ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1113 ใครกำลังเลื่อยไม้

บอกยากว่าจุดไหนที่ทำให้เชอร์ลี่ย์ประทับใจ หลังโลลิต้าฟังการบรรเลงของวินนี่ อยู่ๆ ท่าทีต่อไวโอลินของเชอร์ลี่ย์ก็เปลี่ยนไป ไม่ต่อต้านและไม่ชอบอีก แต่พอจะยอมรับเครื่องดนตรีชนิดนี้ได้บ้างแล้ว
“การเรียนไวโอลินไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจะต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง มีความมุ่งมั่นที่จะทำ ได้ไหม?” วินนี่ถามเชอร์ลี่ย์
โลลิต้าพยักหน้าอย่างแรง พูดราวกับสาบานว่า “หนูจะต้องกลายเป็นนักไวโอลินหญิงที่เก่งที่สุดในโลก อ้าไม่ เป็นนักไวโอลินที่เก่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง!”
ฉินสือโอวเข้ามาสวมกอดวินนี่ไว้ บอกว่า “ที่รัก ฝีมือของคุณสุดยอดจริงๆ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมเมื่อก่อนคุณไม่ไปเป็นนักไวโอลิน แต่เป็นแอร์โฮสเตส”
วินนี่ยิ้มหวานกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคุณรักฉัน ดังนั้นคุณเลยสามารถฟังความรู้สึกของฉันได้จากเสียงเพลงของฉัน ความจริงแล้วฝีมือของฉันอยู่ในระดับกลางๆ นั่นแหละ ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ฟังคงรู้สึกว่าฉันกำลังเลื่อยไม้อยู่แน่ๆ”
เห็นทั้งสองคนพลอดรักกันในที่สาธารณะอีกแล้ว เชอร์ลี่ย์กระแอมไอออกมาครั้งหนึ่ง แล้วบอกว่า “พี่วินนี่ พี่รีบสอนหนูเล่นไวโอลินเถอะค่ะ”
วินนี่ยิ้มแล้วผลักฉินสือโอวออก เธอเอาไวโอลินให้เชอร์ลี่ย์ ฝ่ายหลังก็รีบเลียนแบบแบกไวโอลินไว้บนไหล่
ท่าทางไม่มีปัญหาอะไร แต่ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าไม่ใช่ ตอนที่วินนี่กำลังยกไวโอลินดูราวกับแม่ที่อุ้มลูกอยู่ เป็นธรรมชาติและสมดุลเข้ากัน เชอร์ลี่ย์ล่ะ? เธอแบกไวโอลินไว้ เหมือนกับแบล็คไนฟ์แบกปืนอยู่อย่างนั้นแหละ
ดุดันอย่างมาก!
แต่โลลิต้ากลับยังไม่รู้ตัว วางท่าเสร็จก็พูดอย่างอารมณ์ดีว่า “พี่วินนี่ พี่ดูท่าทางหนูเป็นอย่างไรคะ?”
วินนี่ยิ้มตอบ “ไม่เลวเลย ตอนนี้ฉันจะสอนบทเรียนบทหนึ่ง นั่นก็คือแนะนำไวโอลินเครื่องดนตรีประเภทนี้ก่อน แนะนำกฎทั่วไปของนักบรรเลงไวโอลินก่อน”
เธอหยุดสักครู่ก่อนพูดต่อว่า “นักบรรเลงไวโอลินเทียบกับนักร้องแล้ว มีข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งโดยกำเนิด เส้นเสียงของนักร้องอยู่บนตัว เครื่องดนตรีของนักบรรเลงไวโอลินเป็นสิ่งของนอกกาย อยากจะทำให้เสียงไวโอลินเข้าใกล้เสียงเพลง ก็จำเป็นจะต้องให้ไวโอลินหลอมรวมเข้ากับร่างกาย เข้าใจหรือเปล่า?”
เชอร์ลี่ย์คงจะรู้ว่าตัวเองทำผิด ดังนั้นจึงออกแรงกดไวโอลิน ให้มันกับไหล่ของตัวเองเข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงถามว่า “แบบนี้ล่ะค่ะ?”
“แบบนี้ระหว่างไวโอลินและคอของเธอสามารถให้บุชบินผ่านได้ไหม” วินนี่กล่าว เธอช่วยเชอร์ลี่ย์แก้ไขท่าที่ถูกต้อง ให้ไวโอลินยิ่งติดกับคอ “เธอจะต้องรู้สึกว่าไวโอลินคันนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเธอ คันชักเหมือนกลายเป็นมือขวาที่ยื่นออกมา แบบนี้ถึงจะถูก”
ช่วยจัดแจงท่าทางให้เชอร์ลี่ย์เสร็จ วินนี่พาเธอไปที่ห้อง ให้เธอยืนมองตัวเองในกระจก
โลลิต้าใช้สายตาชื่นชมมองดูตัวเองในกระจก พูดอย่างดีใจว่า “สวยมาก ใช่ไหมคะ?”
วินนี่บอกอย่างสบายใจว่า “แน่นอน แต่ว่าฉันหวังว่าครึ่งชั่วโมงถัดมา เธอยังจะพูดกับฉันอย่างนี้นะ”
“หมายความว่าไงคะ?”
“รักษาท่านี้ไว้ครึ่งชั่วโมง”
“พระเจ้า!” เชอร์ลี่ย์หน้าถอดสีในทันที
สุดท้ายอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การฝึกทหาร วินนี่เพียงแค่ขู่โลลิต้าเท่านั้น หลังให้เธอทำท่านี้หน้ากระจกสิบนาที ก็ให้เธอวางไวโอลินลงแล้วพักผ่อนสักครู่
รักษาท่านี้สิบนาที โลลิต้าก็ทนไม่ไหวแล้ว สุดท้ายแขนของเธอสั่นขึ้นมา รอจนเธอวางลง ก็มีท่าทียกไม่ขึ้นแล้ว
วินนี่ช่วยนวดให้เธอ ก่อนหน้าสิบนาทีเธอได้เตรียมถุงน้ำแข็งไว้ เอามาใช้ในการประคบเย็นให้กับเชอร์ลี่ย์
หลังจากพักผ่อนเสร็จ เธอให้เชอร์ลี่ย์ทำท่าจับไวโอลินหน้ากระจกอีกครั้ง พอโลลิต้ายกขึ้น ตัวเองก็รู้สึกว่าไม่ถูก ขมวดคิ้วขึ้นแล้วส่ายหน้า ปรับอยู่สักพักให้ท่าทางสบายเป็นธรรมชาติขึ้นมา
พอเห็นภาพนี้ ในดวงตาของวินนี่มีประกายแปลกประหลาดนิดๆ เธอช่วยเชอร์ลี่ย์ปรับแก้ท่าทางนิดหนึ่งแล้วพูดว่า “ที่รัก พรสวรรค์ของเธอทำให้ฉันประหลาดใจ ตั้งแต่ฉันรู้จักไวโอลินจนกระทั่งทำท่าที่ถูกต้องได้ ฝึกฝนมาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เธอใช้เวลาไปแค่สิบนาทีเท่านั้นเอง!”
เชอร์ลี่ย์ในใจรู้สึกได้ใจ บอกกับตัวเองให้พยายามรักษาสีหน้าเอาไว้ ที่จริงแล้วใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความดีใจตั้งนานแล้ว ขาดเพียงแค่บอกคนรอบข้างเท่านั้น ชมหนูสิ ชมหนูเยอะๆ สิ
ในเมื่อเชอร์ลี่ย์เรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว วินนี่จึงได้เร่งความเร็วขึ้น “ใช้หางม้าสีสายไวโอลิน ทำให้ไวโอลินเกิดเสียงออกมาก นี่เป็นก้าวแรกของนักบรรเลงไวโอลิน เธอต้องจำไว้ว่า ตอนที่หางม้าสีบนสายไวโอลินจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความมากน้อยของความขัดแย้ง ความเร็วของคันชักรวมถึงการจัดที่โดนและองศาต่างๆ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยต่อการเกิดเสียง”
“ดังนั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่ คันชักจะต้องตรง เรียบ นิ่ง แบบนี้ถึงจะจัดการความขัดแย้งทุกอย่างได้ เกิดเป็นเสียงที่สม่ำเสมอ ถูกต้องและไพเราะ…”
วินนี่อธิบายความรู้พื้นฐานง่ายๆ เชอร์ลี่ย์กลายเป็นนกยูงน้อย กำลังได้ใจไม่น้อย เธอฟังวินนี่พูดจนจบ แล้วถามว่า “พี่วินนี่ แคนนอนที่พี่บรรเลงเมื่อครู่นี้ เป็นบทเพลงไวโอลินที่ยากที่สุดหรือเปล่าคะ?”
วินนี่ส่ายหัว กล่าวว่า “ไม่ใช่หรอก แคนนอนเป็นหนึ่งบทเพลงไวโอลินที่คลาสสิคที่สุด ขอเพียงเต็มไปด้วยรัก บทเพลงนั้นเล่นออกมาก็จะไม่มีทางไม่เพราะ”
“งั้นที่ยากที่สุดคืออะไรคะ?” เชอร์ลี่ย์ถามด้วยความคาดหวัง
วินนี่คิดสักพัก แล้วบอกว่า “เสียงสูงต่ำไม่เหมือนกัน ตำแหน่งของคีย์ไม่เหมือนกัน ความยากของบทเพลงก็ไม่เหมือนกัน สำหรับมือใหม่แล้วล่ะก็ ที่ยากที่สุดน่าจะเป็น ‘Ciocarlia’ ผลงานของนักประพันธ์เพลงอัจฉริยะดีนิคูชาวโรมาเนีย”
‘Ciocarlia’ เป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของดีนิคู เป็นบทเพลงเสียงสั่นของไวโอลินเสียงสูงสาย E ที่ไม่เหมือนใคร
บทเพลงนี้ใช้เทคนิคเสียงสั่นที่ใช้นิ้วเลื่อนขึ้นลงอย่างชาญฉลาด ด้วยท่วงทำนองที่สดใสร่าเริง เสียงเปียโนบรรเลงประกอบที่กระชับและมีชีวิตชีวา แสดงให้เห็นนกกระจาบแย่งกันขับขานในป่า แสงแดดเฉิดฉาย บรรยากาศราวกับภาพเขียน
เพราะว่าต้องการแสดงภาพของนกกระจาบแข่งกันขับขาน ดังนั้นความต้องการต่อเสียงสั่นค่อนข้างสูง ต้องการให้ผู้บรรเลงสามารถแสดงทักษะเสียงสั่นที่เหมือนเกือบจะเป็นทักษะเทพ
วินนี่แนะนำบทเพลงนี้ เชอร์ลี่ย์พูดอย่างทะเยอทะยานว่า “งั้นพี่สอนหนูเล่นเพลงนี้ได้หรือเปล่า?”
ได้ยินแบบนี้ วินนี่ยิ้มแล้วบอกว่า “ได้แน่นอน แต่ว่าฉันต้องสอนเธอสีให้ดังก่อนไม่ใช่เหรอ? ก็เหมือนเธอยังเรียนพูดไม่ได้ จะสามารถร้องเพลงที่ไพเราะได้อย่างไรล่ะ?”
เชอร์ลี่ย์ถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พรสวรรค์อย่างหนูก็ไม่ได้เหรอคะ?”
วินนี่ยิ้มแล้วบอก “มีเพียงแต่พระเจ้าที่ทำได้”
เชอร์ลี่ย์จึงได้แต่เริ่มต้นใหม่ จากนั้นวินนี่สอนเธอว่าจะสีให้เกิดเสียงอย่างไร
ในมือของวินนี่ ไวโอลินก็เหมือนเต็มไปด้วยเอลฟ์ตัวน้อยที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ คันชักขยับ ส่งเสียงต่างๆ อันไพเราะออกมาไม่ขาดสาย
แต่พอถึงมือของเชอร์ลี่ย์ พอเธอดังคันชัก เสียงสูงแสบแก้วหูเสียงหนึ่งก็ดังออกมา…
“ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ เชอร์ลี่ย์ ดูที่นิ้วของฉัน เป็นหรือยัง? เธอมา”
เสียงยังคงแสบแก้วหู
“ยังคงมีปัญหานิดหน่อย ตามท่าทางของฉันนะ”
เสียงดีขึ้นหน่อยแล้ว แต่ก็ยังคงแสบแก้วหู
ฝึกไปไม่นาน เหล่าเสือหมีหมาที่นั่งฟังอยู่รอบข้างต่างก็ทนไม่ไหวแล้ว ต่างก็วิ่งหนีออกไปกันหมด
ใบหน้าเถียนกวาย่นเข้าด้วยกัน เธอออกแรงแขนขาอยู่บนโซฟา ไม่คาดคิดว่าจะคลานขึ้นมาได้นิดหน่อย คลานไปด้านหน้า ดูท่าทางก็อยากจะหลีกหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยเหมือนกัน
พวกชาวประมงเดินผ่านหน้าประตู ได้ยินเสียงในบ้าน ซีมอนสเตอร์ยื่นหน้าเข้ามาถามว่า “ไง บอส คุณกำลังเลื่อยไม้อยู่เหรอครับ? ต้องการให้พวกเราช่วยหรือเปล่า?”
โลลิต้าสิ้นหวังแล้ว!
…………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset