ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1112 พบกันในห้วงเวลาเก่า

ฉินสือโอวไม่สนใจความคิดฟุ้งซ่านของเชอร์ลี่ย์ เขาถามว่า “งั้นเธอเป็นอะไร กลัดกลุ้มเรื่องอะไร? บอกฉันหน่อย ให้ฉันช่วยเหลือเธอได้ไหม?”
เชอร์ลี่ย์ลุกขึ้นนั่ง บนใบหน้าแสดงสีหน้าเศร้าออกมา แล้วพูดอย่างโศกเศร้าว่า “หนูพบว่าหนูไม่มีทิศทางในชีวิตเลย…”
พอได้ยินแบบนี้ ฉินสือโอวเกือบจะหัวเราะ โลลิต้ากลายเป็นฮิปสเตอร์สาวแล้ว? ปัญหาเรื่องทิศทางในชีวิตแบบนี้ เขาไม่สามารถช่วยจัดการได้ เพราะว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าทิศทางในชีวิตของเขาเป็นอะไร
เชอร์ลี่ย์พูดต่อว่า “ที่จริงแล้ว หนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความฝันอะไร พาวลิสอยากเป็นนักแข่งรถ มิเชลอยากกลายเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลใน NBA ไวส์อยากเป็นผู้กล้าที่ผดุงความยุติธรรม มีแต่หนูที่ไม่มีความฝัน”
ฉินสือโอวปลอบโยนเธอว่า “ยังมีกอร์ดอนอีกคนไม่ใช่เหรอ?”
เขาขอโทษกอร์ดอนอยู่ในใจ มีแต่นายที่เป็นแพะได้
แต่สุดท้ายประตูถูกผลักออกในทันที มีหัวยื่นเข้ามาในห้องตะโกนว่า “เกี่ยวอะไรกับผม?”
คนคนนี้แน่นอนว่าคือกอร์ดอน
ฉินสือโอวถูกหัวที่ยื่นเข้ามากะทันหันทำให้ตกใจ เขาพูดว่า “นายยังมีมารยาทอยู่ไหม? เคาะประตูก่อนไม่ได้เหรอ?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่พอใจว่า “ผมจะออกไปซ้อมบอล ผ่านหน้าประตูห้องเชอร์ลี่ย์พอดีเลยได้ยินพวกคุณพูดชื่อของผม นี่ถึงได้อยากจะถามว่าเรื่องอะไร ก็ได้ ถ้าหากผมทำแบบนี้แล้วไม่มีมารยาท งั้นนินทาเยาวชนคนหนึ่งลับหลัง ถือว่ามีมารยาทเหรอครับ?”
พอเขาพูดจบ สมุดภาพเล่มหนึ่งบินมา เสียง ‘ฟิ้ว’ ทำให้กอร์ดอนตกใจกลัวจนรีบปิดประตูหนี
“พูดไร้สาระกับเขาเยอะแยะทำไมกันคะ?” เชอร์ลี่ย์พูด มีมาดราชินีน้อยนิดๆ ซะจริง
ฉินสือโอวบอกว่า “กอร์ดอนเองก็ไม่มีความฝันนะ ไม่ใช่เหรอ?”
เชอร์ลี่ย์ไม่พอใจขึ้นมา แล้วบอกว่า “ฉิน ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้? มีใครที่ปลอบคนอื่นแบบนี้กัน? เอาหนูไปเปรียบเทียบกับกอร์ดอน? ทำไมคุณไม่เอาหนูไปเปรียบเทียบกับฉงต้าเลยล่ะค่ะ?”
นอกประตูก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นอีก “เชอร์ลี่ย์ เธอหมายความว่าอย่างไร? เปรียบเทียบกับฉันแล้วทำไม? เปรียบเทียบกับฉันมันลดค่าในตัวเธอเยอะเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์ตะโกนเสียงดังว่า “ความคิดไกลแค่ไหน นายก็ไปให้ไกลเท่านั้น! ความเร็วแสงเร็วเท่าไร นายก็ไปให้เร็วเท่านั้น!”
นอกประตูกลับสู่ความสงบ ฉินสือโอวกระแอมไอเสียงหนึ่งกำลังจะพูด อยู่ๆ กอร์ดอนก็ตะโกนขึ้นมา “ฉันมีความฝัน! ฉันกับยัยบ้าเชอร์ลี่ย์นั่นไม่เหมือนกัน! ความฝันของฉันคืออยากกลายเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอันดับสองของโลก นักแข่งรถอันดับสอง…”
เชอร์ลี่ย์วิ่งออกไปเปิดประตูเหมือนอย่างกับกวางน้อย เสียงของกอร์ดอนค่อยๆ ห่างออกไป เห็นได้ชัดว่าทั้งสองต่างเข้าใจกันและกันมาก
เชอร์ลี่ย์กลับมาอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “ดูสิคะ กอร์ดอนเองยังมีความฝัน ยังมีเรื่องที่ตัวเองอยากทำเลย มีแต่หนูที่ไม่มี หนูก็เหมือนเด็กโง่ที่หลงทาง เดินไปอย่างมืดบอด แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองควรไปที่ไหน”
ปัญหานี้ ฉินสือโอวแก้ไขไม่ค่อยเป็น เขาทำซุปไก่เป็น แต่ว่าให้กำลังใจไม่เป็น ดังนั้นเขาเลยโยนปัญหานี้ให้กับวินนี่ เอาเรื่องที่เชอร์ลี่ย์กลัดกลุ้มไปบอกกับเธอ
หลังรู้ที่มาของเรื่องราว วินนี่ถอนหายใจว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ทำไมเธอถึงไม่ได้เป็นทุกข์เพราะมีความรัก?”
ฉินสือโอวเบิกตากว้างมองภรรยาตัวเอง หลังวินนี่รับรู้ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันล้อเล่นเฉยๆ! ก็ได้ ฉันรู้แล้วว่าเป็นยังไง ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายมาก ฉันจัดการเอง!”
สำหรับวิธีการของภรรยาตัวเอง ฉินสือโอวนั้นนับถือเป็นอย่างมาก ในเมื่อวินนี่บอกว่าไม่มีปัญหา งั้นก็คงไม่มีปัญหา
กินอาหารกลางวันเสร็จ เชอร์ลี่ย์กำลังจากไป วินนี่ก็เรียกเธอไว้ จากนั้นจึงหยิบไวโอลินคันหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่จะสอนไวโอลินให้เธอ ดีไหม?”
แน่นอนว่าไวโอลินคันนี้เป็นมรดกจากเรือไททานิกที่ได้รับยกย่องว่าเป็น ‘เสียงแห่งสวรรค์’ เครื่องดนตรีล้ำค่าชิ้นนั้นที่คุณวอลเลซ ฮาร์ตลีย์ใช้ก่อนเสียชีวิต
และเป็นเรื่องบังเอิญ ไวโอลินที่เอาออกมาครั้งที่แล้ว วินนี่ก็เอามาสอนโลลิต้า จากนั้นจำเป็นจะต้องเอาไวโอลินคันนี้ออกมาเพื่อเข้าสู่การบำรุงรักษา ทำให้เส้นทางการเรียนไวโอลินของโลลิต้าจึงต้องหยุดชั่วคราว ตอนนี้เริ่มต้นใหม่ ก็เริ่มต้นจากไวโอลินคันนี้อีก
ฉินสือโอวรู้สึกว่าระหว่างโลลิต้าและไวโอลินคันนี้มีพรหมลิขิตบางอย่างที่บอกไม่ถูก
แต่เห็นได้ชัดว่าโลลิต้าไม่ได้คิดอย่างนั้น พอเห็นไวโอลิน เธอก็ถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง “เฮ้อ…”
วินนี่ให้โลลิต้านั่งลง เปิดกล่องไวโอลินนำเสียงไวโอลินแห่งสวรรค์ออกมา ผ่านกระบวนการซ่อมบำรุงรักษาขัดเงาต่างๆ ไวโอลินคันนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก สีสันสดสว่าง ภายในหนาแน่น เผยให้เห็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ภายใต้ความแปลกใหม่ของยุคสมัย
มองดูไวโอลิน สายตาของวินนี่แสดงความอ่อนโยนออกมา ฉินสือโอวที่เป็นคนดูรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของวินนี่ในวินาทีนี้ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่บอกออกมาไม่ได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนจริง
“พี่จะเล่นให้เธอดูเพลงหนึ่ง เธอต้องตั้งใจดู ได้ไหม?” มือซ้ายวินนี่ถือไวโอลินวางไว้บนไหล่ที่เหมือนคันหยก มือขวาจับคืนชักไวโอลินเบาๆ มองไปที่เชอร์ลี่ย์อย่างอ่อนโยน
เชอร์ลี่ย์ทำการขัดขืนครั้งสุดท้าย “พี่วินนี่ ความฝันของหนูคือกลายเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลหญิงคนหนึ่ง งั้นหนูไม่เรียนไวโอลินได้เหรือเปล่าคะ แต่จะไปซ้อมบาสเกตบอลกับมิเชลแทน?”
วินนี่ยิ้มอ่อนอย่างมีเสน่ห์ พูดอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ได้!”
เชอร์ลี่ย์ “เฮ้อ…”
มือขวาของวินนี่ขยับช้าๆ คันชักบนสายไวโอลินขยับ เสียงไวโอลินที่ไพเราะดังขึ้นมา
ฉินสือโอวเข้าใจดนตรีไม่มาก แต่บทเพลงนี้ที่วินนี่แสดงมีชื่อเสียงมากเกินไป ดังนั้นตอนที่เสียงเพลงดังขึ้นเขาก็ฟังออกแล้ว แคนนอน!
เมื่อก่อนวินนี่ไม่เคยแสดงความสามารถด้านเครื่องดนตรีของเธอมาก่อน ฉินสือโอวเพียงแค่เคยฟังเธอร้องเพลง เสียงร้องไม่ได้เพราะมาก บอกได้เพียงว่าอยู่ในระดับกลางๆ แต่ในการแสดงเครื่องดนตรี อย่างน้อยก็ไวโอลิน ระดับของวินนี่สูงมาก
เสียงดนตรีอันไพเราะของแคนนอนดังขึ้น วินนี่หลับตาลง รูปกายอันเรียวสูงส่ายไปตามจังหวะ เสียงเพลงแต่ละบทราวกับสายน้ำใสบนภูเขาสูง หลั่งไหลออกมาไม่หยุด
เริ่มแรกฉินสือโอวเพียงแต่รู้สึกว่าไพเราะ แต่พอบรรเลงต่อไป อารมณ์ของเขาก็อดไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ตอนนี้วินนี่ลืมตาขึ้นมองเขา เขาเองก็จ้องมองวินนี่ แล้วฟังบทเพลงแคนนอนต่อไปอีก
ระหว่างนี้ เขานึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมามากมาย เริ่มแรกสุดคือการได้พบกับวินนี่บนเครื่องบิน ตอนนั้นแอร์โฮสเตสจับมือเขาเอาไว้ บรรเทาความกลัวของวัยรุ่นที่ออกเดินทางไกลครั้งแรกคนหนึ่ง
หลังจากนั้นวินนี่ก็มาเป็นแขกที่ฟาร์มปลา ทั้งสองเดินอยู่ท่ามกลางสายฝน ฝนตกพรำๆ ลมทะเลเย็นๆ บอกได้เพียงว่าเป็นการวางแผนจากพระเจ้า พวกเขาได้เจอกับหู่จือและเป้าจือ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาโชคชะตาของทั้งสองคนก็ผูกเข้าไว้ด้วยกัน
บทเพลงแคนนอนยิ่งบรรเลงยิ่งเร็ว ท่าทางของร่างกายวินนี่เริ่มขยับเยอะขึ้น ผมสีดำสนิทส่ายไปตามการขยับของร่างกาย ราวกับคลื่นทะเลแต่ละลูกที่กำลังซัดสาด
สิ่งที่ฉินสือโอวคิดยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ มายากลที่แสดงให้วินนี่ในสนามบิน เหตุการณ์การปล้นที่พบเจอตอนที่ไปพบเธอที่ไมอามี วินนี่ตั้งใจลาออกเพื่อมาดูแลความเป็นอยู่ของเขาที่เกาะแฟร์เวล ทั้งหมดทั้งมวลเหมือนกันกับเปิดเครื่องฉายภาพที่กำลังฉายฉากสำคัญต่างๆ ของเรื่องราวระหว่างพวกเขาเรื่อยๆ
บทเพลงจบลง วินนี่ค่อยๆ วางแขนขวาลง ดวงตาก็ยังคงจ้องมองกับฉินสือโอว ก็เหมือนกับพวกเขาได้พบกันในห้วงเวลาเก่าที่สวยงามอีกครั้ง รู้จักกันใหม่…
……………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset