์
ได้ยินเสียงเปิดประตู เชอร์ลี่ย์เงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นฉินสือโอว เธอก็นอนฟุบลงไปบนเตียงอีก ถามอย่างเนือยๆ ว่า “ไงคะ ฉิน มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ฉินสือโอวนั่งอยู่ข้างเตียง ยิ้มถามว่า “ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยปกติ เป็นอะไรไป สาวน้อยน่ารัก มีเรื่องกวนใจอะไรเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์เปิดสมุดภาพด้านหน้าตามใจ แล้วพูดว่า “ไม่ค่ะ ไม่มี ขอบคุณที่เป็นห่วง ฉิน หนูสบายดีค่ะ”
ฉินสือโอวช่วยเธอหวีผมสีทองที่กระจัดกระจายไปด้านหลังศีรษะ นิ้วมือไปแตะโดนผิวของโลลิต้า ฝ่ายหลังก็เขินขึ้นมาในทันที สะบัดหัวหลบไปข้างๆ ยกสมุดภาพขึ้นมาบังครึ่งหน้าไว้ พูดเหมือนโกรธว่า “ทำอะไรน่ะ ฉิน คุณเอาเปรียบหนู!”
น้ำเสียงนี้แทนที่จะเป็นการกล่าวโทษ บอกว่าเป็นการอ้อนจะดีกว่า ก็เหมือนกับกวางขาวตัวน้อยที่พบเข้ากับพื้นที่อุดมสมบูรณ์หนึ่ง กำลังแสดงความกลัดกลุ้มในความสุขอย่างดีใจ
ฉินสือโอวพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจึงพูดว่า “ฉันเป็นผู้ปกครองของเธอ ก็เหมือนพ่อของเธอ จะเอาเปรียบเธอได้อย่างไรกัน”
เชอร์ลี่ย์โยนสมุดภาพทิ้งแล้วเบะปาก มองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แล้วบอกว่า “สัปดาห์ที่แล้วพวกเราเพิ่งเรียนวิชาสังคมไปหนึ่งคาบ คุณครูบอกให้พวกเราระวังคุณลุงที่จิตใจ-ผิด-ปกติหน่อย มีพ่อบางคนก็ชอบลูกสาว”
ฟังโลลิต้ายิ่งพูดยิ่งไม่เข้าท่า ฉินสือโอวทำหน้าบึ้งแสดงความเกรงขามของหัวหน้าครอบครัวออกมา
เชอร์ลี่ย์ไม่พอใจขึ้นมาทันที สะบัดหัวอย่างกับป๋องแป๋ง “พอแล้วพอแล้ว เลิกทำเสแสร้งแกล้งทำได้แล้ว ทำไมคุณไม่ทำหน้าบึ้งใส่พี่วินนี่คะ? หนูเพียงแค่มีเรื่องกังวลนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก”
“ไม่ได้มีความรัก?” ฉินสือโอวถามอย่างสงสัย
เชอร์ลี่ย์หัวเราะ “กับใคร? เด็กน้อยพวกนั้นในโรงเรียนเหรอคะ?” พูดอย่างนี้ไปประโยคหนึ่ง อารมณ์เธอก็เปลี่ยนไป มองฉินสือโอวอย่างสงสัยแล้วถามต่อว่า “ใครบอกคุณว่าหนูมีความรักแล้วล่ะค่ะ? พี่วินนี่ใช่หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวรู้ว่าเด็กๆ หลายคนอาจจะมีนิสัยแปลกประหลาดต่างๆ แต่ไม่มีทางพูดโกหก รวมถึงกอร์ดอนด้วย เขาเพียงแค่เก็บซ่อนเรื่องราวซุกซนในโรงเรียนเอาไว้บ้าง แต่ถ้าหากถามเขา เขาก็ยังคงบอกความจริง
ตรงไปตรงมาและกล้าทำกล้ารับ โดยที่ฉินสือโอวทำเป็นแบบอย่าง สั่งสอนเด็กๆ พวกนี้ให้มีนิสัยที่ดี
ได้ยินเชอร์ลีย์บอกว่าไม่ได้มีความรัก ฉินสือโอวก็วางใจลงมา ตอบไปอย่างนั้นว่า “ใช่ พี่วินนี่ของเธอกังวลว่าเธอกำลังมีความรัก…”
เชอร์ลี่ย์รีบขัดคำของเขาทันที บนใบหน้ามีรอยยิ้มแปลกประหลาดนิดๆ เผยออกมา “เธอกังวลว่าหนูจะมีความรัก? ฮ่า คุณนี่โง่จัง พี่วินนี่หวังให้หนูรีบมีความรักที่สุด! แต่หนูไม่อยากมี หนูไม่อยากไปมีความรักกับเด็กโง่พวกนั้น น่าเบื่อมาก!”
ฉินสือโอวมองบนไปทีหนึ่ง เขาเข้าใจความหมายของเชอร์ลี่ย์ วินนี่ฉลาดขนาดนั้น ต้องดูออกว่าโลลิต้ามีอาการชอบพี่ชายเป็นธรรมดา แสดงออกในชีวิตประจำวัน ก็คือความรู้สึกที่มีต่อฉินสือโอว
แต่พูดก็พูดเถอะ วินนี่ฉลาดขนาดนั้น วิธีการยอดเยี่ยมขนาดนั้น เชอร์ลี่ย์เทียบกับเธอก็เป็นแค่ลูกไก่น้อยไร้เดียงสา จิ้งจอกอย่างเธอ ทำไมถึงได้กลัวลูกไก่น้อยมาแย่งอาหารกับตัวเองกันนะ?
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset