ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1127 จันทร์กระจ่างลอยเด่นเหนือท้องทะเล

กำจัดส่วนหัว หาง ไส้รวมถึงเมือกสีดำข้างในท้องปลาไส้ตันเสร็จ ฉินสือโอวล้างทำความสะอาดมันอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็หั่นออกเป็นหกท่อน
ชาวแคนาดามักจะใช้วิธีการทอดในการปรุงปลาไส้ตัน แต่นี่ไม่ใช่ไอเดียที่ดี รสชาติอาจจะเยี่ยมยอดมาก ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะพวกเขาชอบทานปลาทอดน้ำมัน ทว่ามันจะส่งผลกระทบกับสารอาหาร โดยเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวในเนื้อปลา ที่จะถูกน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูงทำลายได้ง่ายมาก
ฉินสือโอวนำปลาตัวนี้มาตุ๋นเป็นซุป ขณะตั้งครรภ์วินนี่ทานซุปอาหารทะเลจนอ้วก ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงเตรียมเต้าหู้มาด้วย อีกทั้งยังเป็นเต้าหู้แช่แข็งแบบที่วินนี่ชอบทาน เก็บมันไว้ในตู้เย็นของเรือฮาวิซท คราวนี้แค่หยิบมันออกมาตุ๋นเป็นซุปรวมกันกับปลาไส้ตันก็โอเคแล้ว
ในเตาไฟ เปลวไฟภายใต้ลมทะเลที่พัดผ่านส่งเสียงฟู่ๆ พุ่งออกมาข้างนอก แค่แป๊บเดียวฝาปิดหม้อตุ๋นซุปก็กระตุกๆ กึกๆ กึกๆ ขึ้นมา กลิ่นปลาไส้ตันสดๆ กับกลิ่นเต้าหู้หอมๆ ฟุ้งกระจายไปรอบๆ พร้อมกัน ตอนกลางคืนที่มีลมทะเลพัดแรงขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถพัดกลิ่นหอมนี้ให้หายไปได้
วินนี่เข้ามานั่งดม แล้วพูดกับฉินสือโอวด้วยความตกตะลึง “หอมมากๆ เลย”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขากอดเอวบางของเธอให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกอย่างเบาๆ หลังจากนั้นก็พูดกับเธอว่า “ถ้าคุณชอบ งั้นผมจะทำให้คุณกินทุกวันเลย”
วินนี่พิงอกของเขาไว้ แล้วเงยหน้าพูดกับเขาว่า “ทุกๆ วันไม่ว่าคุณจะทำอะไรให้ฉันกิน ฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละค่ะ”
ฉินสือโอวอยากถามเธอมากๆ ว่าแล้วถ้าเป็นขี้หมาล่ะครับ แต่เขาคิดว่าถ้าถามออกไปตอนนี้ วินนี่จะต้องเตะเขาลงไปในทะเลแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงทำตัวว่าง่ายๆ แล้วหุบปากของตัวเองซะ
มื้อค่ำ คนสองคนทานอาหารได้ไม่มากเท่าไร ฉินสือโอวทำอาหารสองจาน วินนี่ทำสเต๊กเนื้อ และนำมักกะโรนีอบกับแอปเปิลและมันฝรั่ง ยังมีแอปเปิลครัมเบิลที่นำมาจากบ้าน ปูเสื่อปิกนิกให้เรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มทานอาหารกัน
ฉินสือโอวคิดว่าการเป็นคนรวยเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ มีหลายสิ่งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยได้สัมผัส อย่างเช่นเสื่อปิกนิกอันนี้ มันเป็นเสื่อที่มีลักษณะเป็นรูปวงแหวนตรงกลาง บริเวณตรงกลางสามารถวางกระถางจุดไฟเพื่อก่อไฟแคมป์ได้
ก่อไม้สนแต่ละท่อนๆ ขึ้นมา เมื่อมีลมทะเลพัดมาหลังจากจุดไฟแล้ว เปลวไฟก็จะลุกโชนขึ้น ความรู้สึกเหน็บหนาวในตอนกลางคืนกับไอชื้นของทะเลก็จะถูกไล่ออกไปจนหมดจด
พระอาทิตย์หายลับลงไปในหุบเขา ดวงจันทร์เต็มดวงลอยสูงขึ้น ที่วินนี่ตัดสินใจออกทะเลวันนี้ ก็เป็นเพราะเวลาผ่านมาถึงช่วงกลางเดือนแล้ว สามารถมองเห็นพระจันทร์เต็มดวงที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดได้แล้ว ในเวลานี้พระจันทร์ที่อยู่บนทะเลจะงดงามที่สุด
แสงจันทร์สีเงินส่องสว่างลงมาด้านล่าง ลมทะเลพัดผ่าน คลื่นทะเลม้วนตัวเป็นชั้นๆ แสงจันทร์ส่องกระทบผิวน้ำ ทำให้ฟองคลื่นกลายเป็นประกายสีเงินระยิบระยับ ราวกับทาผิวอะลูมิเนียมไว้หนึ่งชั้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ บนทะเลก็เริ่มมีหมอกลงแล้ว ในค่ำคืนที่เงียบสงัดแบบนี้ รวมกับหมอกที่ตกลงมาจึงยากที่จะเลี่ยงอากาศที่หนาวเย็น
หลังจากเสี่ยวเถียนกวากินอิ่มจนพุงกางก็เล่นต่ออีกสักพัก เธอนั่งอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่แล้วเริ่มสัปหงก หัวน้อยๆ กับมุมปากที่มีน้ำลายไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าคงจะทนความง่วงไม่ไหวแล้ว
วินนี่วางลูกสาวไว้บนเตียงของกระท่อมแคปซูล ตอนที่ออกมาก็ถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือ แล้วเริ่มเดินถ่ายรูปรอบๆ เกาะล่องแก่ง
เห็นว่าวินนี่ไม่ได้อยู่กับฉินสือโอว หู่เป้าต้าป๋ายกับลูกแมวป่าจึงหันมาสบตากัน หลังจากนั้นก็พากันลุกขึ้นมาทันที แล้วรีบวิ่งถลันเข้าไปในอ้อมกอดของฉินสือโอว
ท่าทางการเดินของต้าป๋ายดูน่าสนใจมาก มันจะเดินตามระเบียบโดยธรรมชาติ ซึ่งก็คือขาหน้าและหลังฝั่งหนึ่งจะเดินไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นขาหน้าและขาหลังอีกฝั่งก็ตามติดกันมา เมื่อเป็นแบบนี้ท่าทางการเดินของมันย่อมทำให้คนรู้สึกว่ามันประหลาด ทว่าโอพอสซัมเวอร์จิเนียไม่ใช่สัตว์จำพวกเดียวที่เป็นแบบนี้ แร็กคูน หมี สกังก์ แบดเจอร์ มาร์มอต เม่นไปจนถึงบีเวอร์ก็เดินแบบนี้เหมือนกัน
การพุ่งตัวในระยะทางสั้นๆ นั่นคือราชาเจ้าป่าซิมบ้าเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วกว่าใคร ตัวเล็กๆ กลมๆ ของมัน ม้วนตัวเหมือนลูกบอลสองรอบก็มาอยู่ตรงหน้าฉินสือโอวแล้ว ใช้ดวงตากลมโตที่มีน้ำเอ่อคลอจ้องมองเขา หลังจากนั้นก็กระโดดโลดเต้นมุดเข้าไปในอ้อมอกของฉินสือโอว
ฉินสือโอวเลยต้องกางแขนออก เขาคิดว่าซิมบ้าหนาว แมวป่าชอบที่อุ่นๆ มาก
แต่ปรากฏว่า หลังจากที่ซิมบ้ามุดเข้ามาในอ้อมกอดของเขาได้แล้วมันกลับไม่ได้มุดเข้าไปข้างในอีก แต่ดันหน้าอกของเขาไปมา ดันอยู่สักพักก็วิ่งออกไป ต่อจากนั้นหู่จือก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วดันหน้าอกเขาไปมาต่อ…
ในตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว เจ้าพวกชั่วพวกนี้กำลังเช็ดไอน้ำที่เกาะอยู่บนขนกับเขา!
ไอน้ำบนทะเลลงหนักเกินไปแล้ว ขนของเหล่าสัตว์เลี้ยงเปียกแฉะไปหมด ทว่าไอน้ำไม่ได้กลั่นตัวเป็นหยดน้ำ พวกมันจึงสลัดไม่ออก ทำได้แค่หาที่เช็ดไอชื้นบนขน
ฉินสือโอวอับอายและโมโหเป็นอย่างมาก จับหูใหญ่ๆ ของเป้าจือที่เข้ามาใกล้เป็นตัวสุดท้ายแล้วบิดเบาๆ “พวกไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ มีไอน้ำเกาะตัวบนตัวแล้วพวกแกไม่สบาย แต่คิดว่าพ่อจะสบายใช่ไหม?”
เป้าจือร้องออกมาด้วยความน้อยใจ ฉินสือโอวก็คลายมือออกเพราะความใจอ่อน มันเดินวนไปด้านหลัง แล้วถูหลังของฉินสือโอวเบาๆ ในใจท่านชายฉินถึงกับร้องอุทานว่าเช็ดแม่
วินนี่ถ่ายรูปให้ฉินสือโอวกับเหล่าสัตว์เลี้ยงที่กำลังเล่นกันวุ่นวายไปหลายรูป หลังจากนั้นก็เข้าไปหยิบชุดคลุมในกระท่อม มาห่อตัวสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เอาไว้
ห่อลูกแมวป่ากับต้าป๋ายไว้ทั้งตัว เหลือแค่หัวที่ยื่นออกมาด้านนอก หู่จือกับเป้าจือก็โผล่หัวกับไหล่ออกมา ส่วนฉงต้า ผ้าขนหนูสามารถคลุมได้แค่ท้องใหญ่ๆ ของมันเท่านั้น ทำให้เหมือนว่ามันกำลังนอนอยู่ในห้องซาวน่า
ฉินสือโอวนั่งอยู่ริมเกาะล่องแก่ง หู่จือเป้าจือกับลูกแมวป่านั่งคลอเคลียอยู่ทางฝั่งซ้ายของเขา ส่วนต้าป๋ายกับฉงต้าก็อิงแอบอยู่ทางด้านขวา วินนี่หามุมที่มีพระจันทร์กับท้องฟ้าติดอยู่ในฉาก หลังจากนั้นก็ถ่ายรูปพวกเขาจากทางด้านหลัง
เขาตะโกนเรียกวินนี่ให้มาหา ฉินสือโอวกลับไปนั่งข้างๆ กองไฟอีกครั้ง พวกหู่จือเป้าจือก็ตามไปด้วยทันที หลังจากนั้นก็พากันนั่งลงบนเสื่อปิกนิก
เปลวไฟที่ขยับขึ้นลงไล่ความรู้สึกเหน็บหนาวของยามค่ำคืนออกไป ซิมบ้าสะบัดขนเล็กน้อย มันเข้าไปอยู่ใกล้ๆ กับกองไฟอย่างมีความสุข แต่แค่ครู่เดียวก็รู้สึกร้อนจนไม่สบายตัว จึงวิ่งกลับมาอยู่ข้างๆ วินนี่ ผ่านไปไม่ทันไรก็รู้สึกหนาวอีก มันจึงเข้าไปอยู่ใกล้ๆ กองไฟอีกครั้ง
ความอดทนของหู่จือกับเป้าจือแข็งแกร่งมาก พวกมันอยากคลอเคลียอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวเท่านั้น ดังนั้นหลังจากนอนลงพวกมันก็เอาหัวไปวางไว้บนเข่าของคุณพ่อ นอนนิ่งๆ ทำตัวว่าง่ายๆ
ฉินสือโอวช่วยเกาให้พวกมันอยู่สักพัก หลังจากนั้นเขาก็หยุดมือแล้วคุยกับวินนี่เสียงเบา หู่จือไม่ยอม มันม้วนตัวกลับทันทีจากนั้นก็มุดหัวเข้าไปใต้ฝ่ามือของฉินสือโอว ให้เขาช่วยเกาหัวให้พวกมันต่อ ส่วนเป้าจือก็ร้องหงิงๆ ออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจ
วินนี่ชันเข่าทั้งสองข้างแล้วกอดขาไว้ เธอพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มกริ่มว่า “อยากให้ลูกๆ เป็นเด็กตลอดไปเลย แบบนี้ดูซื่อบื้อดีจริงๆ”
ฉินสือโอวส่งเสียงเหอะออกมาแล้วพูดว่า “พวกมันซื่อบื้อเหรอ? พวกมันแต่ละตัวฉลาดกันจะตาย!”
อยู่บนทะเลจนถึงห้าทุ่ม ฉินสือโอวกับวินนี่ค่อยกลับเข้าไปในนอนในห้อง
นอนอยู่บนทะเลไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย มนุษย์เป็นสัตว์บก บนทะเลไร้ซึ่งความรู้สึกปลอดภัย คลื่นทะเลหมุนขึ้นลงอยู่ตลอด เกาะล่องแก่งโคลงเคลงไม่หยุด กระท่อมแคปซูลไม่มีฟังก์ชันช่วยลดการสั่นสะเทือน เมื่อนอนอยู่บนเตียงจึงสัมผัสได้ถึงความโครงเคลง
หู่จือเป้าจือซิมบ้ากับต้าป๋ายตามพวกเขาเข้ามาในกระท่อม ฉงต้าแสยะปากพยายามเบียดเข้ามาข้างในเหมือนกัน พอเป็นแบบนี้ภายในกระท่อมจึงเบียดเสียดกันจนเป็นที่น่าทุกข์ใจ
ขนาดตัวของฉงต้ากินพื้นที่มากเกินไปแล้ว หู่จือกับเป้าจือชอบนอนพลิกตัว เมื่ออาณาเขตของพวกมันถูกฉงต้าบีบให้เล็กลงพวกมันจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เริ่มร้องหงิงๆ ขึ้นมา แล้วใช้อุ้งเท้าเตะฉงต้าสกัดไม่ให้มันเข้ามาใกล้
ฉงต้าแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงแรงเตะ สะบัดไขมันส่วนเกินสักทีสองที แล้วหมุนตัวเปลี่ยนทิศทาง พอฟุบตัวลงไปได้ก็หลับตานอน เพียงครู่เดียวก็กรนออกมาเบาๆ
หู่จือกับเป้าจือไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยส่งเสียงบ่นออกมาอีกครั้งสองครั้ง พวกมันทำได้แค่ต้องยอมรับความเป็นจริงจึงนอนพิงฉงต้าแล้วหลับไป
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset