ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 1140 ระดมกำลังทั้งหมด

หลอดในฟาร์มปลาส่องสว่างขึ้นทุกดวงแล้ว หยิบหลอดไฟทังสเตนไอโอดีนขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ในห้องเก็บของออกมาให้หมด แบ่งไปติดตั้งไว้ที่เรือปริ้นเซสเมล่อน ที่ท่าเรือและพื้นที่บางจุดตามริมชายหาด เมื่อพลังงานไฟฟ้าผ่านเข้าไป ก็คล้ายกับว่าที่ฟาร์มปลามีพระอาทิตย์ลอยขึ้นมาหลายดวง ส่องสว่างจนทั่วทั้งฟาร์มปลากลายเป็นสีขาว!
พวกหู่จือเป้าจือคิดว่ามีกิจกรรมอะไรสักอย่าง จึงวิ่งหนีวิ่งตามกันอยู่บนชายหาดด้วยความคึกคักดีใจ อีกทั้งฉงต้ายังไปดึงฉินสือโอวให้มาเล่นกับพวกมันอีกด้วย ทำให้ท่านชายฉินรู้สึกโมโหขึ้นมา พวกแกมีตาบ้างไหมเนี่ย?
วินนี่จับก้นพวกมันไว้แล้วฟาดพวกมันไปตัวละสองที เหล่าสัตว์เลี้ยงยอมอยู่นิ่งๆ แล้วนั่งดูพวกชาวประมงทำงานอยู่บนชายหาด
เรือฮาวิซทเพิ่งจะถูกปรับแต่งให้เป็นเรืออวนลากจับสัตว์ทะเลหน้าดิน ดังนั้นจึงไร้ซึ่งกำลังที่จะนำมาใช้รับมือกับแมงกะพรุน เรือปริ้นเซสเมล่อนจึงได้ออกรบครั้งนี้เป็นครั้งแรก อวนลากขนาดมหึมาถูกสะบัดลงไปในน้ำ เสียงเครื่องยนต์ร้องคำราม ลำเรือขนาดใหญ่ยักษ์เริ่มเดินเครื่องแล้ว
ฉินสือโอวยืนมองทะเลลึกที่กว้างใหญ่อยู่บนหัวเรือ เขาพูดออกมาอย่างอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ว่า “ไม่คิดว่าครั้งแรกที่เรือปริ้นเซสเมล่อนได้ออกปฏิบัติการ จะถูกใช้เพื่อทำงานนี้! ขี่ช้างจับตั๊กแตน นี่มันขี่ช้างจับตั๊กแตนชัดๆ!”
ถึงจะเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน แต่ก็จำเป็นจะต้องนำมาใช้งาน ภัยพิบัติจากแมงกะพรุนจำเป็นต้องจัดการให้สิ้นซากตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลร้ายให้กับฟาร์มปลา
ถ้าเป็นทะเลหลวง ที่จริงแล้วต่อให้ไม่ดูแลก็ไม่ต้องเป็นกังวล
การแพร่พันธุ์ของแมงกะพรุนมีช่วงเวลาที่ถูกกำหนดไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นพวกมันไม่มีทางแพร่พันธุ์ตามใจได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นฟาร์มปลาต้าฉินคงล่มสลายจนกลายเป็นอาณาจักรของแมงกะพรุนไปแล้ว
แมงกะพรุนมีช่วงชีวิตที่สั้นมาก ต่อให้ไม่จัดการดูแลมัน ใช้เวลามากที่สุดครึ่งเดือน พวกมันก็ตายหรือไม่ก็ตามคลื่นลมเคลื่อนย้ายออกจากน่านน้ำแห่งนี้แล้ว พวกมันไม่มีสมอง ไม่สามารถตัดสินใจในการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ ต้องพึ่งคลื่นลมคลื่นทะเลในการเคลื่อนที่
แต่ปัญหาก็คือ ฟาร์มปลาเอกชนใช้วิธีรอเวลาไม่ได้ อย่างแรกการระบาดของแมงกะพรุนจะทำลายฟาร์มปลาให้เกิดความเสียหาย ด้วยการแย่งชิงอาหาร ออกซิเจนในน้ำของปลาและกุ้ง อีกทั้งยังกินปลากับกุ้งเป็นอาหารอีกด้วย ข้อต่อมาถ้ามีฝูงแมงกะพรุนอยู่ ก็จะไม่สามารถใช้อวนลากจับปลาได้ ที่ลากมาได้ก็จะมีแต่แมงกะพรุน!
ปล่อยอวนลากขนาดมหึมาลงไปในน้ำ หลังจากทอดอวนลงไปแล้วก็เตรียมตัวจับแมงกะพรุนอย่างปราศจากการควบคุม
แต่ปรากฏว่าด้วยจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ฉินสือโอวมองเห็นว่าหลังจากอวนจับปลาจมลงไปในน้ำ แมงกะพรุนที่อยู่รอบๆ ก็หนีไปทันที ดังนั้นเมื่อลากอวนจับปลา ประสิทธิภาพในการจับแมงกะพรุนจึงลดต่ำลง การที่จะจับแมงกะพรุนหลายล้านหลายสิบล้านพวกนี้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หลังจากลากอวนขึ้นมาครั้งแรก พวกชาวประมงก็ทราบถึงปัญหานี้แล้ว ขณะที่กำลังมองดูแมงกะพรุนเวเลลลาที่วางกองอยู่บนดาดฟ้าเรือ ชาร์คก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ได้แล้วครับ บอส อาศัยการจับอย่างเดียวแก้วิกฤตการณ์ไม่ได้แน่”
แซนเดอร์สที่ติดเรือมาออกปฏิบัติการก็ลองคิดๆ ดูแล้วพูดว่า “แคนาดาอาจจะไม่เคยประสบกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของแมงกะพรุนมาก่อน ดังนั้นพวกเราจึงขาดประสบการณ์ในการจัดการกับปัญหา ฉันแนะนำให้ลองติดต่อกับคนในสายอาชีพเดียวกันในแคลิฟอร์เนียกับรัฐวอชิงตันสักหน่อยดีกว่า ลองดูว่าเมื่อก่อนพวกเขาจัดการกันอย่างไร”
“เรื่องนี้ให้กรมประมงเป็นฝ่ายจัดการก็ได้ เพียงแต่ว่า วิธีที่เร็วที่สุดที่พวกเขาจะมีให้ก็ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ คุณหวังให้พวกข้าราชการแก่ๆ ของเราทำงานดึกๆ ดื่นๆ เกินเวลาไม่ได้หรอก แต่พวกเราจะรอพวกเขาได้ไหมล่ะ?” บูลพูดอย่างไม่พอใจ
จะจับแมงกะพรุนเวเลลลาไม่ใช่งานที่ง่าย อเมริกาก็อาจจะไม่ได้มีวิธีดีๆ เนื่องจากหนวดของแมงกะพรุนเวเลลลาหนึ่งตัวมีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกมากถึงห้าแสนเซลล์ แล้วแมงกะพรุนเวเลลลาหนึ่งตัวมีหนวดอยู่กี่เส้นกันล่ะ? ดังนั้นวิธีการแบบปกติอาจจะใช้กับพวกมันไม่ได้ผล
ฉินสือโอวให้ชาร์คค้นหาวิธีในอินเทอร์เน็ต ให้แซนเดอร์สไปค้นหาวิธีจากในหนังสือ ส่วนตัวเขาก็โทรศัพท์ไปหาเจ้าของฟาร์มปลาบรรดาเพื่อนร่วมสายอาชีพ เตือนพวกเขาให้ระวังวิกฤตการณ์แมงกะพรุนแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็สอบถามพวกเขาว่าพอจะมีวิธีจัดการไหม
ในเวลานี้บรรดาเจ้าของฟาร์มปลายังไม่ได้เข้านอน สามารถโทรศัพท์ไปหาได้ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ใช่เจ้าของฟาร์มปลาทุกคนที่จะใจเย็นไม่รีบไม่ร้อนเหมือนฉินสือโอว เขาจ้างชาวประมงคนเก่าคนแก่มาไว้ในมือมากมายขนาดนี้ อีกทั้งยังมีดัชนีทองคำอย่างหัวใจโพไซดอน แบบนี้ถึงจะสามารถเปิดฟาร์มปลาเล่นๆ แก้เบื่อได้
เจ้าของฟาร์มปลาคนอื่นๆ จนปัญญาและรู้สึกขมขื่นกว่ามาก ไม่ว่าครอบครัวของพวกเขาจะมีเงินเป็นล้านหรือหลายสิบล้าน ก็ต้องทำฟาร์มปลาให้ดีทั้งนั้น ต้องทำงานจนเหนื่อยเยี่ยงสุนัขในทุกๆ วัน สำรวจฟาร์มปลาทั้งเช้าและเย็น เตรียมป้องกันการถูกขโมยปลา ตรวจดูสภาพการเติบโตของปลาและกุ้ง วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของผลผลิตในการจับปลาเป็นต้น งานของฟาร์มปลามีขั้นตอนที่ซับซ้อนมาก
เมื่อได้รับสายของฉินสือโอว เจ้าของฟาร์มปลาเหล่านั้นก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ตั้งอยู่ในน่านน้ำเขตอบอุ่น ไม่เคยประสบกับวิกฤตการณ์แมงกะพรุนระบาดมาก่อน
คนที่ฉินสือโอวให้อภิสิทธิ์โทรไปหาก่อนก็คือเจ้าของฟาร์มปลาที่รีบมาช่วยเขาตอนวิกฤตบริษัท ดาว เคมิคอลเมื่อครั้งก่อน อย่างโดนัลด์ บราวน์
แต่ปรากกว่าหลังจากรับสายโทรศัพท์ของเขาแล้วเจ้าหมอนั่นก็พูดด้วยความสงสัยว่า “นายพูดเรื่องอะไร? ฟาร์มปลาเกิดวิกฤตการณ์แมงกะพรุนแพร่ระบาด? จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ฉันกำลังอยู่บนทะเลนะ ไม่เห็นมีแมงกะพรุนเลย…เฮ้ โทนี่ เห็นแมงกะพรุนบ้างไหม?”
“ไม่มีนะครับ เจ้านาย ไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง”
“เห็นไหม ลูกน้องของฉันไม่มีใครเจอแมงกะพรุนเลย” โดนัลด์พูดกับเขาในโทรศัพท์
ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ก่อนจะมีการรวมตัวแพร่ระบาด พวกมันจะไม่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ นายควรจะลองหาอย่างละเอียด ทางฝั่งฉันแมงกะพรุนถูกคลื่นทะเลซัดขึ้นมาบนชายหาดแล้ว นายอยากดูวิดีโอหน่อยไหมล่ะ?”
วิดีโอน่าจะมีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมมากกว่า เมื่อได้เห็นแมงกะพรุนสีฟ้าที่กองอยู่บนดาดฟ้าเรือปริ้นเซสเมล่อนผ่านทางโทรศัพท์ โดนัลด์จึงให้ลูกน้องตรวจหาอย่างละเอียด
การค้นหาแมงกะพรุนในท้องทะเลยามค่ำคืนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั่วทั้งตัวของแมงกะพรุนมีน้ำอยู่ 95% มันมีลักษณะโปร่งใสครึ่งตัว จึงใช้แสงในการค้นหาได้ยากมาก
และการที่จะใช้ศาสตร์แห่งเสียงมาตรวจหาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากเส้นกั้นระหว่างแมงกะพรุนกับน้ำทะเลมีไม่มากนัก อย่างเช่นเครื่องโซนาร์ค้นหาปลากับอุปกรณ์ตรวจหาปลาที่ตรวจเจอปลาใหญ่ที่อยู่ต่ำกว่าสี่พันเมตร กลับตรวจหาแมงกะพรุนที่อยู่ในความลึกไม่ถึงสี่สิบเมตรไม่เจอ
โชคดีที่หลังจากทิ้งอวนตรวจหาดูอย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดก็สามารถจับขึ้นมาได้บางส่วน
ผ่านไปสักพัก โดนัลด์ก็ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “โอ้ ชิท! พระเจ้า ฉินพูดถูก แม่งเอ๊ยที่ฟาร์มปลาของฉันก็มีแมงกะพรุนเหมือนกัน ทำอย่างไรดีล่ะ? จะทำอย่างไรดี?”
ฟังโดนัลด์แผดเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก ฉินสือโอวก็กลอกตาอย่างจนปัญญา “ที่ฉันโทรศัพท์มาหานาย ก็เพราะจะถามว่าจะทำอย่างไรดีนี่แหละ”
เมื่อทางฝั่งนี้ไม่มีประโยชน์ ฉินสือโอวจึงโทรไปหาแอนดรูว์ ทัคเกอร์ การสนทนาก็มีขั้นตอนเหมือนเดิมอีกครั้ง ทีแรกแอนดรูว์ก็ไม่เชื่อเขาเหมือนกัน หลังจากนั้นพอเขาหย่อนอวนตรวจสอบด้วยตัวเอง เขาก็ร้องโวยวายเสียงดังขึ้นมา
ส่วนแผนรับมือน่ะเหรอ? ขอโทษที สำหรับพวกเขามันเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
ฉินสือโอวโทรหาเซอร์จิโอที่เป็นชาวอินเดียนแดง ราชานักพนันแห่งนิวฟันด์แลนด์คนนี้เคยเสียเงินให้กับเขาในระหว่างการทัศนศึกษาของเจ้าของฟาร์มปลาเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เขาก็ยอมต่อเหตุผลและความสามารถ ตอนนี้ทั้งสองคนไม่ได้มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์กันแล้ว อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้แย่
หลังจากรับสาย เซอร์จิโอน่าจะกำลังอยู่ในงานปาร์ตี้ ทางด้านนั้นเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจวุ่นวายสุดๆ เขาเองก็ดื่มจนเริ่มมึนแล้ว “อะไรนะ? มีแมงกะพรุนในฟาร์มปลา? ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้มันมีไปสิ! ฉิน ฉันจะบอกอะไรให้นะเพื่อน นายอยากมาแฮปปี้ๆ กับฉันที่นี่ไหมล่ะ? เหล้าดี ผู้หญิงสวย กัญชา การพนัน มีครบทุกอย่างเลย…”
“นายรีบสร่างเถอะ นายยังไฮยาอยู่นะ! ถ้ายังจะไฮต่อ ฟาร์มปลาของนายจะไม่มีปลาเหลืออยู่แล้ว!”
เซอร์จิโอหัวเราะเหอะๆ พูดว่า “ล้อเล่นอะไรกัน ฟาร์มปลาเคยไม่มีปลาตอนไหน? ปีนี้ฉันยังไม่ได้ตกปลาในฟาร์มเลย”
ฉินสือโอวจนปัญญา ทำได้แค่ตัดสายไป เขาลืมไปว่าคนพวกนี้มองว่าฟาร์มปลาเป็นเพียงคฤหาสน์บนภูเขาสำหรับตากอากาศก็เท่านั้น แมงกะพรุนเวเลลลาปรากฏตัวขึ้นในฟาร์มปลาอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาก็ได้ ถึงอย่างไรของพวกนี้ก็งดงามมากๆ
แต่เจ้าของฟาร์มปลาส่วนใหญ่หลังจากได้ทราบเรื่องนี้ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาทั้งนั้น พวกเขาพากันขับเรือออกทะเลไปรับมือกับสัตว์ประหลาดสีฟ้าพวกนั้นทันที ส่วนสถานการณ์การต่อสู้จะเป็นอย่างไรนั้น ฉินสือโอวก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว เขาคิดว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้คงไม่ผ่านไปง่ายๆ อย่างน้อยๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset