ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 166 สถานการณ์ในไมอามี

บทที่166 สถานการณ์ในไมอามี
โดย
Ink Stone_Fantasy

พอคนทั้งสองโผล่มา คนในร้านก็เริ่มแตกตื่น กระทั่งพวกเขายกปืนขึ้น พวกผู้หญิงจึงกรีดร้องพร้อมเสียงโต๊ะเก้าอี้ที่ชนกันวุ่นวายดังไม่หยุด
ฉินสือโอวตาเร็วมือไวรีบดึงเหมาเหว่ยหลงหลบใต้โต๊ะ แม้การกระทำนี้จะค่อนข้างหน้าไม่อาย แต่จะให้รนหาที่ตายหรือไง? ถ้าเกิดโดนโจรจับเป็นตัวประกันแล้วถูกกระสุนลูกหลงตายขึ้นมา นั่นแหละที่ไม่คุ้ม!
ตั้งแต่ได้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมา ฉินสือโอวก็ตระหนักว่าตอนนี้เขาต้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะเอาตัวรอดไม่ว่าต้องเจอกับสถานการณ์อะไร เขาจะรักษาชีวิตตัวเองเป็นอันดับแรก
ถ้าภูเขายังถูกพลิก จะยังมีลมอะไรมาจุดไฟได้กัน?
เหมาเหว่ยหลงใจเย็นมาก เขาถามอย่างปวดหัวว่า “รอบนี้นายคงไม่ได้จ้างใครมาแสดงอีกใช่ไหม?”
ฉินสือโอวรีบตอบเสียงเบา “เงียบน่า ฉันจะแสดงบ้าอะไร! ถ้าใครมันมาเล่นแบบนี้ในไมอามี นั่นไม่ใช่การแสดงแล้ว แต่เป็นของจริง!”
ปกติฉินสือโอวชอบเล่นมีดเล่นปืน เวลาเล่นเขาจะรู้สึกมีอำนาจและเหมือนได้ปลดปล่อยยามควบคุมอาวุธพวกนั้น ตอนนี้มาโดนคนจ่อปืนใส่บ้างถึงได้รู้ว่ามันอึดอัดแค่ไหน
ถ้าไม่ได้มาเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนสีดำสนิท คงไม่มีทางรู้ว่าการที่ความตายมาแสยะยิ้มอยู่ด้านข้างจะน่ากลัวขนาดนี้!
ทำฉินสือโอวนึกถึงครั้งที่เขาแกล้งเหมาเหว่ยหลงไปหนักมาก ตอนเหมาเหว่ยหลงโดนจ่อปืนบนรถ เขาไม่ร้องโวยวายหรือถ่ายราดเลย ช่างเป็นชายใจแกร่งจริงๆ
โชคดีที่โจรสนใจแค่เงินไม่ได้คิดจะฆ่า เรมิงตันจ่อไปยังทุกคน ชายถือปืนพกนำถุงใบหนึ่งโยนให้แคชเชียร์แล้วคำรามใส่ “แกไอ้ดำ รีบใส่เงินมาให้ฉันเร็ว! ฉันให้เวลาแกสิบห้าวินาที ถ้าช้าแม้แต่วิเดียวฉันยิงแกเละแน่!”
แคชเชียร์คนนั้นรวดเร็วมาก พอโดนปืนจ่อหน้าผาก เขาก็ดึงเงินออกจากลิ้นชักคิดเงิน เอาเงินทั้งหมดใส่ถุงแล้วส่งให้โจรอย่างไว
เหมาเหว่ยหลงที่หลบอยู่ใต้โต๊ะได้เห็นความเร็วของมือแคชเชียร์ก็อ้าปากค้าง เอ่ยว่า “ถ้าคนนี้เล่นแอลโอแอล ต้องอยู่แรงค์บีแน่เลย!”
ฉินสือโอวกลอกตาอย่างอดไม่ได้ เจ้าหมอนี่เวลาอย่างนี้ยังจะคิดเรื่องเล่นๆ ได้อีก?
แต่เรื่องนี้สำหรับคนทั่วไป เหมือนหนึ่งครั้งในรอบร้อยปี การจะได้พบสักครั้งในชีวิตก็ไม่ต่างจากการสุ่มซื้อลอตเตอรี่ ฉินสือโอวไม่คิดว่าตัวเองจะดวงดีขนาดนี้เช่นกัน เพิ่งถึงไมอามีก็ได้มาเจอฉากในหนังฮอลลีวูดเข้าเสียแล้ว
น่าเสียดายแต่ก็เป็นโชคดีที่หนังฮอลลีวูดกำลังเข้าสู่ตอนจบ เมื่อมันได้เงินเรียบร้อยก็ยกเรมิงตันขึ้นยิงใส่เพดานนัดหนึ่ง จากนั้นอาศัยควันพรางและความวุ่นวายของผู้คนที่แตกตื่นกรีดร้อง ขึ้นกระบะจีเอ็มซีหนีหายไป
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “รีบโทรเรียก 911 เร็วเข้า!”
ฉินสือโอวผ่อนลมหายใจ พอหันไปเขาก็ต้องเจ็บใจ เหมาเหว่ยหลงช่างเป็นคนกล้าหาญจริงๆ เวลานี้ยังถือมือถือถ่ายวิดีโอไว้อีก!
“ได้โอกาสเนียนอีกแล้ว” เหมาเหว่ยหลงเอ่ยอย่างพอใจ
ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวูดตรงที่มีการยิงกราดตอนเผชิญหน้ากับโจร หลังกดโทร 911 ไม่เกินห้าหกนาทีก็มีรถตำรวจคันหนึ่งขับเข้ามา
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงถูกกักตัวที่ร้านเบอร์เกอร์ ทั้งแคชเชียร์กับพนักงานเสิร์ฟไม่ยอมให้ไปเพราะพวกเขาถือเป็นพยานในเหตุการณ์
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงจึงเข้าสถานีตำรวจอเมริกาไปด้วยกัน ดีที่พวกเขาเป็นพยานและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พวกตำรวจเลยแสดงความเป็นมิตรด้วย เข้าโรงพักไปก็มีคนรีบมาเสิร์ฟกาแฟให้
สถานะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีข้อดีย่อมมีข้อเสีย ข้อดีคือพวกตำรวจจะไม่กดดันพวกเขา ข้อเสียคือถ้าบันทึกคำให้การแล้วพวกเขาก็ไปไหนไม่ได้
พวกเขาเป็นคนผิวเหลืองเพียงสองคนที่อยู่ร้านเบอร์เกอร์ในเวลานั้น พนักงานเสิร์ฟคอยมองพวกเขาอยู่ตลอด ซึ่งมีพนักงานคนหนึ่งที่พอฟังภาษาจีนได้ แล้วแจ้งตำรวจว่าหลังทั้งสองเข้ามาในร้านก็มีการพูดคำว่า ‘ปล้น’ และเรื่องอื่นๆ อีก
ฉินสือโอวชะงัก เขารีบอธิบายตำรวจว่า มาอเมริกาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอลเพื่อการกุศลในโครงการมะเร็งสมองบอสตันต่างหาก พวกตำรวจจึงทำการกักตัวชั่วคราว และบอกว่าพวกเขาสามารถโทรติดต่อให้ทางบอสตันช่วยดำเนินการได้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรถึงจะยอมปล่อยตัว
เหมาเหว่ยหลงถ่ายเซลฟี่อยู่อีกด้าน พร้อมพูดจาเสียดสี “ดูสิ ปากพล่อยของนาย ทำเรื่องใหญ่กว่าเดิมอีกไหม? ไม่ใช่ว่านายวางแผนมาเซอร์ไพรส์แม่สาวแอร์คนนั้นหรือไง? เฮ้อ เดี๋ยวได้เซอร์ไพรส์จริงๆแน่”
ฉินสือโอวนั่งลงอย่างหดหู่ เขาโทรหาเออร์บัก ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบเตรียมจองตั๋วเครื่องบินมาไมอามีทันที บอกให้เขาไม่ต้องร้อนใจไป เรื่องนี้จัดการง่ายมาก
แต่ฉินสือโอวไม่กล้าเสี่ยงให้ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นฟูดีของเออร์บักต้องเหนื่อยจากการเดินทาง จึงบอกว่าเออร์บักไม่ต้องมาเองก็ได้ เรื่องเล็กๆ นี้ แค่ให้ทางโรงพยาบาลใหญ่ทั้งห้ากับเอ็นบีเอที่เป็นผู้จัดงานออลสตาร์เพื่อการกุศลช่วยยืนยันกับตำรวจก็พอแล้ว
จากนั้น ภายในห้องสอบปากคำเดี่ยว ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงก็รอจนบ่าย พวกตำรวจไม่ได้ทำพวกเขาอึดอัดเลย แถมช่วยเสิร์ฟกาแฟกับโดนัท ถึงขั้นมีตำรวจสาวคนหนึ่งมาถามด้วยว่าต้องการวายฟายไหม
“เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอารยธรรมจริงๆ” เหมาเหว่ยหลงที่เกิดมากับตำรวจประเทศโลกที่สามเหมือนได้เปิดโลก แต่ตำรวจประเทศตัวเองก็ปฏิบัติกับชาวต่างชาติดีแบบนี้พอกันนี่ ไม่ใช่ว่านั่นเป็นเรื่องปกติของโลกอยู่แล้วหรือ?
ตอนห้าโมงครึ่ง ตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูเข้ามาถามว่า “คนไหนคือ SHINOU-QIN?”
ฉินสือโอวยกมือขึ้นอย่างอ่อนแรง ตำรวจกวักมือเรียก “พวก ตามผมมา มีคนอยากพบคุณน่ะ”
“แล้วผมล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงถาม
ตำรวจนายนั้นยักไหล่ ตอบ “คุณอยู่ต่อไปก่อน จะเติมกาแฟอีกแก้วไหม?”
ฉินสือโอวออกไป ก็เห็นร่างงดงามกำลังรอเขาอย่างกระวนกระวายในโถงสถานี ไม่ใช่วินนี่แล้วจะเป็นใครล่ะ?
สภาพวินนี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร หายใจหอบ ผมสวยยุ่งเหยิง และยังแต่งชุดไม่เข้ากันซึ่งผิดกับภาพลักษณ์แอร์โฮสเตสสาวสวยที่ดูแลตัวเองอย่างดี ด้านบนสวมเสื้อแขนชีฟองลายใบบัวที่ดูประณีตหรูหรา แต่ด้านล่างกลับเป็นกระโปรงสูทแอร์โฮสเตสสายการบินแคนาดาสีน้ำเงินเข้ม บนขาเปลือยสวยมีรอยเปื้อนฝุ่น เหมือนเหยียบคันเร่งรถมา
พอเห็นฉินสือโอว คิ้วที่ขมวดมุ่นของวินนี่ก็คลายลง เธอถอนหายใจ แล้วพูดด้วยความโมโหทั้งน้ำตาคลอว่า “เฮ้ คุณเจ้าของฟาร์มปลา เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว ยังไม่คิดจะโทรหาฉันอีกเหรอ? คุณนี่มันมั่นหน้าแล้วก็แอบโง่อะไรอย่างนี้!”
ทีแรกฉินสือโอวไม่รู้ว่าวินนี่โกรธทำไม รอจนเธอพูดจบ ถึงเข้าใจเหตุผล
วินนี่พูดว่า “ถ้าเกิดฉันไม่ได้ดูทีวีตอนอยู่ห้องเปลี่ยนเสื้อ คงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องน่ากลัวแบบนี้! พระเจ้า คุณรู้ไหมว่าเคเบิลทีวีของไมอามีนำเสนอพวกคุณยังไง? รูปขาวดำของคุณกับเพื่อน! ใช่ บ้าเอ้ย รูปขาวดำเลยนะ! ฉันคิดว่า ฉันคิดว่า…”
พูดอะไรไม่ออก วินนี่โบกแขนไปมา กัดฟันเม้มปากจ้องฉินสือโอว แล้วยกเท้ากระทืบพื้นเต็มแรง แต่ลืมไปว่าเธอเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นสูงหลังลงจากเครื่องมา ส้นสูงจึงกระแทกเข้าเท้าเบาๆ
ฉินสือโอวรีบเข้าไปประคองเธอ ในใจรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนที่แผ่ซ่าน เขาพูดเสียงเบา “ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง จริงสิ คุณเพิ่งลงจากเครื่องมาใช่ไหม?”
วินนี่ย่นจมูกใส่เขา ตอบว่า “ใช่สิ คุณไม่เห็นเหรอว่าชุดฉันยังเปลี่ยนไม่เสร็จเลย”
ฉินสือโอวพูดอย่างอดไม่ได้ “คุณยังอยู่บนเครื่อง แล้วผมจะโทรหาคุณได้ยังไงเล่า?”
วินนี่นิ่งไป ฉินสือโอวดึงมือเล็กๆของเธอ พลางเอ่ยเบาๆ “ยิ่งเกิดเรื่องนี้ จะให้ผมโทรหาคุณได้ไงกัน? ผมปลอดภัยดี ไม่เป็นอะไร ซึ่งผมรู้ดีแต่คุณไม่ ผมเลยไม่อยากทำให้คุณกังวลเปล่าๆ อย่างที่ผมวิดีโอบอกเมื่อวันนั้น ผมหวังว่าเวลาที่คุณอยู่กับผม คุณจะมีแต่ความสุข”
ภายในโถงออฟฟิศมีตำรวจที่กำลังทำงานอยู่ไม่น้อย พวกที่ได้ยินคำพูดของฉินสือโอวจากด้านข้างพร้อมใจกันยกนิ้วโป้งให้เขา กดไลก์ให้เลย เจ้าหนุ่มช่างจัดการสาวได้อยู่หมัดจริงๆ
……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset