ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 169 สมาชิกใหม่ของฟาร์มปลา

บทที่ 169 สมาชิกใหม่ของฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy

ปลายเดือนมิถุนายน อากาศก็ร้อนระอุขึ้นมาแล้ว
กินมื้อเย็นเสร็จ ฉินสือโอวก็กลับไปที่ห้องนอนแล้วเปิดหน้าต่างออกเป็นอันดับแรก ในคฤหาสน์มีแอร์แต่เขาไม่เคยใช้เลย ลมทะเลตอนกลางคืนโชยเอื่อยเย็นสบาย ตอนลมพัดมารู้สึกสบายตัวมากกว่าโดนลมเย็นเยือกจากแอร์เป่าเสียอีก
เพราะอากาศร้อนแล้ว เดือนนี้หู่จือกับเป้าจือและฉงต้าจึงไม่ได้นอนในห้องนอน พวกมันย้ายรังกันไปนอนใต้ต้นเมเปิลเรียบร้อยแล้ว
แต่ว่าคืนนี้เจ้าสี่ตัวซึ่งรวมต้าป๋ายแล้วกลับรีบวิ่งกลับกันมาส่ายหางรอฉินสือโอวที่ห้องนอนเพราะกลัวจะไม่เจอเขา
ฉินสือโอวกล่อมทั้งสี่นอนเหมือนกล่อมเด็ก ต้าป๋ายซุกเข้าอกของฉงต้า เจ้าสองตัวนี้ก็ไม่รู้สึกร้อนบ้างหรือไง
หลังจากบนทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้ว ฉินสือโอวก็เข้าไปดูในทะเลเสียหน่อย เขานึกได้ว่าไม่ได้ไปดูทะเลในเขตโรงงานเคมีมานาน พอไปดูก็พบว่าบริเวณนั้นกลายเป็นแหล่งสวรรค์ของสาหร่ายไปแล้ว
สาหร่ายสีน้ำตาลแต่ละเส้นที่ยาวสิบกว่าเมตรไปจนถึงหลายสิบเมตรขึ้นอยู่แถวโขดหินน่านน้ำนอกชายฝั่ง พวกมันมีสีน้ำตาลอมเหลืองหรือไม่ก็อมเขียวและกำลังพลิ้วไหวไปตามคลื่นทะเลราวงูยักษ์
นี่ยังแค่แถวน่านน้ำนอกชายฝั่งซึ่งมีพื้นที่ให้สาหร่ายสีน้ำตาลโตได้ไม่มากพอ แต่เมื่อไปถึงจุดน้ำลึกที่ห่างไปสี่ห้าร้อยเมตร สาหร่ายสีน้ำตาลก็โตได้น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
สาหร่ายสีน้ำตาลในเขตทะเลลึกโตได้ถึงสามสี่ร้อยเมตร รากของพวกมันฝังลึกเข้าไปในดิน ลำต้นหนึ่งพุ่งผ่านสิ่งกีดขวางสู่ผิวน้ำราวดาบคม
สาหร่ายสีน้ำตาลต้นใหญ่แบบนี้มีก้านที่ดูเหมือนกิ่งไม้หลายร้อยอัน บนก้านมีใบไม้แผ่ออกมา บางใบยาวถึงสองเมตรกว่าและกว้างถึงยี่สิบเซนติเมตร พวกมันลอยตัวกระจายในทะเลกินพื้นที่กว้างขวาง คอยผลิตออกซิเจนให้กับน้ำทะเล และเป็นอาหารให้กับแพลงก์ตอนด้วย
ที่สาหร่ายสีน้ำตาลทั้งหมดสามารถลอยอยู่ในน้ำทะเลได้ก็เพราะบนใบของมันมีถุงลมซึ่งสามารถสร้างแรงพยุงที่มากพอให้ใบของสาหร่ายสีน้ำตาลรวมถึงทั้งต้นลอยขึ้นมาได้ ถุงลมเหล่านั้นจะเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่สองข้างของเส้นใบหลักเพื่อรักษาสมดุลของสาหร่ายเวลาอยู่ในน้ำ
ตอนนี้จากเขตน่านน้ำบริเวณโรงงานเคมีเป็นศูนย์กลาง สาหร่ายสีน้ำตาลได้ยึดครองทะเลไปแล้ว ฉินสือโอวประเมินผลกระทบของจิตสำนึกโพไซดอนที่มีต่อสาหร่ายสีน้ำตาลต่ำเกินไป ภายใต้การเร่งของพลังแบบนี้ทำให้มันโตเกินขีดจำกัด ในทะเลธรรมดาสาหร่ายสีน้ำตาลที่มีความสูงถึงสองร้อยเมตรเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่มันกลับหาได้มากมายในระยะสามสี่ร้อยเมตรบริเวณนี้
ฉินสือโอวค่อนข้างยินดีกับผู้ยึดครองแบบนี้ เขาคิดกระทั่งว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพัฒนาแนวปะการังแล้วมาพัฒนาแนวสาหร่ายสีน้ำตาลแทนก็ได้ จะได้ทำให้ฟาร์มปลาเขากลายเป็นอเมซอนในทะเลไปซะเลย
สาหร่ายสีน้ำตาลก็สามารถเป็นที่พักพิงให้เหล่าปลาได้เหมือนกับแนวปะการัง อีกอย่างมันยังมีข้อดีที่แนวปะการังเทียบไม่ได้ก็คือการผลิตออกซิเจนและเป็นอาหาร
พอสัมผัสได้ถึงจิตสำนึกโพไซดอน เหล่างูทะเลที่ดูดุร้ายก็พากันว่ายเข้ามา ตอนนี้จะเรียกว่างูทะเลก็คงจะไม่เหมาะ คงต้องเรียกว่ามังกรทะเลถึงจะเหมาะกว่า
งูทะเลที่เป็นจ่าฝูงมีลำตัวยาวเกือบๆ สิบเมตร สีสันสดใส แววตาเย็นชา เขี้ยวพิษคมกริบ มันเป็นเสมือนราชาในแนวสาหร่ายสีน้ำตาล คอยประคับประคองทุกอย่างและอยู่เหนือทุกสิ่ง
แต่เมื่ออยู่ภายใต้จิตสำนึกโพไซดอน เหล่างูทะเลกลับมีนิสัยอ่อนโยนมาก พวกมันเลื้อยว่ายไปในน้ำตามจิตสำนึกโพไซดอนไปในแนวสาหร่ายสีน้ำตาลราวกับองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์
หลังจากฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนขู่พวกคนจากโรงงานเคมีที่ต้องการกำจัดสาหร่ายสีน้ำตาล เขาก็ไม่ได้มาดูพวกมันอีก ตอนแรกเขากะว่าจะให้พวกมันอยู่ตามมีตามเกิด คิดว่างูทะเลพวกนี้จะไปจากทะเลแถบนี้และว่ายตามกระแสน้ำอุ่นไปยังสถานที่อย่างอ่าวเม็กซิโกอะไรประมาณนั้น
แต่ปรากฏว่าพวกงูทะเลยังอยู่ที่นี่ ราชางูสั่งการให้บริวารคุมแนวสาหร่ายสีน้ำตาลอันกว้างขวางนี้เหมือนเป็นกองทหารรักษาการณ์ที่ฉินสือโอวทิ้งไว้ที่นี่เพื่อคอยอารักขาทะเลแถบนี้ให้เขา
สาหร่ายสีน้ำตาลดึงดูดปลาเล็กปลาน้อยจำนวนมากเข้ามา และงูทะเลพวกนี้ก็กินเหล่าปลาตัวเล็กตัวน้อยเป็นอาหาร การใช้ชีวิตเช่นนี้ก็ถือว่ามีรสชาติไม่เลว
พอสัมผัสได้ถึงความภักดีจากฝูงงูทะเล ฉินสือโอวก็แอบซาบซึ้งและเป็นกังวลในขณะเดียวกัน งูทะเลพวกนี้ตัวใหญ่มาก พิษก็ร้ายแรง ถ้าต่อไปเกิดไปทำร้ายใครขึ้นมาจะทำยังไง?
เขาได้แต่ใช้จิตสำนึกโพไซดอนสื่อสารกับงูทะเลว่าพยายามอย่าขึ้นไปบนบกเวลากลางวัน และอย่าทำร้ายชีวิตสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากพวกปลาตัวน้อยๆ
แม้จะไม่ค่อยชอบงูทะเล แต่ฉินสือโอวก็ไม่ได้อยากทำร้ายพวกมัน งูทะเลพวกนี้ภักดีกับเขา ถ้าเขาเป็นโพไซดอน งั้นงูทะเลตัวนั้น หรืออาจจะเรียกว่ามังกรทะเล ก็เป็นกองทหารซึ่งเป็นอาวุธสำคัญของโพไซดอน
พอจัดการฝูงมังกรทะเลเรียบร้อยแล้วฉินสือโอวก็กะจะจากไป แต่เขาก็เจอกับปลาตัวใหญ่ที่มีสีน้ำตาลเทาด้านข้างและมีสีเงินออกน้ำตาลที่ท้อง
ปลาพวกนี้ล้วนมีลำตัวที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรครึ่ง หน้าตาของมันดูขี้เหร่และแปลกประหลาด รูปร่างด้านข้างแบน บนหัวมีดวงตาเปล่งประกายสองข้างและปากเล็ก ที่หลังและท้องมีครีบหลังและครีบก้นที่ทั้งสูงและยาว ส่วนท้ายของลำตัวก็มีหางเป็นลวดลายพลิ้วไหว
ดูจากภายนอกปลาชนิดนี้ดูเหมือนจานใบโต รูปร่างออกสั้นแต่ข้างตัวอ้วน หัวและปากเล็ก ครีบท้ายสั้นมาก ไม่มีครีบท้องและไม่มีหาง ดูราวกับโดนเอามีดตัดส่วนล่างไป
“ปลาแสงอาทิตย์?” ฉินสือโอวพินิจมองอย่างสนใจ
ปลาสองสามตัวกำลังแหวกว่ายอย่างเกียจคร้านในทะเล ตอนพวกมังกรทะเลเข้าใกล้ก็ยังไม่กลัว พวกมันใช้ดวงตาเป็นประกายมองดูแล้วกินสาหร่ายสีน้ำตาลตรงหน้าต่อไปอย่างสุขุม
มังกรทะเลไม่ได้สนใจเจ้าพวกนี้ เพราะพวกมันมีอาหารที่เพียงพอและจับง่ายกว่าอย่างปลาตัวเล็กๆในทะเล อีกอย่างปลาแสงอาทิตย์ก็ตัวใหญ่และแข็งแรงเกินไป พวกมันกินไม่ลง
ทั้งสองฝ่ายว่ายผ่านกันไปโดยที่ต่างคนต่างอยู่
ฉินสือโอวกลับมาที่ฟาร์มปลาของตัวเองก็พบว่ามีปลาแสงอาทิตย์ที่ฟาร์มของตัวเองด้วย แต่มันตัวเล็กกว่าที่เขาเจอในแนวสาหร่ายสีน้ำตาลและกำลังไล่จับแมงกะพรุนกินเป็นอาหาร
แม้ว่าปลาแสงอาทิตย์ตัวใหญ่จะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า แต่ปลาตัวเล็กพวกนี้กลับปราดเปรียวมาก พูดกับตามความจริง เจ้าปลานี่มันขี้เหร่สุดๆ ฉินสือโอวรู้สึกว่าถ้าปลาพวกนี้มีสติรับรู้คงต้องร้องไห้เพราะความขี้เหร่ของตัวมันเองแน่
แต่การมาของปลาแสงอาทิตย์พวกนี้กลับเป็นเรื่องดี เพราะอาหารอันดับหนึ่งของมันก็คือแมงกะพรุนซึ่งฉินสือโอวกำลังปวดหัวกับแมงกะพรุนจำนวนมากในฟาร์มพอดี ขอแค่เลี้ยงปลาแสงอาทิตย์ไว้สักหน่อยปัญหานี้ก็จะหมดไป
เลี้ยงปลาแสงอาทิตย์ก็ไม่เลว พวกมันมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากจะเอามาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และชื่นชมความสวยงามแล้ว มันยังเป็นอาหารที่แพงมากอีกด้วย
แต่ปลานี้ก็ยังมีข้อเสียอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเนื้อน้อย หลังจากลอกหนังแล้วเนื้อของมันจะมีไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของน้ำหนัก แต่คุณภาพเนื้อกลับดีเยี่ยม สารอาหารสูง ปริมาณโปรตีนก็สูงกว่าปลามีชื่ออย่างจะละเม็ดเสียอีก
อีกอย่างไส้ปลาของพวกมันก็เป็นอาหารชั้นเลิศในยุโรป ทั้งกรอบทั้งหอม ปรุงเสียหน่อยก็กระตุ้นความอยากอาหารขึ้นมาได้มาก
ตอนนี้ฉินสือโอวกำลังรอ รอให้ปลาแสงอาทิตย์ตัวเมียในฝูงมาวางไข่ขยายพันธุ์
ปลาแสงอาทิตย์ตัวเมียขยายพันธุ์ได้เยอะมาก ปลาตัวเมียหนึ่งตัววางไข่ได้ครั้งละ 25 ล้านถึง 300 ล้านฟองเลยทีเดียว แต่เพราะส่วนหนึ่งตายจากการไม่ได้รับการปฏิสนธิ ส่วนไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิและลูกปลาเล็กอีกส่วนหนึ่งก็จะถูกปลากิน บวกกับลูกปลาที่เพิ่งฟักออกมาจะอ่อนแอมาก พอพายุเข้าคลื่นลงโหมกระหน่ำแรงก็จะทำให้ลูกปลาตายไปอีกส่วนหนึ่ง
ฉะนั้นหลังจากผ่านมรสุมนั้นมาได้ ลูกปลาที่โตเป็นปลาเต็มวัยได้จึงเหลือไม่เยอะ ดังนั้นแม้ว่าปลาแสงอาทิตย์จะวางไข่ได้มาก แต่ปลาแสงอาทิตย์ในทะเลกลับหายาก โอกาสเจอก็มีน้อย ปลาแสงอาทิตย์ตัวหนึ่งวางไข่ 300 ล้านฟอง c9jจะมีแค่ประมาณสามสิบตัวเท่านั้นที่จะอยู่รอดจนฤดูผสมพันธุ์
ปลาแสงอาทิตย์ที่มาปรากฏตัวในฟาร์มของฉินสือโอวในครั้งนี้มีห้าสิบกว่าตัวซึ่งถือว่าเป็นฝูงใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าพวกมันมาจากไหน บางทีมันอาจจะเป็นฝูงเดียวกัน พวกที่แอบอยู่ในแนวสาหร่ายสีน้ำตาลคงจะเป็นปลาพ่อแม่ ส่วนที่ไล่กินแมงกะพรุนคงเป็นลูกหลานปลา
ปลาแสงอาทิตย์พวกนี้ฉลาดมาก หลังจากโตแล้วพวกมันจะเคลื่อนไหวช้าจึงทำให้ปกป้องตัวเองได้ยากเลยกลายเป็นเหยื่อของพวกปลากินเนื้อได้ง่าย ตอนนี้พอเห็นแนวสาหร่ายก็เลยว่ายมาซ่อนตัวโดยเฉพาะ
แนวสาหร่ายสีน้ำตาลสามารถเป็นที่ซ่อนและคุ้มภัยให้กับปลาแสงอาทิตย์ได้ และยังมีงูทะเลที่ไม่สนใจพวกมันแต่กลับมีฤทธิ์ทำให้ปลาที่กินเนื้อเป็นอาหารอย่างพวกฉลามหวาดกลัวได้สามารถปกป้องพวกมันได้อีกอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้จึงเรียกได้ว่าแนวสาหร่ายเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดของปลาแสงอาทิตย์แล้ว
ที่ทำให้ฉินสือโอวดีใจยิ่งกว่านั้นคือ ตอนที่เขาถ่ายจิตสำนึกโพไซดอนให้ปลาทูน่าครีบเหลืองก็พบว่าเจ้านั่นพาปลาตัวเมียมาด้วย และปลาตัวนั้นก็ท้องอยู่
นั่นหมายความว่ายังไงล่ะ? หมายความว่าหากฉินสือโอวทำมาตรการป้องกันได้ดี ฟาร์มปลาของเขาก็จะมีฝูงครอบครัวปลาทูน่าครีบเหลืองแล้ว ปลาตัวเมียตัวหนึ่งสามารถวางไข่ได้ราวระหว่าง 2-8 ล้านฟอง ขอแค่ดูแลอย่างเหมาะสมก็จะมีปลาทูน่าครีบเหลืองอย่างน้อยพันตัวที่สามารถอยู่รอดต่อไปได้
ปลาทูน่าสีเหลืองโตเต็มวัยที่มีน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัมตัวหนึ่งอย่างต่ำก็ขายได้ถึงหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดา นั่นคือหลายร้อยล้านดอลลาร์แคนาดาเลยนะ!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวตระหนักได้ว่าจริงๆ แล้วขอแค่ดูแลฟาร์มให้ดี ฟาร์มก็จะทำเงินได้ไม่แย่ไปกว่าสมบัติในท้องทะเลเลย
แน่นอนว่าปลาทูน่าครีบเหลืองไม่ได้ขยายพันธุ์ได้ง่ายดายขนาดนั้น ปลาพันธุ์นี้โตช้า จากลูกปลาจนโตได้สามสี่กิโลกรัมยังไงต้องใช้เวลาประมาณสิบเดือน โตจนสองเมตร น้ำหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัมก็ต้องใช้เวลาสิบยี่สิบปี หนำซ้ำในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ที่มีอุณหภูมิค่อนข้างต่ำก็ยิ่งโตช้าไปอีก
แต่ขอแค่มีความหวังก็พอไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างฉินสือโอวยังมีของเหนือธรรมชาติอย่างจิตสำนึกโพไซดอนเอาไว้เร่งการเติบโตด้วย
เดิมทีสองสามีภรรยาปลาทูน่าครีบเหลืองกำลังแหวกว่ายสะบัดครีบตามกันท่องยุทธภพอย่างว่องไว
ปรากฏว่าพอได้จิตสำนึกโพไซดอนโผล่ออกมา ต้าหวงก็นิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน ปลาทูน่าครีบเหลืองตัวเมียก็ตกใจจนรีบลดความเร็วแล้วว่ายไปหาสามี
ฉินสือโอวรู้สึกมีความสุข เขาใช้จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมปลาตัวเมียตัวนั้นก่อนจะถ่ายพลังโพไซดอนให้ นี่เป็นถึงแม่ปลาที่แบกชีวิตหลายร้อยล้านเชียวนะ ต้องทำให้แน่ใจว่ามันสมบูรณ์แข็งแรง
ตอนแรกฉินสือโอวกะจะให้เจ้าปลาทูน่าครีบเหลืองไปเอาไข่มุกดำที่เจอในช่วงก่อนหน้านี้กลับมาที่ฟาร์มปลา ตอนนี้พอดูๆไปแล้ว ต้าหวงคงมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ นั่นก็คือปกป้องเมียของมัน
แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าต้าหวงคงดีใจที่จะได้เป็นพ่อ มันกับปลาทูน่าครีบเหลืองตัวเมียตัวนั้นคงอยู่ด้วยกันมานานแล้ว และปลาตัวเมียตัวนั้นก็ท้องมาได้ช่วงหนึ่งแล้วด้วย
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไร รสชาติของปลาสาวคงจะอร่อยกว่า ดีไม่ดีต้าหวงอาจจะเป็นปลาเจ้าชู้ตามแบบโจโฉก็ได้
และเพื่อที่จะป้องกันสิ่งไม่คาดคิด ฉินสือโอวจึงให้เมียของต้าหวงไปอยู่ที่ฟาร์มก่อน ถ้าชอบทะเลลึกก็ไปอยู่ที่แนวสาหร่ายสีน้ำตาลก็ได้ ที่นั่นมีมังกรทะเลคุ้มครอง ปลอดภัยกว่าค่ายทหารกองกำลังพิเศษเสียอีก มังกรทะเลถนัดรบแถมยังมีพิษร้ายเทียบได้ทักษะเวทมนตร์ ต่อให้วาฬเพชฌฆาตยาวสิบเมตรไปเองก็ยังต้องยอม!
……………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset